BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

นักบวชอวกาศ


นักบวชอวกาศ

มีโครงเรื่องนิยายที่ต้องการจะเขียนเรื่องหนึ่ง คิดไว้หลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เขียน จึงนำมาเล่าเล่นๆ เผื่อใครสนใจก็นำไปเขียนได้....

ใครเคยคิดบ้างว่า อีก 300-500 ปีข้างหน้า นักบวชจะเป็นอยู่กันอย่างไร ? ... เฉพาะนักบวชในบวรพุทธศาสนา คือ พระภิกษุ-สามเณร ... ผู้เขียนเคยจินตนาการไว้เล่นๆ ว่าน่าจะเป็นไปทำนองนี้ (ถ้าโลกไม่บรรลัยเสียก่อน)...

ในอนาคตหลายร้อยปีข้างหน้า วัดซึ่งเป็นศาสนสถาน อาจเป็นดาวเทียมหรือยานอวกาศขนาดย่อมที่ล่องลอยไปในอวกาศ... ขณะที่ชุมชนขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างก็จะล่องลอยอยู่ในอวกาศเช่นเดียวกัน...

ชุมชนเหล่านี้ มีผู้ปกครองตามเขตแดนที่แบ่งแยกกันออกไป ซึ่งระหว่างชุมชนเหล่านี้ อาจเป็นพันธมิตรหรือคู่สงครามระหว่างชุมชนดังเช่นปัจจุบัน... ส่วนยานอวกาศของนักบวชหรือวัดยุคนี้ก็จะล่องลอยไปมาระหว่างชุมชนเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งวัดเหล่านี้ อาจอยู่ประจำอยู่ในชุมชนนั้นๆ เป็นเวลานานๆ หรือบางครั้งก็อาจพเนจรไปเรื่อยๆ คล้ายๆ พระธุดงค์ สมณทูต หรือคณะธรรมจาริก....

วัดยุคอวกาศทำนองนี้ ปกติจะวางตัวเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสียกับการต่อสู้หรือแก่งแย่งระหว่างชุมชน... เมื่อจาริกไปที่ใดก็จะเผยแพร่แนวคิดเชิงสันติสุข ปรัชญาชีวิต หรือหลักธรรมทางศาสนานั้นๆ...   และชุมชนที่วัดไปเยือนก็จะช่วยเหลือด้านปัจจัย ๔ หรือช่วยซ่อมแซมยานอวกาศซึ่งเปรียบเสมือนวัดเป็นการตอบแทน ทำนองเดียวกับการทำบุญในยุคปัจจุบัน....

......

ตัวละครสำคัญในเรื่องตามที่คิดฝันไว้ ซึ่งอยู่ในยานอวกาศที่เป็นประดุจวัดในยุคโน้น มี ๓ ชีวิต กล่าวคือ หลวงพ่อ เณรน้อย และโยมผู้เฒ่า ...

  • หลวงพ่อ เป็นพระเถระอายุประมาณ ๕๐ ปี มีประสบการณ์ในทางธรรม แต่ขาดประสบการณ์ในทางโลก...
  • โยมผู้เฒ่า มีอายุประมาณ ๖๕ ปี เคยเป็นนักรบผู้กร้านชีวิต ภายหลังเกิดศรัทธาต่อหลวงพ่อจึงมอบตัวเป็นศิษย์ คอยช่วยเหลือในสิ่งต่างๆ...
  • เณรน้อย มีอายุประมาณ ๑๘ ปี ยังอ่อนทั้งทางโลกและธรรม มีนิสัยใคร่รู้ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สาม....

......

ผู้เขียนสมมติว่า สงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นแล้วในปี พ.ศ. ๒๕๗๐ (หรืออีกยี่สิบปีข้างหน้า เมื่อเทียบปัจจุบัน) โดยอาศัยคอมพิวเตอร์ยุคอนาคต ทำให้เณรน้อยใช้เวลาว่างศึกษาประวัติศาสตร์ยุค ๒๐ ปีก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม... เมื่อมีข้อสงสัยจึงไปถามหลวงพ่อบ้าง โยมผู้เฒ่าบ้าง...

...และนั่นคือประเด็นสำคัญของเรื่องซึ่งผู้เขียนจะจินตนาการต่อไป...

ตามที่คาดหมาย นิยายเรื่องนี้จะจบเรื่อง เมื่อวัดยุคอวกาศลำนี้มาจอดซ่อมอยู่ที่ชุมชนแห่งหนึ่ง... เณรน้อยได้พบปะผู้คนมากขึ้น จึงได้ลาสิกขาไปเพื่อเข้าทำงานในฐานะนักวิชาการประวัติศาสตร์ในชุมชนแห่งนี้.... และเมื่อยานอวกาศลำนี้ซ่อมเสร็จ ก็ออกจากท่าเพื่อล่องลอยไปในอวกาศเผยแพร่ธรรมสืบต่อไป... ประมาณนี้

....อวสาน.....

คำสำคัญ (Tags): #นักบวชอวกาศ
หมายเลขบันทึก: 111018เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2007 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

นมัสการค่ะ

จินตนาการท่านไปไกล แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้นะคะ

เสียดายที่ ไม่อาจอยู่ รอดูได้ค่ะ

แต่ลองเขียนซีคะ จะคอยอ่านค่ะ

เอ... ประชาคมโลกในยุคนั้น จะเข้าใจไหมครับ ว่าความรุนแรง ความเห็นแก่ตัว การครอบครอง โดยที่สังคมส่วนรวมอยู่ไม่ได้ จะทำให้สิ่งต่างๆ ที่กอบโกยมา ไม่มีความหมายอะไรเลย ทั้งต่อตนเองและคนรอบตัว

ปัญหาของวันนี้ ไม่ใช่ปัญหาของการบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกวันนี้คือความปลอดภัย ขวัญดีของประชาชน ซึ่งเดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปทุกแห่งทุกหน มีความหวาดระแวงว่าจะเกิดอันตราย มีความหวาดระแวงว่า ประเทศชาติจะล่มจม โดยที่จะแก้ไขลำบาก ตามข่าวที่ได้ทราบมาจากต่างประเทศ เพราะเหตุว่าในขณะนี้ ทั้งลูกชายทั้งลูกสาวก็อยู่ต่างประเทศ ทั้งสองก็ทราบดี แล้วก็ได้พยายามที่จะแจ้งให้กับ คนที่อยู่ในประเทศเหล่านั้นว่า ประเทศไทยนี้ยังแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่รู้สึกว่าจะเป็นความคิด ที่เป็นความคิดแบบหวังสูงไปหน่อย ถ้าหากว่าเราไม่ทำให้สถานการณ์อย่าง ๓ วันที่ผ่านมานี้สิ้นสุดไปได้ ฉะนั้นก็ขอให้โดยเฉพาะสองท่าน คือพลเอกสุจินดา และพลตรีจำลองช่วยกันคิด คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง

http://www.kanchanapisek.or.th/speeches/1992/0520.th.html

P
อนุโมทนา... สำหรับคุณโยมที่ลงชื่อเยื่ยมเป็นท่านแรก...
ประเด็นที่ต้องการนำเสนอจริงๆ ก็คือวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาสังคมโลกยุคนี้.... ประมาณนั้น
ถ้าไม่มรณภาพเสียก่อน ก็อาจได้เขียน....
เจริญพร
P
อนุโมทนาที่คุณโยมอัญเชิญข้อความนี้มา เพื่อคอยย้ำเตือนอีกครั้ง....
..... 
ตามความเห็นส่วนตัว มวลมนุษย์ก็คงจะมีพื้นฐานทางจิตใจเป็นที่พึงปรารถนาบ้าง ไม่พึงปรารถนาบ้าง ดังเช่นปัจจุบันนี หรืออดีตที่ผ่านมา...
สั้นๆ ง่ายๆ ว่า คนดีและคนชั่วน่าจะมีอยู่ทุกสังคมและทุกยุคสมัย....
เจริญพร
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท