สร้างสรรค์งานกราฟิกกับ Adobe
Photoshop Elements 2.0
การเรียกใช้งานโปรแกรม
มาดูขั้นตอนการเรียกใช้งาน Adobe Photoshop Elements 2.0
กันโดยไปคลิ้กที่ปุ่ม Start All Programs Adobe Photoshop Elements
2.0 หรือไปดับเบิลคลิ้กที่ช็อตคัตโปรแกรม Adobe Photoshop Elements
2.0 ก็ได้ จากนั้นจะแสดงหน้าต่างโปรแกรมทันที
มาดูกันว่ามีเครื่องมืออะไรให้ได้ใช้งานกันบ้าง
Photoshop Elements
มีพื้นที่ทำงานให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามต้องการได้แก่... (รูปที่
1)
หมายเลข 1 Toolbox :
เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและการแก้ไขรูปภาพ
หมายเลข 2 Menu bar :
เมนูบาร์ที่บรรจุเมนูที่จำเป็นต้องการใช้งาน ตัวอย่างเช่นเมนู Layers
ที่จัดเก็บรายการเมนูคำสั่งเกี่ยวกับการใช้งานเลเยอร์
หมายเลข 3 Shortcuts bar :
ช็อตคัตบาร์ที่แสดงปุ่มคำสั่งที่ใช้มีการเรียกใช้งานบ่อยๆ
เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน
หมายเลข 4 Options bar :
ออปชันบาร์ที่ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้เครื่องมือ
หมายเลข 5 Active image area :
หน้าต่างแสดงรูปภาพที่กำลังเปิดใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เลือกแก้ไข
พรีวิวส่วนที่ต้องการได้อย่างชัดเจน
หมายเลข 6 Search field : ช่อง Search
ที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการช่วยเหลือจากระบบ
หมายเลข 7 Pallatt well :
พาแลตต์จะช่วยให้ผู้ใช้งานจัดการพาเล็ตได้ในพื้นที่ๆต้องการ
หมายเลข 8 Pallatt :
พาแลตต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมอนิเตอร์และแก้ไขไฟล์รูปภาพได้
|
รูปที่ 1 หน้าต่างของเครื่องมือโปรแกรม
Photoshop Elements |
|
รูปที่ 2 หน้าต่าง Browse ของใหม่ใน
Photoshop Elements 2.0 |
ตกแต่งรูปภาพ
เมื่อต้องการเอกสารรูปภาพอันใหม่ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปรับแต่ง
สีและโทนของรูปภาพ
เพราะรูปภาพที่ได้มาจากการสแกนอาจทำให้สีดูแสดงค่าไม่เต็มประสิทธิภาพหรือซีดเหลืองไป
ต้องมาปรับแต่งรูปภาพด้วยโปรแกรม Photoshop Elements
ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้งานเมนูคำสั่งต่างๆได้ตามต้องการ
แต่หากต้องการความรวดเร็วในการแก้ไข
ตกแต่งรูปภาพก็สามารถใช้ฟังก์ชันในการปรับแต่งรูปภาพได้โดยอัตโนมัติ
คำสั่ง Auto Levels, คำสั่ง Auto Contrast, คำสั่ง Auto Color
Correction, คำสั่ง Adjust Backlighting, คำสั่ง Fill Flash,
ไดอะล็อกบ็อกซ์ Quick Fix มาทดลองใช้งานคำสั่ง Auto Levels
ซึ่งสามารถทำได้โดย...
