มองเห็นทุกข์ของชาวบ้าน


เลยเห็นทุกข์ของตน และปลงได้เร็วขึ้น เข้าใจได้มากขึ้น

         มองเห็นทุกข์ของชาวบ้าน เลยเห็นทุกข์ของตน และปลงได้เร็วขึ้น เข้าใจได้มากขึ้น ครอบครัวบางครอบครัวทำให้บางครอบครัวเห็นทุกข์และเข้าใจกันและกันมากขึ้น ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่มีปัญหาเหมือนกับหลายๆครอบครัว แต่เมื่อเราจำเป็นต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับครอบครัวอื่น มันกลับทำให้เราในบ้านมองตากัน และเข้าใจมากกว่าแต่ก่อน

    บ้านอื่นนั้นช่างมีปัญหามากว่าบ้านเรา แตกต่างจากเรา บ้านเรา
ช่างโชคดี ที่ยังมีมารดาและบิดาผู้ประเสริฐ เป็นผู้ที่ไม่เคยเก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆมาใส่ใจ พวกเราสามารถเคลียร์ปมในใจของใครก็ตามในบ้านที่อาจเกิดขึ้นได้บางครั้งก็เป็นคู่ พี่กับน้อง คู่แม่กับน้อง คู่แม่กับพี่ เป็นต้น

   การปรับความเข้าใจเกิดขึ้นตลอดเวลาที่บางคนเพ่งโทษอีกคน หรือในทางกลับกัน เราจะไม่ยอมปล่อยปัญหาให้เรื้อรังข้ามเดือนเลย
แต่กับบางบ้านปัญหาถูกสะสมเป็นปีๆ และอัตตาของสมาชิกในบ้านก็ช่างหนา และแรงอย่างยิ่ง


       วันนี้ ตอนนี้ ฉันสามารถเห็นกรณีศึกษาของบ้านที่มีบุพการีที่ใฝ่ธรรมะ รักษาศีล ฝึกสมาธิถึงขั้นวิปัสสนา แต่หาเกิดปัญญาไม่ บุพการีเพ่งโทษบุตรของตน ด้วยเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องได้ อาทิการที่ลูกชายจะมีภรรยาโดยไม่ได้ปรึกษาพ่อแม่ และแน่นอนว่าอคติระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ก่อตัวขึ้น ท่านอาจไม่อยากจะเชื่อว่า แม้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้กราบขอขมาต่อมารดาของตนแล้ว แต่มารดาผู้ฝึกปฏิบัติธรรมะ ก็หาได้ให้อภัยทานต่อลูกของตนไม่ ธรรมะก็ฝึกไป แต่เมื่อเจอโจทย์มาทดสอบวิชาและปัญญากับแพ้ไม่เป็นกระบวน
บางบ้านไม่ค่อยได้เข้าวัด ไม่เคยแม้แต่จะฝึกวิปัสสนา แต่กลับเต็มไปด้วยปิยะวาจา และการให้อภัย เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แม้ว่าจะมีการทะเลาะกันบ้างแต่พวกเขา เรียนรู้ที่จะไม่เพ่งโทษคนในบ้าน แม้ว่าบางครั้งจะไม่ค่อยไว้วางใจกันเอง แต่พวกเขาก็เรียนรู้ว่าไม่มีใครจะไปบังคับพฤติกรรมใครได้ หากใครคนนั้นหลงไปในการก่อเวรกรรมใด มันก็เป็นเวร และกรรมส่วนตัวของเขาคนนั้น เขาเรียนรู้ที่จะมองเฉพาะส่วนที่ดี ส่วนที่ประทับใจกันและกัน กว่าที่พวกเขาจะเรียนรู้มาถึงวันนี้ได้นั้น มันได้ผ่านกระบวนการเพ่งโทษ จับผิด โทสะ โมหะ กันมาทั้งหมดแล้ว พวกเขาได้ผ่านกระบวนการของคนโง่มาก่อนแล้วทั้งสิ้น เมื่อทุกข์มันเกิดก็เรียนรู้ที่จะรู้สึกตัว ด้วยการฝึกตัวรู้ให้เข้มแข็งมากขึ้น
ไม่เท่านั้นนะ พวกเขายังต้องอาศัยเครื่องมือทางศาสนาเข้าช่วยด้วย นั่นก็คือ การสวดมนต์ก่อนนอนในบทที่ยาวมากขึ้น ภายในเวลาไม่ถึงปี  บ้านหลังนี้ก็พบกับความสุข มากกว่าความทุกข์
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ฉันขอเฉลยว่า คนที่ควรได้รับคำยกย่องเรื่องการฝึกปฏิบัติธรรมะผ่านสิ่งเร้าที่เจอทุกวัน ไม่ใช่ฝึกผ่านการนั่งสมาธิใดๆเลย ก็คือญาตผู้ใหญ่ของฉันเอง

     ฉันเป็นคนที่เริ่มจริงจังกับธรรมะก่อน จากนั้นฉันก็ค่อยๆพูด เล่าเรื่องและยกตัวอย่าง กับญาตผู้ใหญ่ของฉันให้พยายามเข้าใจในเรื่องเวรกรรม วิบากกรรม เข้าใจว่าคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสีย หากแต่เรา
ไม่เคยมองข้อดีของเขาต่างหาก . .. คนเรามักมีข้ออ้างเหมือนนักบัญชีว่า ถ้ามีพฤติกรรมที่เลวก็เท่ากับติดลบ ติดลบมากซะด้วย บางคนบอกว่าติดลบจนไม่สามารถนำความดีเท่าไหร่มาหัก หรือล้างได้เลย ถ้าเราอยากเข้าใจและห่างไกลความทุกข์เราต้องไม่มองเหมือนการบวกลบเลข แต่ต้องมองสองด้านนี้แยกออกจากกันโดยเด็ดขาด โดยทิ้งส่วนที่แย่ๆลงถังขยะของความคิด โดยที่ไม่ต้องไปคุ้ยขยะเน่าๆ ขึ้นมาดมและบ่น ด่า ทอให้เสียอารมณ์ แต่อีกด้านคือความดีของเขานั้นเราต้องเอามาใส่แจกันหรือเข้ากรอบติดข้างฝาไว้เลย มองบ่อยๆ ยิ้มทุกครั้งที่มอง และวันใดวันหนึ่งเขาเกิดสร้างขยะอีก ก็จัดการกำจัดโดยอัตโนมัติได้เลย เท่านี้ก็เท่ากับว่าเราได้ฝึกการให้อภัยทุกขณะจิตแล้ว ..ขอเป็นกำลังใจแก่ทุกคนที่กำลังมีสติ กำลังฝึกสติ และพร้อมที่จะให้อภัยคนอื่นๆ ค่ะ .. ^-^  _/ \_

 

คำสำคัญ (Tags): #สติ#อภัยทาน
หมายเลขบันทึก: 108385เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2007 22:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คนเรามักมองเห็นข้อเสียของคนอื่น แต่ไม่เคยมองเห็นข้อเสียของตัวเอง

อาจารย์เป็นอย่างไรบ้างคะ  ใกล้จบหรือยังคะ...

 

เป็นกำลังใจให้เสมอคะ..น้องนิว :)

สบายดีค่ะ กำลังเตรียมสอบ QE ค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท