ทุกคนสามารถสร้างคุณความดีในหน้าที่ที่ตนปฎิบัติอยู่ทุกวัน แต่น่าเสียด่ายที่คนส่วนมากทำงานโดยคิดเพียงแต่ว่าเป็นหน้าที่ " ที่ต้องทำ " ขอให้ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ เพราะฉะนั้นแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่านไป จึงตกอยู่ในสภาวะที่ต้องทนทำงานอย่างเสียมิได้ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งเบื่อหน่ายหงุดหงิด ท้อแท้สิ้นหวัง ขาดพลัง หน้าตาหม่นหมอง สิ้นสง่าราศี ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
แต่ทว่าคนที่ปฎิบัติภาระหน้าที่ของตนเองด้วยใจรัก ย่อมแตกต่างไปจากคนที่ทำงานเพียงเพราะ " หน้าที่ " แต่ไม่มี " น้ำใจ" ผลที่ได้จะผิดกันราวฟ้ากับดิน
คนที่ทำงานด้วยความมีน้ำใจ รักในงานของตน แต่ละวันไม่ว่าจะต้องเผชิญความยากลำบากแค่ไหน ต้องเหน็ดเหนื่อยสักเพียงไรใบหน้าก็จะยังคงฉายแววแห่งน้ำใจที่ดีงาม
ชีวิตจะเต็มไปด้วยพลังที่สดใสมีชีวิตชีวา เป็นที่รักใคร่ชื่นชมของผู้คนรอบข้าง
ทุกคืนทุกวันที่ผ่านไป จึงสามารถเก็บสะสมคุณงามความดีจากหน้าที่ที่ตนปฎิบัติ ชีวิตและจิตใจของบุคคลนั้นมีแต่จะยิ่งสูงส่งขึ้นไปอย่างมิต้องสงสัย
เห็นด้วยกับคุณ jr ยิ่งเฉพาะทำงานกลุ่มด้วยแล้ว มันละเอียดอ่อนต้องเปิดใจฟังความคิดเห็นทุกๆคนแล้วมาตกลงหาความลงตัวหาความต้องการร่วมกัน ถึงจะเรียกธรรมาภิบาลไม่ใช่อวดเก่งตัดสินใจเอง แต่ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าละไม่ว่ากัน
การทำงานมันต้องปันใจให้กันบ้าง
การทำงานถ้าทำงานเครียดๆ เราต้องหาอะไรมาคลายเครียด
และผมเชื่ออีกอย่างหนึ่ง งาน10 งาน มันต้องเรียงลำดับ เอางานที่ต้องการด่วน ไม่น่าจะเกิน 3-4 งาน
เราต้องเรียงลำดับ ว่างานไหนเร่งรีบนะครับ จะได้ไม่เครียดทีหลัง
ด้วยควมปรารถนาดี
ฤทธิณันท์ ลำปาง
ความสำเร็จของงาน เกิดจากความสามัคคีนั่นเอง