- คลิ้กที่ปุ่ม Open บนทูลบาร์หรือคลิ้กผ่านปุ่ม Browse (รูปที่
2)
- จะแสดงหน้าต่าง File Browser
เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เลือกคลิ้กไฟล์รูปภาพที่ต้องการ
ด้วยความสามารถของหน้าต่าง File Browser
ผู้ใช้งานสามารถคลิ้กเลือกพรีวิวรูปภาพได้จากโฟลเดอร์ที่ต้องการ
ตลอดจนการแสดงรายละเอียดเกียวกับไฟล์รูปภาพ
- นอกจากนี้หากต้องการปรับแต่งค่าในหน้าต่าง File Browser
ก็สามารถคลิ้กที่ปุ่ม More เพื่อเลือกรายการเมนูที่ต้องการ
เช่นการหมุนรูปภาพ, การแก้ไขชื่อไฟล์,
ลักษณะการพรีวิวรูปภาพเป็นต้น
-
เมื่อคลิ้กลงบนไฟล์รูปภาพที่ต้องการแล้วให้ไปดับคลิ้กที่รูปภาพที่ต้องการ
จากนั้นคลิ้กปิดหน้าต่าง File Browser
- ก่อนการปรับแต่งรูปภาพให้ไปตรวจสอบโดยการคลิ้กที่เมนูคำสั่ง
Select > Deselect เพื่อตรวจสอบไม่สามารถเลือกเมนูดังกล่าวได้
แต่หากรูปภาพมีหลายเลเยอร์
ให้ไปคลิ้กเลือกลงบนเลเยอร์ที่ต้องการปรับแต่ง
โดยไปคลิ้กเลือกเลเยอร์จาก Layers พาแลตต์
- คลิ้กเลือกที่เมนูคำสั่ง Enhance แล้วเลือกรายการเมนูคำสั่ง Auto
Levels (รูปที่ 3)
- หรือคลิ้กที่เมนูคำสั่ง Enhance > Adjust Brightness/Contrast
> Levels ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Levels ให้ไปคลิ้กที่ Auto
แล้วคลิ้กปุ่ม OK
|
รูปที่ 3 การปรับแต่งรูปภาพด้วยคำสั่ง
Auto Levels |
|
รูปที่ 4
ปรับแต่งแบ็กกราวนด์รูปภาพด้วยคำสั่ง
Adjust Backlighting |
การปรับแต่งรูปภาพด้วยคำสั่ง Adjust Backlighting
เมื่อผู้อ่านได้มีโอกาศไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ
หรือไปงานสังสรรค์แล้วพกกล้องดิจิตอลไปด้วย
แล้วอาจมีการใช้แสงสว่างเข้าช่วย แต่ปรากฏว่าแสงที่ได้นั้นมันดูชอบกลๆ
ทำให้รูปภาพมีแบ็กกราวนด์โดยรอบที่ออกมามีแสงตกกระทบมากจนเกินไป
ลองใช้คำสั่ง Adjust Backlighting เพื่อช่วยตกแต่งรูปภาพดู
การใช้คำสั่ง Adjust Backlighting
นั้นจะช่วยปรับแต่งรูปแบบและแบ็กกราวนด์ของรูปภาพให้ดูสดใสสวยงามมากขึ้น
มาดูขั้นตอนการปรับแต่งรูปภาพ
- ก่อนการปรับแต่งรูปภาพให้ไปตรวจสอบโดยการคลิ้กที่เมนูคำสั่ง
Select > Deselect เพื่อตรวจสอบไม่สามารถเลือกเมนูดังกล่าวได้
แต่หากรูปภาพมีหลายเลเยอร์
ให้ไปคลิ้กเลือกลงบนเลเยอร์ที่ต้องการปรับแต่ง
โดยไปคลิ้กเลือกเลเยอร์จาก Layers พาเล็ต
- คลิ้กเลือกเมนูคำสั่ง Enhance > Adjust Lighting > Adjust
Backlighting (รูปที่ 4)
- ให้ลากสไลเดอร์ Darker
หรือใส่ค่าที่ต้องการลงไปในช่องรับค่าเพื่อปรับแต่งค่าโทนสีในรูปภาพ
โดยค่าที่ปรับแต่งมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100
- แล้วคลิ้กปุ่ม OK
แฟลชไม่ถึงต้องใช้คำสั่ง Fill Flash
ในรูปภาพที่ถ่ายมีความสว่างของแสง เงา
หรืออื่นที่ทำให้รูปภาพไม่สว่างเท่าความเป็นจริง
หรือพลังแฟลชอันน้อยนิดส่งแสงออกไปไม่ถึงทำให้รูปภาพบางส่วนมืดจนเกินไป
ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งแสงแฟลช
เพื่อให้รูปภาพมองเห็นเงาของรูปภาพได้ด้วยคำสั่ง Fill Flash
โดยการทำดังนี้...
- ก่อนการปรับแต่งรูปภาพให้ไปตรวจสอบโดยการคลิ้กที่เมนูคำสั่ง
Select > Deselect เพื่อตรวจสอบไม่สามารถเลือกเมนูดังกล่าวได้
แต่หากรูปภาพมีหลายเลเยอร์
ให้ไปคลิ้กเลือกลงบนเลเยอร์ที่ต้องการปรับแต่ง
โดยไปคลิ้กเลือกเลเยอร์จาก Layers พาเล็ต
- คลิ้กเลือกเมนูคำสั่ง Enhance > Adjust Lighting > Fill
Flash (รูปที่ 5)
|
รูปที่ 5
ปรับแต่งเพิ่มพลังแฟลชได้ง่ายดาย |
|
รูปที่ 6 ปรับแต่งรูปภาพแบบด่วนสุดๆด้วย
Quick Fix |
- ลากสไลเดอร์ Lighter หรือใส่ค่าลงไปในช่อง
เพื่อปรับแต่งโทนของสีในรูปภาพ โดยค่าที่ปรับแต่งมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง
100
- จากนั้นคลิ้กปุ่ม OK
ปรับแต่งรูปภาพแบบด่วนๆกับ Quick Fix
ด้วยคำสั่ง Quick Fix ที่จะพาผู้ใช้งานไปปรับแต่ง ความสว่าง, สี,
ความคมชัดและการหมุนรูปภาพ ทั้งหมดนี้ทำได้ภายในไดอะล็อกบ็อกซ์เดียว
นอกจากยังทำการเปรียบเทียบระหว่างรูปภาพต้นฉบับ
กับรูปภาพที่ได้ว่าแตกต่างกันเพียงใด มาดูการใช้งานคำสั่ง Quick Fix
กัน...
- ก่อนการปรับแต่งรูปภาพให้ไปตรวจสอบโดยการคลิ้กที่เมนูคำสั่ง
Select > Deselect เพื่อตรวจสอบไม่สามารถเลือกเมนูดังกล่าวได้
แต่หากรูปภาพมีหลายเลเยอร์
ให้ไปคลิ้กเลือกลงบนเลเยอร์ที่ต้องการปรับแต่ง
โดยไปคลิ้กเลือกเลเยอร์จาก Layers พาแลตต์
- เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Quick Fix ขึ้นมาโดยการไปคลิ้กที่ปุ่ม
บนช็อตคัตบาร์หรือคลิ้กเมนูคำสั่ง Enhance > Quick Fix (รูปที่
6)
- จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Quick Fix
ในขั้นตอนนี้ให้ไปคลิ้กเลือกออปชัน ทางด้านซ้ายในส่วน Select
Adjustment Category
o Brightness เอาไว้ปรับแต่งสีขาวดำของรูปภาพ, โทนสีและความสว่าง
o Color Correction
เอาไว้ปรับแต่งความถูกต้องของสีในรูปภาพโดยอัตโนมัติและการใช้กำหนดค่า
hue และ Saturation ตามต้องการ
o Focus
ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับความคมชัดและเบลอของรูปภาพได้ตามต้องการ
o Rotate คำสั่งที่ให้ในการหมุยรูปภาพตามแนวนอน แนวตั้ง,หมุนภาพไป 90
องศาหรือ 180 องศา
- คลิ้กเลือกปรับแต่งค่าต่างๆ ตามต้องการ
โดยการคลิ้กเลือกปรับค่าจากออปชันที่ต้องการ
- หากต้องการดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หลังจากการกำหนดค่าให้ไปคลิ้กปุ่ม
Apply หรือบางออปชันต้องคลิ้กเลื่อนที่สไลเดอร์
แล้วสังเกตรูปภาพทางด้านขวาใส่หน้าต่างพรีวิว
- หากต้องการยกเลิกการปรับค่าทั้งหมดให้ไปคลิ้กที่ปุ่ม Reset Image
แต่หากต้องการยกเลิกการปรับค่าเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ให้ไปคลิ้กปุ่ม
Undo
- เมื่อปรับแต่งเรียบร้อยแล้วให้คลิ้กที่ปุ่ม OK
|
รูปที่ 7 สร้างรูปภาพในแบบ
panorama |
|
รูปที่ 8
สั่งพิมพ์รูปภาพในแบบสติกเกอร์ |
สร้างรูปภาพ panorama ด้วย Photomerge
(รูปที่ 7) คำสั่ง Photomerge
จะช่วยจับเอารูปภาพหลายๆภาพมาเรียงต่อกันให้กลายเป็นรูปภาพหนึ่งใบ
หรือรูปภาพในแบบ panorama บางครั้งเราอาจไปถ่ายภาพเมือง รูปวิว
แล้วกล้องถ่ายเก็บภาพไม่หมดต้องถ่ายแต่ละส่วนแล้วนำแต่ละรูปภาพมาประติดประต่อกันด้วยคำสั่ง
Photomerge มาดูขั้นตอนการสร้างภาพ panorama กันเลย
- ไปคลิ้กที่เมนูคำสั่ง File > Create Photomerge
- จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Photomerge ให้ไปคลิ้กที่ปุ่ม
Browse
- จะแสดงหน้าต่าง Open
เพื่อให้ผู้ใช้งานได้คลิ้กเลือกไฟล์รูปภาพที่ต้องการ แล้วคลิ้กปุ่ม
Open
- จากนั้นไฟล์รูปภาพที่เลือกจะไปปรากฏรายชื่อไฟล์อยู่ในส่วน Source
Files ของไดอะล็อกบ็อกซ์ Photomerge
- คลิ้กปุ่ม OK เพื่อให้คำสั่ง Photomerge
จัดการวางรูปภาพโดยอัตโนมัติและเข้าสู่ขบวนการทันที
- เมื่อโปรแกรมสร้างภาพ panorama เรียบร้อยแล้วจะแสดงหน้าต่าง
- ในออปชัน Setting จะถูกเลือกค่าเป็น Normal แต่หากเลือกเป็น
Perspective จะได้ผลลัพธ์ดังรูป หากต้องการบันทึกรูปภาพคลิ้กปุ่ม
Save(รูปที่ 8)
สร้างรูปภาพในแบบแพ็กเกจ
ด้วยคำสั่ง Picture Package
ผู้ใช้งานสามารถทำการก๊อปปี้รูปภาพหนึ่งหรือหลายรูปภาพลงบนกระดาษแผ่นเดียวได้
คล้ายๆกับรูปภาพในสตูดิโอ
ผู้ใช้งานสามารถเลือกขนาดและออปชันได้หลากหลายผ่านการเลย์เอาต์แพ็กเกจ
ขั้นตอนการสร้างแพ็กเกจรูปภาพจากรูปภาพเดียว
- เปิดรูปภาพที่ต้องการจะพิมพ์ขึ้นมา
- คลิ้กที่เมนูคำสั่ง File > Print Layouts > Picture
Package
- จากนั้นระบุค่าที่ต้องการ
o Frontmost Document เพื่อเลือกรูปภาพที่กำลังเปิดใช้งานอยู่
o File คลิ้ก browse เพื่อเลือกค้นหาไฟล์รูปภาพเอง
o Folder คลิ้ก browse เพื่อเลือกค้นหารูปภาพจากโฟลเดอร์
ซึ่งจะเลือกรูปภาพได้มากกว่าแบบอื่นๆ
- นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถกำหนดค่าต่างๆ ภายใต้ Document,
ขนาดกระดาษ, layout(คลิ้กเลือกรูปแบบของการจัดรูปภาพได้จาก Layout),
ความละเอียด และโหมดของสี
- คลิ้กเลือก Flatten All Layers
เพื่อสร้างแพ็กเกจรูปภาพให้รูปภาพทั้งหมดรวมกันเป็นเลเยอร์เดียว
- ส่วนภายใต้ Label ผู้ใช้งานสามารถเลือกกำหรดให้แสดงลาเบล,
การกำหนดฟอนต์, ขนาด, ตำแหน่งของลาเบล
- แล้วคลิ้กปุ่ม OK เมื่อต้องการสร้างแพ็กเกจเลย์เอาต์
