ราชการใสสะอาด


ยุทธศาสตร์การสร้างราชการไทยใสสะอาด: แนวทางป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ
 ราชการจะใสสะอาดได้   ทุกคนต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม       เนื่องจากปัจจุบันสังคมมีแต่การเอารัดเอาเปรียบ และเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น 

  การสร้างนิสัยให้ตนเองปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรมอยู่ในตัวเองให้ได้  เพื่อเราจะได้มีความเจริญก้าวหน้า  และไม่วุ่นวายเหมือนทุกวันนี้

ข้าราชการจะใสสะอาดอาดได้   อยู่ที่จิตสำนึกอันดีงามภายในตัวของแต่ละคนเกิดเป็นคน ควรคิดดี ทำดี ก็จะได้ดี จะทำให้ข้าราชการจะใสสะอาดได้อย่างไร หากยังมีการแก่งแย่งชิงดีอยู่ในสังคม มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ และเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ถ้าทำความดีแล้วไม่มีใครมองเห็นก็ไม่กลุ้มใจ  เป็นการปิดทองหลังพระไปก็แล้วหอมไม่รู้หาย ดอกไม้ ซึ่งเกิดติดกับกิ่งก้านลำต้น แม้จะปลูกในกระถางต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ถ้าสวยและกลิ่นหอม คนก็ไม่รังเกียจ นำมาประดับประดา ในแจกัน หรือแม้กระทั่งแซมประดับศีรษะ ก็เปรียบกับคนที่มีวิชาความรู้ แม้จะมีฐานะยากจนต่ำต้อยก็ไม่สำคัญ กลับได้รับนิยมยกย่อง วิชาความรู้จึงทำให้คนมีราคาสูงเด่น จนบดบังข้อด้อยอื่นๆได้หมดสิ้น แต่ดอกไม้จะมีราคาก็ต่อเมื่อยังสดอยู่ ดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งย่อมหมดราคา เปรียบกับคนที่มีวิชาความรู้แล้วทะนงตัว ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ย่อมไม่ต่างจากดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ไม่มีใครต้องการ คอยแต่จะทิ้งลงถังขยะ  ผู้ถึงพร้อมในความรู้ และความประพฤติ ย่อมประเสริฐสุด   มนุษย์ซึ่งสมบูรณ์ด้วยมีสติปัญญา ย่อมเลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ คือหากินในทางที่ชอบ ไม่หลอกลวง ไม่คดโกง ไม่ทุจริตต่างๆนานา และไม่ยอมรับแม้อามิสสิ่งของอันไม่บริสุทธิ์มาเพื่อเลี้ยงชีพตน   มนุษย์ย่อมไม่กินอามิสสินบน ที่มาล่อใจ และไม่รับเอาสิ่งของที่ตนไม่ได้หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง   บางคนพูดว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่การซ้ำรอยนั้น มนุษย์ต่างหากที่มักซ้ำรอยเดิม ถึงโลกปัจจุบันจะเจริญรุดหน้า แตกต่างจากโลกอดีตอย่างมากมาย แต่สิ่งที่มนุษย์ปัจจุบันมี ไม่แตกต่างจากมนุษย์ในอดีตมี นั่นคือ กิเลส มนุษย์ในอดีตมี ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่างไร มนุษย์ในปัจจุบันก็ยังคงรักษา ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่างนั้น กิเลส ของมนุษย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลย ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของมนุษย์    ซึ่งสะท้อนให้เห็นความจริงของกฎข้อหนึ่งคือ กฎแห่งกรรม ที่ยังคงรักษา ความเที่ยงธรรมตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งได้ศึกษาลึกลงไปก็ยิ่งพบความจริงว่า ปรากฏการณ์ต่างๆในชีวิตของมนุษย์เรา หรือที่มักเรียกกันว่า เคราะห์กรรม นั้น ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำของตนเอง ทั้ง ดี และ ชั่ว ที่ทำไว้ เขาย่อมได้รับผลที่ตนทำไว้นั่นเอง 
เมฆฝนซึ่งตั้งเค้าอยู่เบื้องบนอากาศนั้น มีลักษณะย่อ ๆ ๔ ชนิดด้วยกัน คือ
๑.ส่งเสียงกระหึ่มลั่น แต่ไม่ตก
๒.ตก แต่ไม่ส่งเสียงกระหึ่มก่อน
๓.บางครั้งเพียงลอยผ่านไป แต่ไม่ส่งเสียงด้วย ไม่ตกด้วย
๔.บางครั้งคำรามกึกก้องด้วย ตกลงมาด้วย
เทียบได้กับบุคคล ๔ ประเภท คือ
๑.บางคนพูดอย่างเดียว แต่ไม่ทำ
๒.บางคนทำเท่านั้น แต่ไม่พูด
 ๓.บางคน ไม่พูดด้วย ไม่ทำด้วย
๔.บางคน ทั้งพูด ทั้งทำ จึงควรพิจารณาว่า เราเป็นเมฆฝนชนิดใด ?      
           สุดท้ายการยิ้มมนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง ที่หาไม่ได้ในบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตด้วยกัน สิ่งนั้นคือ “ยิ้ม” สัตว์โลกทุกชนิดที่ยกย่องว่ากันว่าเป็นสัตว์ฉลาดและฝึกหัดได้นานัปการ แต่ฝึกให้ ”ยิ้ม” ไม่ได้    การยิ้มของคนซื้อขายไม่ได้ ยิ้มเป็นเครื่องดึงดูดให้คนเข้าใกล้โดยปรศจากความระแวง ยิ้มสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ตนเองได้ด้วย แต่ต้องเป็นยิ้มตามปกติ มิใช่ยิ้มอย่างละคร ลิเก ที่โปรยยิ้มไปรอบเวที เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แต่งขึ้น ยิ้มแท้ต้องเป็นยิ้มที่เกิดจากใจจริง มีลักษณะเบิกบาน เยือกเย็น เป็นเครื่องดับและบรรเทาทุกข์ร้อนได้ ทำให้ผู้ยิ้มเป็นคนมีสติยั้งคิด ไม่ผลุนผลัน ฝ่ายหนึ่งหน้าบึ้งมาหาอีกฝ่ายหนึ่งยิ้มรับ เหตุร้ายย่อมกลายเป็นดี โบราณท่านจึงให้ยิ้มไว้ก่อนเสมอ ยิ้มได้เมื่อภัยมา ย่อมช่วยให้เกิดสติ ไม่ตื่นเต้นวู่วาม ในเหตุอันใดที่เกิดขึ้น ยิ้มจึงส่งเสริมให้เป็นคนมีสติ ตรงข้ามกับความโกรธซึ่งทำให้ขาดสติ ไร้ความยั้งคิด ยิ้มไม่ต้องลงทุนซื้อหา มีอยู่แล้วประจำตัวทุกคน เหมือนมีอาวุธในตัว ต้องหมั่นชโลมน้ำมันกันสนิมไว้ อย่าปล่อยให้สนิมจับจนฝืดไม่คล่องแคล่วทันท่วงที คนที่ยิ้มยาก เพราะไม่เคยยิ้ม ถึงคราวยิ้มย่อมยิ้มไม่ออก จึงควรต้องหัดยิ้มไว้เสมอๆ “ยิ้มได้และยิ้มเป็นจะช่วยให้ปลอดภัยและสบายใจ 
วันนี้ได้ยิ้มให้กับใครหรือยัง
หมายเลขบันทึก: 107778เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2007 12:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท