ไปสวนโมกข์เมื่อวันที่ ๒๘ ธค. ๔๘ ได้ของดีมาฝาก เป็นของขวัญปีใหม่ ท่านอาจารย์โพธิให้หนังสือมา ๑ ชุด ๒ เล่ม ชื่อ “พินัยกรรมของพุทธทาส ระบบธรรม (เท่า) ที่นึกได้” ซึ่งมติชนสุดสัปดาห์ได้นำมาแนะนำแล้ว
ผมขอยกวรรคทอง มาเป็นของขวัญปีใหม่ สำหรับคอ KM ดังนี้
· ความรู้จากการได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน
เป็นความรู้ขั้นต้นสำหรับเอามาใคร่ครวญ;
ถือเอาทันทีไม่ได้. ยังไม่รับเอา,
ยังไม่ปฏิเสธ.
·
ความรู้หลังจากใคร่ครวญ
พินิจพิจารณา
โดยเหตุผล
ว่าจะดับทุกข์ได้หรือไม่
สำหรับนำเอาไป พิสูจน์ ทดลองปฏิบัติดู
ในส่วนที่ควรทดลอง
·
ความรู้หลังจากผ่านการพิสูจน์
หรือทดลองปฏิบัติดูแล้ว ดับทุกข์ได้จริง
สำหรับถือเป็นหลักปฏิบัติประจำตัว
หรือสั่งสอนผู้อื่นสืบไป
มีค่ายิ่ง
คงจะเห็นความสอดคล้องระหว่างธรรมะ
กับหลักการจัดการความรู้นะครับ
นี่คือข้อพิสูจน์หนึ่งว่า KM คือหลักการตามธรรมชาติ
เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้ว
“ความรู้”
ที่แท้จริงเป็นความรู้ที่มีเป้าหมายเพื่อการกระทำหรือการปฏิบัติ
ซึ่งสำหรับท่านพุทธทาสคือการดับทุกข์
สำหรับชาว KM
คือการปฏิบัติภารกิจหรือปฏิบัติงานให้เกิดผลสำเร็จระดับที่เป็นเลิศหรือภาคภูมิใจ
ไม่ใช่ “ความรู้” ลอยๆ ไร้เป้าหมาย
สวัสดีปีใหม่ครับ
วิจารณ์ พานิช
๒ มค. ๔๙
กราบเรียนท่านอาจารย์ ที่เคารพ
ผมเคยทำปริญญานิพนธ์ เรื่อง " การเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและสังคมในงานเขียน ของ เฮนรี่ เดวิด ธอโร และท่านพุทธทาสภิกขุ"
เมื่ออ่านความรู้ ๓ ชั้น แล้ว เห็นว่า ปริญญานิพนธ์ที่ทำเป็นความรู้ที่อยู่ในชั้นที่สอง ดังนั้นประโยชน์สูงสุดน่าจะได้ดำเนินการต่อยอดให้ถึงชั้นที่สาม ผมจึงพยายามคิดหาหัวข้อและโจทย์การวิจัยเพื่อต่อยอด ในลักษณะความรู้สู่การกระทำ โดยคิดกรอบคร่าวๆได้ดังนี้ครับ
1) เราสามารถสร้างแบบความประพฤติ จากหลักอิทัปปัจจยตา ของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุได้หรือไม่อย่างไร
2) เราสามารถสร้างแบบความประพฤติจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้หรือไม่ อย่างไร
3) เราสามารถบูรณาการแนวคิดทั้งสองได้หรือไม่อย่างไร
4) เราสามารถดำเนินการวิจัยด้วยการทดลองกับนักเรียนหรือเยาวชน จากความรู้หรือแนวคิดที่ได้อย่างไร
ทั้งหมดเป็นแนวคิด ที่ผมตั้งเป็นโจทย์เอาไว้ครับ ตอนนี้พยายามคิดอยู่ตลอดเวลา ถึงจุดอ่อนจุดแข็งและความเป็นไปได้ครับ ถ้าผมคิดอะไรขึ้นได้อีก จะขออนุญาติเรียนให้ท่านทราบครับ
กราบขอบพระคุณครับ
นายชัชวาล คงผึ้ง