ณ วันนี้กับการเปลี่ยนแปลงบทบาทจากครูผู้สอน (ครู) มาเป็นผู้เรียน (นิสิต) อีกครั้งหนึ่ง
แต่หากพิจารณาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดของชีวิต เราก็ไม่สามารถแยกการเรียนรู้ออกจากชีวิตได้ ตราบใดที่ยังมีชีวิตนั่นก็คือ เราจะต้องเรียนรู้ เรียนรู้ที่จะเติบโต เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง พัฒนาตนเอง...
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนั้นได้เกิดจากการสะสมมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งนั่นก็หมายถึง ความคิด ความเป็นตัวตนของเรา ณ ปัจจุบันนี้ มันไม่ได้เติบโตมาทันที แต่มันเกิดจากการสะสมมานั่นเอง ซึ่งเมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ ก็อยากจะบอกว่า "ขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ที่ได้ให้ชีวิต และเป็นบุคคลแรกที่ให้ความรู้ความคิด ความรักและความอบอุ่น"
บทบาทของครู ที่จะต้องเตรียมการสอน พัฒนากระบวนการเรียนรู้ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่เต็มประสิทธิภาพ
จำได้ว่าได้อ่านคุณธรรมสำหรับคุณครูจากหนังสือเล่มไหนไม่แน่ใจแต่มีใจความดังนี้
"ทำตนให้น่ารัก ประจักษ์ต่อหน้าที่ ฝึกฝนตนดี วจีงดงาม"
และก็เห็นว่า คุณธรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรนำมาประพฤติ ปฏิบัติไม่ว่าจะบทบาทใดของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าหน้าที่ของครูหรือศิษย์ ไม่ว่าหน้าที่ของผู้ให้ หรือ ผู้รับ
ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ บทบาทของครูและนักเรียนก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน ซึ่งครูต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทจาก การบอก เป็น การให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา ส่วนผู้เรียน ก็เช่นเดียวกัน การจะเป็นผู้รับความรู้จากครูอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ การเรียนรู้จำเป็นที่จะต้องรู้จักการค้นคว้าศึกษาด้วยตนเองให้มากที่สุด เรียนรู้สู่การปฏิบัติและนำไปใช้จริง
ตอนนี้กับบทบาทนิสิต ปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ม.นเรศวร ที่จะเพิ่งเริ่มต้น ก็ตั้งใจที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ
จะเก็บเกี่ยวเรียนรู้ประสบการณ์ทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนให้มากที่สุด ขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมชั้นทุกคนที่มีน้ำใจให้กัน ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้ให้คำแนะนำ และประสาทความรู้ให้ค่ะ ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน และ ขอบคุณสถาบันการพลศึกษาที่ให้ทุนข้าพเจ้าได้ศึกษาต่อ ....
สวัสดีค่ะ อาจารย์ นม.
ขอบคุณค่ะ
ห่างหายไปนานจาก blog บันทึกความทรงจำ
แต่ไปเขียนใน blog ธรรมะค่ะ
สังขารทั้งหลายไม่่เที่ยงหนอ
เจริญพร โยมปทุมารียา ธัมมราชิกา