มีเรื่องหวาดเสียวมาเล่า...
ผมได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่ได้แก้ไขเสร็จแล้ว ว่า "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถแก้ไขได้โดยการ รวบรวมรายชื่อ 50000 รายชื่อจึงจะสามารถเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้
ถ้าผมเป็นเจ้าพวกป่วนเมืองล่ะก้อ.... หวานหมูเลย เสียงเพียงแค่นี้สามารถทำให้ประเทศไทยปั่นป่วนได้ ใช้เงินเพียง 50 ล้านบาทก็สามารถทำได้ ......
ถ้ารวบรวมรายชื่อได้ ใครจะเป็นผู้พิจารณารับฟังและลงมติให้เปลี่ยนแปลงได้ ....
จะอย่างไรก็ช่าง รัฐธรรมนูญ จะต้องถูกเปลี่ยนแปลงอีกรอบ หลังเลือกตั้ง ณ ตอนนี้ ไม่มีใครอยากจะออกมาพูดกันให้เกิดความเสียหายกับตนเอง.... ( เพราะเสียง 50,000 มันเปิดช่องว่างอยู่แล้ว ) รีบๆ ทำ รีบๆ แก้เสีย เพราะบทละครที่นักคิด นักวิจารณ์ทำกันตอนนี้ ไม่ใช่ของจริงดอก แล้วรีบๆ จัดให้มีเลือกตั้งกันเกิดขึ้น
...ใครเป็นพวกป่วนเมือง ให้ไปบอกพวกพ้องเสีย และหยุดต่อต้าน...(ถ้าไม่มีบันไดจะลงก็ทำต่อไป... จนกว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง) และให้ไปลงมติ(รับด้วยเดอ...) เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว แล้วกลุ่มของพวกท่านหรือนอมินีของท่านจะได้มีเวทีใหม่ในการต่อสู้
เหตุการณ์ หลังการเลือกตั้ง ควรจะมีประชาวิจารณ์ ในประเด็นสำคัญในรัฐธรรมนูญ ให้มีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง กันอีกรอบ นำประชาชนมามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นด้วย
ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ....
คณะกรรมการ(หรือสภารัฐธรรมนูญ) ที่จะผ่านมติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นใคร? มาจากไหน? .... หวังว่า ไม่ได้ถูกกำหนดโดย คปค. นะครับ..... ถ้าสภาเป็นพวกที่มาจาก คมช หรือ คปค. ต้องยกพวกตีกันหน่อยล่ะ....
ถามว่า.... หลังจากการเลือกตั้ง สภารัฐธรรมนูญ มีใครบ้าง? ....
ผู้ที่มีอำนาจในตอนนี้ ใครจักสามารถตอบปัญหาข้างต้นได้?
เนื้อหารัฐธรรมนูญ ณ ตอนนี้ ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ สนใจเพียงว่ามีช่องให้สามารถแก้ไข หรือ เปิดโอกาสให้มีการพัฒนา(หรือทบทวน)การของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว และ ใครจะมาเป็นสภารัฐธรรมนูญหลังเลือกตั้ง
ทุกท่านอย่าหลงประเด็นสำคัญไปครับ.....
ความสำคัญของรัฐธรรมนูญ...จักต้องเป็นสิ่งที่เกิดจากการยอมรับจากประชาชน การลงมติในขณะที่ประชาชนยังงง ๆ อยู่ จึงไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ทำอย่างไรได้ ... เวลาไม่มีและต้องการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจาก คมช. ไปสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยให้การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด จึงเป็นลำดับความสำคัญที่ต้องเร่งทำก่อน
หลังจากผ่านการเลือกตั้ง มี สส สว และ/หรือ สถาบันอิสระอื่นๆ ถูกจัดตั้งมาครบองค์ประกอบแล้วจึงจะมาเริ่มกระบวนการสรรหาความยุติธรรม กันใหม่ เริ่มนับกันอีกรอบ ทบทวนรัฐธรรมนูญกันอีกรอบ
ข้อดีในการกำหนด ให้มีการทบทวนรัฐธรรมนูญหลังจากการเลือกตั้ง โดยจัดให้มีการจัดทำประชาวิจารณ์ และศึกษาอย่างกว้างขวาง
- กลุ่มป่วนการเมืองจะไม่มีข้อโต้แย้งในการไม่รับมติ รับร่าง...
- สามารถเร่งกระบวนการเสร็จภายในกรอบได้ทัน
- หลีกเลี่ยงการใช้รัฐธรรมนูญที่ หยิบยื่นจาก คมช. เพราะจักมีปัญหาตามมาอีกเยอะ ( คงจะอ้างรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 40 ตัดแต่งบางประเด็น และ เพิ่มเติม หนังสือประกาศ คปค. )
ขอร้องและวิงวอน ท่านที่กำลังชุมนุมทั้งหลาย หรือ พวกพ้อง ( ที่ได้อ่าน บทความชุดนี้ ) หยุดการกระทำต่อต้านการลงมติ ถ้าหากท่านประสงค์จะทำงานเพื่อชิงอำนาจกลับ
ท่านจะต้อง ศึกษาว่า มีการเปิดประตู เปิดช่องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากการเลือกตั้ง และ ต้องตรวจสอบว่าใครที่จะถูกกำหนดให้มาเป็นสภารัฐธรรมนูญ จักเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับท่าน...
สำหรับผมแล้ว ถ้าให้เลือก คือ ไปลงมติรับรัฐธรรมนูญไปก่อน ( ใจจริงไม่ยอมรับเท่าไหร่?... เพราะความชัดเจนเรื่องการพัฒนาหรือทบทวนรัฐธรรมนูญยังไม่เห็นด้วย และ ไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นผู้รับสนองการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหรือมาเป็นสภารัฐธรรมนูญ)
ในใจผมแล้ว เห็นว่า
1. รัฐธรรมนูญจักต้องผ่าน การวิพากษ์ วิจารณ์จากประชาชนหรือให้ประชาชนได้ศึกษากันอย่างกว้างขวางก่อน แล้วปรับปรุงแก้ไขกัน(อีกรอบ) และให้ประกาศใช้กัน
2. รัฐธรรมนูญจักต้องมีพัฒนาการ ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ ( เพราะท่านเขียนรัฐธรรมนูญ ที่ลงลึกในรายละเอียดมากไป จึงทำให้รัฐธรรมนูญ จักต้องปรับแก้ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ )
ในเมื่อเขียนลึกในรายละเอียด ความจำเป็นสำหรับบทเฉพาะการแก้ไข หรือทบทวนรัฐธรรมนูญ จักต้องมีไว้ เช่น รัฐธรรมนูญจะต้องมีการทบทวนเกิดขึ้น ทุกๆ 6 ปี หรือ ทุกๆ 10 ปี ให้เลือกเอา ( พิจารณาจากการนับรอบการเลือกตั้ง สส - นับรอบการปฏิวัติ ทุกๆ 12-15 ปี ) เพราะหลังจากใช้เวลาในการทบทวนประมาณ 2 ปี รวมระบบประชาวิจารณ์อย่างกว้างขวางแล้ว จะมีการเลือกตั้งทันทีเมื่ออายุของสภา สส ครบ ....หมายความว่า ทุก 2 รอบ หรือ ทุก 3 รอบของอายุสภา สส จะมีรัฐธรรมนูญฉบับปรับปรุงใช้กัน ( กลุ่มผู้อ้างตัวเองว่ารักชาติ จะได้ไม่ต้องเอามาเป็นข้ออ้างว่า ไม่มีทางออกทางการเมืองที่ดี หรือ เพื่อความมั่นคงของชาติ ขอปฏิวัติกันหน่อย.... )
3. เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น การขัดแย้งในอย่างรุนแรงในระบบการเมือง จึงจะสามารถให้มีการทบทวนรัฐธรรมนูญ โดยการลงรายชื่อกันและต้อง มากกว่า 50,000 มีการรับรองโดย ใคร? จักต้องกำหนดให้ดี
4. และใครจะมาเป็นผู้รักษาความเป็นกลางทางการเมือง ( ถ้ากลุ่มอำนาจเก่า หรือ บุคคลที่ชอบใช้เงินซื้อประเทศ ยังคงอยู่ ไม่ตายไปจากทางการเมือง) ความขัดแย้งยังคงมีอยู่ และพร้อมที่จะเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใครจะมาเป็นผู้ขั้นจังหวะทางการเมือง ให้ เมื่อเกิดกรณีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกันอีก ...ไม่อยากจะเห็นการปฏิวัติกันอีก
หรือว่าท่านจะเชิญกองทัพ เอ็งทำการ...ได้เลยนะ หรือว่า ยกขบวนกันออกมาต่อต้านกัน ....มีใครจักตอบคำถามเหล่านี้ได้...
ขอฝากความคิดไว้กับทุกท่านด้วย ถ้าหากท่านเห็นด้วย หรือ มีความคิดเหมาะสมประการใด ฝากความคิดลงในท้ายฉบับนี้ และช่วยกัน บอกต่อ ถึงแนวความคิดของท่านด้วยครับ
ภูดิศ เอกทัตร์
ความเห็น (2)
พูดถึงเรื่อง รัฐธรรมนูญ หนูก็เป็นตัวแทนเด็กและเยาวชนที่ไปร่วมร่างรัฐธรรมนูญมาค่ะ แต่เด็กอย่างหนูก็ยังสงสัยอีกหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาล "สงสารประเทศชาติ"
อะไรจะเกิดขึ้น มันย่อมมีเหตุให้เกิด ทำนองเดียวกัน อะไรจะดับ มันย่อมมีเหตุให้ดับเช่นกัน
ผู้ที่มีอำนาจมากสุดๆ แต่ก็ยังถูกล้มล้างไปจนได้... เราเรียกว่า ธรรมชาติ หรือ กรรมของแต่ละบุคคลที่ก่อเหตุต่อกันในอดีตชาติ
...แม้นว่าจะมีคนดี มาทำลายผู้มีอำนาจมาก(ในอดีต) แต่คนดี ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้เป็นนักปกครอง....เพราะเขาถูกกำหนดมาให้ ทำลายผู้มีอำนาจเท่านั้น
ต้องรอไปก่อนครับ....
สิ่งที่เราควรทำ มากที่สุด ทำตัวเป็นคนดี ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นแต่ตัวเรา....
คิดดี ทำดี นั่งสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลมาก ๆ และ รู้จักปล่อยวาง .... ทำหนึ่งคนก็จะดีหนึ่งคน ทำหลายคนก็จะดีหลายคน