เรื่องนี้ลูกเล่า... “พวกมาก...ลากไปจริงๆ...”


พอถึงตอนนั้นน่ะ หนูนะพยายามตะโกนเสียงดังให้อาจารย์ได้ยิน แต่สู้เสียงเพื่อนๆพวกนั้นไม่ได้ อาจารย์ไม่ได้ยินเสียงหนู....

วันก่อนนี้นั่งรีดผ้าไปก็ฟังลูกสาวคนเล็กบ่นไปพร้อมกับเปิดสมุดการบ้านทำ  เธอเล่าให้ฟังว่า 

แม่...จำได้ไหม...ที่หนูท่องวิชาสังคม...สัพเพสัตตา......น่ะ 

จำได้ลูก 

นั่นแหละ...วันนี้หนูสอบ  อาจารย์ให้ไปซ้อมท่องกับเพื่อนๆเป็นกลุ่ม 

เออ...เป็นไงล่ะ  ท่องได้ไหม...แม่ยังท่องไม่ได้เลย สมัยแม่ไม่มีเรียน 

เพื่อนน่ะ ท่องผิดอยู่ตอนนึง...คำว่าแต่หรืออะไรนี่แหละมันไม่มี  หนูบอกก็ไม่มีใครเชื่อ

 โอว!...แล้วไงล่ะ 

พออาจารย์ให้ท่องสอบพร้อมๆกัน  พอถึงตอนนั้นน่ะ  หนูนะพยายามตะโกนเสียงดังให้อาจารย์ได้ยิน  แต่สู้เสียงเพื่อนๆพวกนั้นไม่ได้  อาจารย์ไม่ได้ยินเสียงหนู....หนูเลยได้ 9.5..เต็ม 10 นะแม่ …..เฮ้อ! ...เสียดาย....

ลูกสาวจบลงพร้อมๆกับถอนหายใจ....ฉันไม่รู้ว่าจะบอกเธอว่าไงดี  ก็ได้แต่บอกว่า 

อืม....ช่างมันเถอะนะ ไอ้ที่ครั้นจะสอนเรื่องการคบเพื่อน  มันก็ไม่ใช่....เพราะเป็นกลุ่มที่อาจารย์จัด  จึงได้แต่บอกว่า...

เพื่อนมาก...เลยถูกลากไป.....

แต่ที่เห็นๆก็คือบทเรียนที่ได้จากลูก...เป็นเรื่องของ ผลของการกระทำที่แม้จะถูกต้อง  แต่ถ้าไม่ดังหรือมากพอก็อาจจะถูกกลบด้วยถ้าเสียงที่ไม่ถูกต้องแต่ดังกว่าได้....แถมอาจจะได้รับอานิสงส์จากเสียงผิดๆนั้นไปโดยปาริยาย....

.....น่าสงสารจริงๆ.......

...........................................................................................................

ดิฉันได้อ่านข้อคิดเห็นของคุณโอ๋-อโณแล้ว...ชอบมากๆค่ะ จึงขอนำลงในบันทึกเพิ่มเติม  เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นค่ะ..ขอบคุณคุณโอ๋- อโณค่ะ

"สภาพการณ์แบบนี้ พบได้บ่อยนะคะในห้องเรียนเด็กไทย ดีที่น้องกีต้าร์เอามาเล่าให้คุณแม่ฟัง ปกติเวลาได้ฟังเรื่องแบบนี้จากน้องฟุงก็จะบอกว่า ......ถ้าลูกมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกก็ให้ยึดมั่นเอาไว้ แม่เห็นด้วย คนอื่นเห็นเป็นอย่างอื่น รวมทั้งคุณครูเราก็ฟังเอาไว้คิดเฉยๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือท้อแท้ผิดหวังไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น สังคมปกติก็เป็นแบบนี้ เราทำสิ่งที่เราคิดว่าดีได้โดยไม่จำเป็นต้องเหมือนหรือไม่เหมือนใคร ถ้าเรารู้ว่าความเป็นจริงคืออะไร .......คิดว่าวิธีนี้ลูกก็จะมั่นใจในตัวเอง โดยไม่อิงกับคุณครูหรือเพื่อนๆจนเกินไปค่ะ คุณติ๋วก็คงมีลักษณะที่มั่นคงในสิ่งที่ตัวเราเองคิดให้ลูกเห็นอยู่แล้วแน่ๆค่ะ ทำให้เธอก็มั่นใจในตัวเองจนพยายามเปล่งเสียงดังอย่างนั้น เธอคงเอามาเล่าเพื่อขอความมั่นใจเพิ่มเติมจากคุณแม่นั่นเอง ฝากบอกว่าป้าโอ๋ชมหนูด้วยคนนะคะ ที่เชื่อมั่นตัวเองอย่างนั้น เยี่ยมๆค่ะ" 

P
โอ๋-อโณ
เมื่อ ส. 14 ก.ค. 2550 @ 01:36
หมายเลขบันทึก: 111358เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2007 18:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2012 10:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะคุณกฤษณา สำเร็จ  

อันนี้คงจะเข้าข่าย ปลาเน่าตัวเดียว ตายทั้งข้อง ประมาณนั้นด้วยกระมังคะ

แย่ทั้งสองทางเลยนะคะ ถ้าถูกพวกมากลากไป และ บางครั้งมีใครทำอะไรเสียคนเดียวก็เสียชื่อไปกันหมดเหมือนกัน...

ที่สำคัญคือถ้าเราเข้าใจเหตุและผล เราก็จะไม่โทษตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ แล้วก็คงโทษสังคมไม่ได้เหมือนกัน เพราะข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้มากจริงๆ ในสังคมที่มีคนมากมายที่ยังทำข้อผิดพลาดได้ตลอดเวลา...

สุดท้ายก็เข้าบทคาถาที่น้องท่องน่ะค่ะ แผ่เมตตาได้อย่างเดียวเลยค่ะ ^ ^

_____________________

(จาก web http://www.dhammathai.org/treatment/kata/kata03.php)

แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิดฯ

เรียน อ.

P

กมลวัลย์
ค่ะ....

  • ดิฉันขอขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณานำบทสวดแผ่เมตตามาฝากค่ะ
  • เรื่องเล็กๆของลูกเป็นเพียงสะกิดใจให้ดิฉันมองเปรียบเทียบไปถึงองค์กรใหญ่ๆ...ที่ดิฉันเองก็เคยประสบในเรื่องของการพูดส่งเสียงดังข่มผู้อื่นในที่ประชุม....ทำให้คนไม่ค่อยพูดเลยเงียบไปเพราะขี้เกียจจะเถียงค่ะ....และก็เลยได้เห็นประโยชน์ของการใช้บัตรคำ...เป็นสื่อแสดงความคิดเห็นที่ลดเรื่องการใช้เสียงข่มกัน
  • ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

   สวัสดีครับ...

  • ขอบคุณมากนะครับ....สำหรับคำแนะนำในการรักษาสุขภาพ
  • สงสัยว่าคงเป็นเพราะไม่ด้ท่านอาหารเช้าครับ...ผมไม่ได้ทานข้าวเช้ามานานหลายปีแล้วละครับ..
สภาพการณ์แบบนี้ พบได้บ่อยนะคะในห้องเรียนเด็กไทย ดีที่น้องกีต้าร์เอามาเล่าให้คุณแม่ฟัง ปกติเวลาได้ฟังเรื่องแบบนี้จากน้องฟุงก็จะบอกว่า ถ้าลูกมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกก็ให้ยึดมั่นเอาไว้ แม่เห็นด้วย คนอื่นเห็นเป็นอย่างอื่น รวมทั้งคุณครูเราก็ฟังเอาไว้คิดเฉยๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือท้อแท้ผิดหวังไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น สังคมปกติก็เป็นแบบนี้ เราทำสิ่งที่เราคิดว่าดีได้โดยไม่จำเป็นต้องเหมือนหรือไม่เหมือนใคร ถ้าเรารู้ว่าความเป็นจริงคืออะไร คิดว่าวิธีนี้ลูกก็จะมั่นใจในตัวเอง โดยไม่อิงกับคุณครูหรือเพื่อนๆจนเกินไปค่ะ คุณติ๋วก็คงมีลักษณะที่มั่นคงในสิ่งที่ตัวเราเองคิดให้ลูกเห็นอยู่แล้วแน่ๆค่ะ ทำให้เธอก็มั่นใจในตัวเองจนพยายามเปล่งเสียงดังอย่างนั้น เธอคงเอามาเล่าเพื่อขอความมั่นใจเพิ่มเติมจากคุณแม่นั่นเอง ฝากบอกว่าป้าโอ๋ชมหนูด้วยคนนะคะ ที่เชื่อมั่นตัวเองอย่างนั้น เยี่ยมๆค่ะ 
สวัสดีค่ะ คุณ
P
  • ถ้าเป็นเพราะไม่ได้ทานอาหารเช้ามานานก็อาจจะชิน  แต่บางครั้งพลังงานที่ใช้มันมากขึ้นๆ....อยากให้ทานอะไรซะหน่อยตอนเช้าค่ะ  แล้วจะเห็นว่า.."ชีวิตมีแฮงขึ้นเยอะ"...ค่ะ...อาการจุกเสียดจะได้ไม่กลับมาเป็นอีก
  • ถ้าปล่อยท้องว่างตอนเช้ามานาน  การดื่มนมอาจจะทำให้ท้องเสียได้...อาจจะดื่มน้ำเต้าหู้  ข้าวต้มซักถ้วยอุ่นๆท้อง..ลองดูนะคะ...รีบมากๆก็ขนมปังซักแผ่น...
  • สำหรับดิฉันเช้ามาก็กาแฟ 1 แก้ว(ที่หวานใจชงให้)  แล้วสายๆก็ถึงกับข้าวเหนียวจิ้มแจ่ว..ที่น้าบัว..พนักงานแม่บ้านทำมาทานกันทุกเช้าค่ะ..ไม่งั้นไม่มีแรงทำงาน.....
  • ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณโอ๋-อโณ

P
  • ขอบคุณพี่โอ๋มากๆค่ะที่ให้คำแนะนำว่าจะบอกลูกยังไงดี....ชอบมากจริงๆค่ะ จะขอจดจำนำไปใช้
  • "ถ้าลูกมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกก็ให้ยึดมั่นเอาไว้ แม่เห็นด้วย คนอื่นเห็นเป็นอย่างอื่น รวมทั้งคุณครูเราก็ฟังเอาไว้คิดเฉยๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือท้อแท้ผิดหวังไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น สังคมปกติก็เป็นแบบนี้"
  • "เราทำสิ่งที่เราคิดว่าดีได้โดยไม่จำเป็นต้องเหมือนหรือไม่เหมือนใคร ถ้าเรารู้ว่าความเป็นจริงคืออะไร"
  • ขอบคุณค่ะ....ที่ชี้ทางสว่างจริงๆในการหาข้อคิดสอนลูก....

การเรียนสมัยนี้แข่งขันกันตั้งแต่ยังเด็ก

แต่ว่าน้องกีต้าร์เป็นเด็กฉลาดและไหวพริบดีอยู่แล้ว

ผมมั่นใจว่าน้องกีต้ารืเก่งไม่แพ้ใครแน่นอนคับพี่ติ๋ว

เด็กเรียนเก่งที่อยู่ห้องคิง จะต้องแข่งกันเรียน

การคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงก้แทบไม่มีเท่าไร

มองได้หลายรูปแบเนอะพี่ติ๋ว

แล้วแต่ว่าเราจะแนะนำลูกแบบไหน

สวัสดีค่ะ น้องหมู

  • พี่ติ๋วเห็นด้วยค่ะ  ไม่อยากให้ลูกเรียนสูงเด่นเหนือใครๆ....อยากให้เป็นเด็กธรรมดา  รู้จักชีวิตของผู้คนปกติ...มีเวลานั่งเล่นหมากเก็บได้...ไม่ถึงกับต้องนั่งท่องหนังสือจนเอียน.....
  • แต่เดี๋ยวนี้เท่าที่สังเกตวิธีเรียนก็มีการท่องจำน้อยลงแล้วค่ะ....  เรียนเป็นหัดคิดวิเคราะห์มากหน่อย
  • เมื่อไหร่น้องหมูจะได้มีโอกาสเลี้ยงเด็กๆบ้างล่ะจ๊ะ...พี่ติ๋วคอยฟังข่าวดีอยู่นา

อีกประมาณ 2 ปีแต่งงานแต่เด็กๆไม่รู้อ่ะพี่ติ๋ว

อยากเที่ยวให้สะใจก่อน เลี้ยงหลานดีก่า อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท