เป้าหมายการทำสงครามในอิสลาม


การทำสงครามอิสลามจะห้ามไม่ให้ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ประโยชน์กับคนเรา อิสลามจะห้ามไม่ให้ทำลาย และคนที่กระทำในสิ่งที่ต้องห้ามถือว่าได้กระทำบาป

การทำสงครามเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่ปราถณา เพราะมันไม่ได้ทำให้เลือดเนื้อต้องสูญเสียอย่างเดียว แต่ยังทำลายความอยู่เย็นเป็นสุขของผู้คนมากมาย แต่การทำสงครามก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีอำนาจที่ใช้ในการค้นหาผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อวางอำนาจทางการเมือง แม้แต่ประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างอเมริกาและอังกฤษก็ยังนำสงครามมาเป็นวิธีการในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศษฐกิจ ด้วยเหตุนี้อะไรก็ตามที่เป็นกำแพงกันผลประโยชน์ก็จะต้องถูกทำลายทุกวิธีทาง

แต่หากดูเป้าหมายการทำสงครามในอิสลามแล้ว จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะเป้าหมายหลักในการทำสงครามในอิสลามมีสองอย่าง คือ

1. เพื่อเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ซึ่งอิสลามได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการบังคับให้เข้ารับอิสลาม คุณมีสิทธิที่จะคงอยู่ในศาสนาเดิม

2. เพื่อปกป้องอิสลาม ความหมายของการปกป้องคือปกป้องทุกอย่างที่เกียวกับอิสลาม ปกป้องประเทศจากการถูกรุกรามของศัตรู ปกป้องชื่อเสียงของศาสนา ปกป้องประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจแห่งอิสลาม ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอิสลามหรือไม่

อิสลามไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ นอกจากที่จะสร้างความสันติสุขให้กับทุกคน เมื่อใดที่อิสลามชนะศึกสิ่งหนึ่งที่อิสลามจะต้องปฏิบัติคือความเสมอภาพความเท่าเทียมกันระหว่างประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจ

ฉะนั้นในช่วงการทำสงครามอิสลามจะห้ามไม่ให้ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ประโยชน์กับคนเรา อิสลามจะห้ามไม่ให้ทำลาย และคนที่กระทำในสิ่งที่ต้องห้ามถือว่าได้กระทำบาป

และท่านศาสนาฑูตได้ฝากให้กับกองทัพทุกคนว่า หากพวกเขาเหล่านั้นไปทำสงครามในที่ใดที่หนึ่ง ก็จงอย่าได้ทำสงครามเมื่อใดที่พวกเขาได้ยินเสียงอาซาน (เสียงเรียกให้ไปละหมาด) หรือได้เห็นมัสยิด

และการทำสงครามในอิสลามจะไม่ทำกันอย่างลักๆล่อๆ แต่ทางแม่ทัพหรือผู้นำจะต้องแจ้งให้อีกฝายหนึ่งทราบว่า จะเข้าอิสลามหรืออยากจ่ายจิสยะห์ (จิสยะห์เปรียบเสมือนภาษีที่คนต่างศาสนิกที่อาศัยอยู่ใต้อำนาจอิสลามต้องจ่ายให้กับประเทศอิสลาม) หรือจะทำสงครามก่อน

ฉะนั้นเขามีสามทางเลือก เข้ารับอิสลาม หรือ คงอยู่ในศาสนาเดิมแต่ต้องจ่ายจิสยะห์ หรือทำสงครามก่อน

ไม่ใช่ว่า ยิงเช้ายิงเย็น ไม่ส่งสัญญาน ฆ่าทุกคน การกระทำแบบนี้ไม่ใช่คำสั่งสอนของอิสลามแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 109497เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 07:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 11:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
โอ้ไล่กันทีจริงๆ ผมเพิ่งเขียนเรื่องสันติวิธี อาจารย์นำเสนอต่อด้วยสงครามในอิสลาม เยี่ยมยอดครับ

อัสลามุอาลัยกุม

ก่อนอื่นต้องขอชมในความพยายามของพี่จริงๆ น่าเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง น้องมีประเด็นเกี่ยวกับสงครามที่มากคนมักพูดว่าอิสลามเป็นศาสนาแห่งความรุนแรง และการได้มาซึ่งอณาเขตที่กว้างขวางนั้นเป็นการล่าอณานิคม  จริงๆหากเราเป็นอิสลามคงไม่มีคำตอบอื่นที่ต้องแต่สำหรับการตอบคำถาม มันกำลังเป็นประเด็นที่น่าสาใจคะ ยังไงช่วยให้คำตอบหน่อยนะคะ

ขอตอบน้องฮับเซาะ

ต้องขอมาอัฟที่ตอบช้าไปหน่อย เพราะช่วงนี้งานมันเยอะ เลยไม่ได้เปิดดูนานแล้วละ

เรื่องเกียวกับความรุนแรงของศาสนาอิสลามหากจะเทียบกับความรุนแรงของประเทศมหาอำนาจที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามแล้ว เช่นอังกฤษและโปรตูเกศในอดีต และอเมริกาในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าประเทศมหาอำนาจเหล่านี้พร้อมที่จะฆ่าทุกอย่างที่ขวางทางผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง คนชรา และเด็กๆ ซึ่งต่างกับศาสนาอิสลามที่มีบทบัญญัติอย่างชัดเจนห้ามฆ่าตัดชีวิตกลุ่มคนเหล่านั้น แล้วคุณคิดว่าอันไหนจะรุนแรงกว่ากัน

เรื่องอณาเขตนั้นไม่ใช่เป้าประสงค์ของอิสลาม แต่ในอัลกุรอานมีอายัตหนึ่งซึ่งมีความหมายว่า ((จงทำสงครามกับพวกเขา (คือผู้ไม่ศรัทธา) จนกว่าฟิตนะห์จะหมดไป)) ฉะนั้นเจตณารมของอิสลามในการทำสงครามนั้นคือเพื่อที่จะให้ฟิตนะห์ (สิ่งชั่วร้าย) หมดไป ไม่ใช่เพื่อแสว่งหาอณาเขตและกดขี่ประชาชน

ดิฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับความหมายของการทำประโยชน์ในทัศนะของอิสลาม แต่หาไม่ได้ ขอรบกวนท่านอาจารย์ช่วยตอบให้หน่อย ถ้ามีเอกสารแนะนำก็ยิ่งดีค่ะ ขอบคุณค่ะ

..................(มุสลิมคนหนึ่ง)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท