![]() |
ฮันซังกุงกับซอจังกึมเป็นมากกว่าครูและศิษย์ ตลอดมาทั้งคู่แสดงถึงความรัก ความห่วงใยที่มีต่อกัน ให้กำลังใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดมา เช่นเมื่อครั้งที่ฮันซังกุงถูกบรรดาซังกุงทั้งหลายต่อต้านหนัก จนเกิดความท้อถอยจะลาออกจากตำแหน่ง จังกึมก็ทัดทานไว้ และให้กำลังใจให้สู้ต่อ โดยยกเหตุการณ์ที่ฮันซังกุงเองเคยให้กำลังใจตนเอง ไม่ให้ย่อท้อ เมื่อตนเองสูญเสียความสามารถในการรับรู้รสชาดอาหาร จนฮันซังกุงจำนนด้วยเหตุผล และยืนหยัดสู้ต่อไป |
ครั้งนี้อีกเช่นกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด และเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ถูกข้อหากบฏลอบใส่ยาพิษพระราชาอันมีโทษถึงตาย ทั้งคู่ถูกทรมาน จนในที่สุด เพื่อให้จังกึมรอดพ้นจากการลงโทษ ฮันซังกุงสารภาพว่าตนเป็นผู้ทำและซอจังกึมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด จังกึมจึงหมดอาลัย บอกกับฮันซังกุงว่า ตนไม่มีแรงต่อสู้อีกต่อไปแล้ว หากนายหญิง (ฮันซังกุง) ไม่อยู่ นางก็จะตามไปด้วย ฮันซังกุงบอกว่าไม่ได้ จังกึมต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของแม่และตนกลับมา |
ในที่สุด
ด้วยความช่วยเหลือของมินจุงโฮ ทั้งคู่ได้ลดโทษตาย
ไปเป็นทาสที่เกาะเทจู ระหว่างเดินทางด้วยเท้า และมือที่ถูกมัด
ฮันซังกุงร่างกายอ่อนแอจนเดินไม่ไหว จังกึมขอร้องทหารให้แก้มัดนาง
เพื่อนางจะแบกฮันซังกุง ทหารบอกว่าจะแก้มัดนักโทษกบฏได้อย่างไร
จังกึมบอกว่า แก้มัดแล้วเมื่อนางแบกฮันซังกุงแล้วก็ค่อยมัดมือใหม่
ทหารจึงยอมตามที่ขอ
ความรัก ความห่วงใย ความเสียสละ
ของทั้งคู่ที่มีต่อกัน จนถึงตอนนี้ ไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดได้อย่างไร
ใครที่มีเพื่อนแท้คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือในยามทุกข์ยากแบบนี้
คงเป็นคนโชคดีมากๆ ซึ่งหากอยากได้เพื่อนแบบนี้
อาจเริ่มที่ตัวเราก่อน
ว่าเราได้ทำตัวเป็นเพื่อนแท้กับใครบ้างหรือไม่
รวมทั้งจะยิ่งเป็นกุศลยิ่ง หากความรัก ความห่วงใย และการช่วยเหลือ
มีเผื่อแผ่ไปยังผู้ทุกข์ยาก ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนที่เรารู้จัก
แต่เป็นเพื่อนในชุมชน สังคมที่เราอยู่ ดังเช่นที่ธารน้ำใจของหลายๆๆๆ
คน มีให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ในสามสี่จังหวัดภาคใต้เมื่อสัปดาห์ก่อน