การใช้คำสั่ง Color Variations
คำสั่ง Color Variations
เป็นคำสั่งที่ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับความเท่ากันของสี,
ความสว่างของรูปภาพที่เลือกโดยให้โปรแกรมช่วยปรับแต่งให้ด้วยเฉดสีในแบบต่างๆ
ขั้นตอนการใช้งานคำสั่ง Color Variations
- ก่อนการปรับแต่งรูปภาพให้ไปตรวจสอบโดยการคลิ้กที่เมนูคำสั่ง
Select > Deselect เพื่อตรวจสอบไม่สามารถเลือกเมนูดังกล่าวได้
แต่หากรูปภาพมีหลายเลเยอร์
ให้ไปคลิ้กเลือกลงบนเลเยอร์ที่ต้องการปรับแต่ง
โดยไปคลิ้กเลือกเลเยอร์จาก Layers พาแลตต์
- เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Color Variations, คลิ้กเมนูคำสั่ง Enhance
> Adjust Color > Color Variations, หรือคลิ้กปุ่ม Color
Variations ในช็อตคัตบาร์ก็ได้
|
รูปที่ 9 ปรับแต่งรูปภาพด้วยคำสั่ง Color
Variations |
- จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Color Variations
เพื่อแสดงรูปภาพสองรูปอยู่ทางด้านบน โดยรูปภาพต้นฉบับจะแสดงคำว่า
Before และรูปภาพที่จะมีการปรับแต่งจะแสดงคำว่า After
- คลิ้กเลือกรูปแบบการปรับแต่งจากออปชัน ทางด้านขวา ได้แก่ Shadows,
Midtones, Highlights เพื่อปรับความมืด, ค่าระดับกลางๆ
หรือความสว่าง
- Saturation จะเป็นการเปลี่ยนสีของรูปภาพให้ดูฉุดฉาดมากขึ้น
(รูปที่ 9)
- ลากสไลเดอร์ Adjust Color Intensity
เพื่อกำหนดจำนวนการปรับแต่งค่าต่างๆ
- เมื่อคลิ้กเลือกออปชันต่างๆ
รูปภาพด้านล่างจะเปลี่ยนไปตามค่าที่เลือก
ให้คลิ้กที่รูปด้านล่างเพื่อนำรูปแบบการตกแต่งภาพไปใช้งานกับรูปภาพทางด้านขวา
- โดยแต่ละออปชันที่เลือกจะให้รูปแบบสีสันที่แตกต่างกันออกไป
หากปรับค่าได้ตามต้องการแล้วไปคลิ้กปุ่ม OK
ใส่ฟิลเตอร์ให้รูปภาพ
ฟิลเตอร์จะใช้แต่เติมรูปภาพให้ดูแปลกไปอีกแบบด้วยฟิลเตอร์จากโปรแกรม
ที่มีให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้งานกันอย่างจุใจ
ด้วยขั้นตอนการใช้งานง่ายๆดังนี้...
- เปิดรูปภาพที่ต้องการใช้งานฟิลเตอร์ขึ้น
- จากนั้นใช้ Marquee Tool เลือกตรงกลางรูป
แล้วคลิ้กเลือกเมนูคำสั่ง Select > Invert
เพื่อเลือกใส่เอฟเฟ็กต์บริเวณรอบๆ บริเวณที่เลือกด้วย Marquee
Tool
-
หรือไม่ต้องทำตามขั้นตอนที่สองก็ได้กรณีที่ต้องการให้ทั้งรูปภาพถูกปรับแต่งด้วยฟิลเตอร์ทั้งหมด
- ไปคลิ้กที่แถบพาเล็ต Filters
จะแสดงหน้าต่างเพื่อให้คลิ้กเลือกรูปแบบฟิลเตอร์ต่างตามต้องการ
(รูปที่ 10)
|
รูปที่ 10 ฟิลเตอร์ Radial Blur
ให้กับรูปภาพ |
|
รูปที่ 11
ใส่กรอบรอยยักให้รูปภาพ |
- ดับเบิลคลิ้กเลือกฟิลเตอร์ตามต้องการ
จากนั้นจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์เพื่อให้ปรับค่าเพิ่มเติม
หรืออาจพรีวิวดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นพร้อมปรับแต่งค่าของฟิลเตอร์
- ให้คลิ้กปุ่ม OK จะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทันที
การใช้งานเอฟเฟ็กต์
ในแถบพาแลตต์ Effects
จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรูปภาพให้เกิดเอฟเฟ็กต์ต่างๆ
โดยมีเอฟเฟ็กต์ในแบบSelection, Layer, Type
ซึ่งในการใช้งานจะไม่สามารถพรีวิวเอฟเฟ็กต์กับรูปภาพที่ใช้งานได้
ซึ่งการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากอะไร (รูปที่ 11)
- เปิดรูปภาพทีต้องการขึ้นมา
- ทดลองใส่กรอบเป็นรอยยักให้รูปภาพ โดยไปคลิ้กที่พาแลตต์ Effects
แล้วดับเบิลคลิ้กไปที่ Ripple Frame
- รอสักครู่...จะได้ผลลัพธ์ดังรูปทันที
- ในกรณีที่มีการใส่ข้อความลงบนรูปภาพด้วย
จะต้องไปสร้างเลเยอร์สำหรับข้อความขึ้นมาก่อน
- หากต้องการแสดงพาแลตต์ Layer ให้ไปคลิ้กที่เมนูคำสั่ง Window >
Layers(รูปที่ 12)
|
รูปที่ 12
ใส่ข้อความลงในรูปแบบด้วยเอฟเฟ็กต์ |
|
รูปที่ 13
ใส่รูปทรงแปลกๆแต่งเติมรูปภาพ |
- จากนั้นคลิ้กที่ Type tool แล้วคลิ้กลงบนรูปภาพ
เพื่อพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไป
- คลิ้กเลือกเลเยอร์ข้อความ
จากนั้นก็ไปดับเบิลคลิ้กเลือกเอฟเฟ็กต์จากพาแลตต์ Effects
วาดรูปทรงต่างๆได้ไม่ยาก
หากต้องการจะลงมือวาดรูปทรงต่างๆ โปรแกรมก็ได้จัดเตรียมเครื่องมือ
shape tools เพื่อให้ผู้ใช้งานวาดลายเส้น, รูปทรงสี่เหลี่ยม,
สี่เหลี่ยมมุมโค้ง, รูปทรงที่มีด้านมากกว่าสี่เหลี่ยม, รูปทรงไข่ และ
custom shapes รูปทรงที่สามารถเลือกวาดได้ตามต้องการ (รูปที่ 13)
- สร้างเอกสารว่างๆ ขึ้นมา
หรือเปิดรูปภาพที่ต้องการเพิ่มเติมรูปทรงต่างๆ ลงไป
- แล้วให้คลิ้กเลือกที่ custom shape tool
จากนั้นคลิ้กเลือกออปชันในปุ่มรูปทรงต่างๆ จากพาเล็ต Shape ป็อปอัพ
ในออปชันบาร์
- คลิ้กเลือกรูปทรง
แล้ววาดรูปทรงดังกล่าวลงไปบนรูปภาพที่ต้องการ
- ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับสี, หมุนรูปทรง และอื่นปรับค่าต่างๆ
ได้ตามต้องการ
การบันทึกรูปภาพสำหรับเว็บ
ผู้ใช้งานสามารถใช้ไดอะล็อกบ็อกซ์ Save For Web
เพื่อเลือกบันทึกในรูปแบบของไฟล์เว็บ
โดยการเลือกการบีบอัดขนาดไฟล์รูปภาพและสี, การพรีวิวรูปภาพ
ตลอดจนการกำหนดค่าความโปร่งใสของแบ็กกราวนด์, การเปลี่ยนขนาดรูปภาพ,
กำหนดแบ็กกราวนด์ให้เข้ากับรูปภาพเป็นต้น
โดยทำตามขั้นตอนดังนี้...
- คลิ้กที่เมนูคำสั่ง File > Save for Web หรือไปคลิ้กที่ปุ่ม
Save for Web ในช็อตคัตบาร์
-
หากต้องการทดสอบว่าจะต้องใช้ความเร็วของโมเด็มเท่าใดถึงจะใช้เวลาไม่มาก
ก็สามารถคลิ้กเลือกที่ปุ่มวงกลมที่มีรูปสามเหลี่ยมอยู่ด้านบน
- จะแสดงเมนูป็อปอัพ Preview
ขึ้นมาเพื่อให้เลือกความเร็วในการเข้าใช้งานเช่นโมเด็ม, ISDN, เคเบิล
หรือ DSL
- จากนั้นก็ไปคลิ้กเลือกรูปแบบ ค่าต่างๆ ได้จากส่วน Settings
หรือเลือกปรับขนาดรูปภาพใหม่ได้จากส่วน New Size
- เมื่อกำหนดค่าเรียบร้อยแล้วไปคลิ้กที่ปุ่ม OK
เป็นอันเรียบร้อย(รูปที่ 14)
|
รูปที่ 14
สร้างเว็บเพจแสดงรูปภาพได้อย่างไม่ยากเลย |
|
รูปที่ 15 หน้าต่าง Web Photo Gallery
สวยงามดีไปอีกแบบ |
สร้าง Web photo gallery กันเถอะ ผู้ใช้งานสามารถใช้งานคำสั่ง Create
Web Photo Gallery เพื่อสร้างอัลบั้มรวบรวมรูปจากชุดรูปภาพที่มี โดย
Web photo gallery จะเป็นเว็บเพจที่แสดงรูปภาพในแบบขนาดเล็กๆ
และเมื่อคลิ้กลงบนรูปภาพก็จะแสดงขนาดของรูปภาพเต็มหน้าจอขึ้นมา
ในแต่ละเพจจะมีการเชื่อมต่อถึงกัน
โปรแกรม Photoshop Elements
เองก็มีรูปแบบให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้งานมากมาย
โดยการใช้งานผ่านเมนูคำสั่ง Create Web Photo Gallery
จากนั้นก็จะทำการสร้าง photo gallery ในโปรแกรม Photoshop Elements
ทันทีซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้งานในรุปแบบเว็บเพจได้ทันที
ขั้นตอนการสร้างทำดังนี้...
- ไปคลิ้กที่เมนูคำสั่ง File > Create Web Photo Gallery
- จากนั้นจะแสดงหน้าต่าง Web Photo Gallery
เพื่อให้คลิ้กเลือกรูปแบบของเว็บเพจ
- คลิ้กเลือกรูปแบบสไตล์ gallery จากเมนูป็อปอัพ Styles
โดยจะแสดงหน้าต่างพรีวิวในรูปแบบที่เลือกทางด้านขวาของหน้าต่าง
- ในช่อง E-mail เป็นส่วนที่ให้กรอกรอีเมล์แอดเดรส
- ในส่วนของ Folders ให้ไปคลิ้กที่ปุ่ม Browse
เพื่อเลือกโฟลเดอร์ที่จัดเก็บรูปภาพที่ต้องการ
- คลิ้กปุ่ม Destination เพื่อเลือกโฟลเดอร์ที่เก็บรูปภาพและ HTML
เพจเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ได้ แล้วคลิ้กปุ่ม OK
- ถ้าเลือก Table จากเมนูป็อป-อัพ Styles ให้ไปคลิ้กที่ปุ่ม
Background เพื่อเลือกรูปภาพ JPEG
เพื่อแสดงเป็นแบ็กกราวนด์ของตาราง
-
จากนั้นก็ไปกำหนดค่าออปชันของข้อความแบนเนอร์ที่ปรากฏบนเพจและค่าอื่นตามต้องการจากลิสต์บ็อกซ์
Options
- ให้คลิ้กปุ่ม OK เพื่อเริ่มทำการสร้าง Web Photo Gallery
- จากนั้นโปรแกรมจะเริ่มสร้าง Web Photo Gallery ทันที
- รอสักครู่จะแสดง Web Photo Gallery
ผ่านหน้าต่างเว็บบราวเซอร์ทันที(รูปที่ 15)
เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
สำหรับมือใหม่แล้วโปรแกรมนี้ใช้งานได้ไม่ยากเลย ไม่ว่าจะทำงานเว็บ
ออกแบบโลโก้
หรืองานตกแต่งรูปภาพนับว่าอยู่ในระดับน่าพอใจถึงแม้จะไม่เก่งเท่าโปรแกรมรุ่นพี่อย่าง
Adobe Photoshop
อ้างอิงข้อมูลจาก computer.today