เมื่อวานซืนขณะที่คนเขียนกำลังทำงานอยู่นั้น พี่บุรุษไปรษณีย์ก็ขี่มอเตอร์ไซค์วิ่งฉิวเข้ามาจอดอยู่หน้าออฟฟิศ พี่เขาลงจากรถ รื้อ ๆ ของในกระเป๋าหนังใบมโหฬารที่บรรจุไปด้วยบรรดาซองจดหมายและกล่องพัสดุภัณฑ์จำนวนมากมาย ยื่นซองให้คนเขียนที่เดินออกมาเพื่อจะรับของอย่างรู้คิวพร้อมกับเซ็นต์แกร๊กลงไป 2 แห่งเพื่อเป็นการยืนยันว่า " ได้รับของแล้วนะเฟ้ยยย "
ซองหนึ่งเป็นของพี่สาวที่รักยิ่ง อีกซองเป็นของ ราชา'วดี เจ้าของเวบปิงฟ้าวิลันดาและนักเขียนนิยายที่มีความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับหญิงอันลือลั่น
ในซองของพี่'วดี บรรจุจุลสารปิงฟ้าวิลันดามา 3 เล่ม ไล่ตั้งแต่ฉบับที่ 4 ของเดือนเมษายน ฉบับที่ 5 เดือนพฤษภาคม ฉบับที่ 6 เดือนมิถุนายน เป็นการส่งรวบยอดเพื่อป้องการการสูญหายไประหว่างที่เดินทางจากดอยหนึ่งมาสู่ดอยหนึ่งค่ะ haha ถ้าส่งธรรมดาโดยไม่ส่งแบบลงทะเบียนแล้วล่ะก็ .. จุลสารปิงฟ้าวิลันดามักจะมาไม่ถึงมือคนเขียนนะสิคะ จะด้วยเหตุผลกลใดอันนี้ก็ไม่อาจจะคาดเดา ถึงขนาดที่ว่าพี่'วดีเธอเอ่ยปากบ่น " เราว่าเราจะส่งรวบยอดทีเดียวดีไหม? สิ้นปีเราค่อยรวบรวม 12 เล่ม ขับรถเอาไปให้เองกับมือ " คนเขียนได้ยินก็ " โอ้ อย่าถึงขนาดนั้นเลยค่ะ " .. แต่จริง ๆ แล้วคนเขียนก็อยากจะอ่านพร้อม ๆ ไปกับสมาชิกทุกคนนี่นา เพราะงั้นไม่ยอมให้ส่งช้าหรอก ดังนั้นพี่'วดีจึงส่งรวบยอดมาให้ 3 เล่มพร้อมกันพร้อมส่งแบบ EMS เพื่อตัดปัญหาการสูญหายระหว่างทาง
จุลสารปิงฟ้าวิลันดาเป็นจุลสารรายเดือนเพื่อการสื่อสารจากเพื่อนถึงเพื่อนชาวปิงฟ้าวิลันดาค่ะ ค่าสมาชิกรายปี 300 บาท สมาชิกจะได้จุลสารเดือนละ 1 เล่ม รวม 12 เล่ม/ปี ภายในจุลสารก็จะมีนิยายที่เขียนโดย ราชา'วดี เมนูปิงฟ้า ( อาหารเหนือ ) บทความ บทกวี เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงของชำร่วยที่มีแจกกันตลอด อย่างเช่น สบู่ โลชั่น ที่พี่'วดีทำเองกับมือโดยผลิตจากธรรมชาติ
คนเขียนเคยเป็น บ.ก.จำเป็นของจุลสารปิงฟ้าวิลันดา ฉบับที่ 3 ของเดือนมีนาคมด้วยล่ะ ขอบอกว่าเป็นเล่มที่น่ารักมาก ๆ (( ขี้โม้อีกแร่ะ )) เป็นจุลสารที่มีกลิ่นหอม ก็แหงล่ะ คนเขียนใช้กระดาษหอมมาทำปกนี่ สีเขียวอ่อน ๆ มองแล้วสบายตา-เย็นใจ อ่าววววววว ไม่เชื่อกันหรือ งั้นมาดูเลยค่ะ ว่าน่ารักสมราคาคุยไหม? ไม่อยากจะบอกว่าฉบับที่คนเขียนทำน่ะ สมาชิกทุกคนได้ลิ้มรสลำไยอบแห้งด้วยล่ะ โฮ่ะ ๆ ๆ
กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า อารัมภบทเสียยืดยาว แล้วทีนี้เมื่อคนเขียนเปิดอ่านจุลสารปิงฟ้าที่เพิ่งได้รับมาก็เจอเคล็ดลับในการปราบหนูค่ะ เป็นเจ้าหนูตัวดำ ๆ หางยาว ๆ ร้องจี๊ด ๆ ที่วิ่งเล่นไปมาในบ้านเรา ๆ นี่ล่ะค่ะ พี่'วดีเน้นเรื่องการสมานฉันท์กับหนูพอประมาณ ไม่เข่นฆ่ากัน แต่ก็อย่ามาอยู่ร่วมในบ้านเลย โดยแนะนำให้..
พี่'วดี เธอว่าเธอใช้ทฤษฎีอิทธิพลของกลิ่นเข้ามาช่วย ที่บอกว่าหนูไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ ในที่ ๆมีกลิ่นดอกไม้นั้นจะไม่มีหนู อันนี้พี่'วดีลองอยู่ 3 อาทิตย์แล้วก็ได้ผลว่าจริง ไม่มีหนูตัวไหนมาเยือนบ้านเธออีก
คนเขียนอ่านแล้วก็ยิ้มมมมมมม ก็กระต๊อบหลังน้อยของคนเขียนอยู่ในสวนนี่คะ เพราะฉะนั้นน้องหนูจึงมักพากันมาวิ่งเล่นขวักไขว่ ส่งเสียงจี๊ด ๆ ให้รำคาญอยู่สม่ำเสมอ ครั้นจะหาน้องแมวมาล่าหนูก็กลัวน้องหมาจะน้อยใจแอบงับ ๆ น้องแมวเข้าให้ ครั้นจะหาที่ดักหนูมาวางไว้ นั่นก็ดูจะโหดร้ายเกินไป อย่ากระนั้นเลย ลองวิธีที่พี่'วดี แนะนำมาในจุลสารเลยก็แล้วกัน
เดินไปหากระป๋องแป้งที่ใช้หมดแล้วมาแกะพลาสติกออก ล้างด้วยน้ำ เช็ดให้แห้ง คว้าตะปูมาวางบนกระป๋อง หยิบค้อนมาตี กระป๋องก็เป็นรูโดยรอบ เดินไปหยิบสำลีของแม่มา เออ ขาดอะไรอีกเนี่ย?? ใช่ล่ะ ขาดน้ำมันหอมกลิ่นดอกไม้ แล้วจะหาจากไหน((วะ))เนี่ย?? ตามสูตรพี่'วดีเธอใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกมะลิ แต่คนเขียนไม่มีเสียด้วยสิ สายตาเหลือบไปเห็นบอดี้ มิส กลิ่นดอกลั่นทม ของออเรียลทอล ปริ๊นเซส มันก็ไม่น่าจะใช้ได้นะ เพราะกลิ่นมันเบาบางมาก ครีมหอมกลิ่นดอกปีบที่พี่'วดีเคยส่งมาให้ลองใช้ นี่ก็หอมอ่อน ๆ เอื่อย ๆ คงใช้ไม่ได้อีกเหมือนกัน เอ๊ะ นั่นไง น้ำมันหอมระเหยกลิ่นจำปาที่พี่'วดีคนเดิมนี่ล่ะส่งมาให้ตั้งแต่ตอนที่คนเขียนรับปากทำจุลสารให้ เอาอันนี้ล่ะ จัดการเทน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ว่านี้ลงสำลี เสร็จแล้วเอาสำลียัดใส่กระป๋องแป้งที่เจาะรู นำไปวางในที่ ๆ น้องหนูชอบมาวิ่งเล่น
และแล้วจะด้วยความที่นอนขี้เซา หรืออิทธิพลของกลิ่นอย่างที่พี่'วดีเธอแนะนำมาก็ไม่รู้ คนเขียนคิดว่าเมื่อคืนที่นอนนั้นไม่ได้ยินเสียงร้องจี๊ด ๆ กับเสียงวิ่งเล่นของน้องหนูเลยแฮะ
ค่ะ ลองดูกันนะคะ
ค่ะ แล้วถ้าได้ทำอีกจะเอามาโพสให้ดูอีก
แหม อันเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ที่คุณขจิตเคยเห็นในเวบน่าจะเป็นหนังสือทำมือนะคะ ไม่ใช่จุลสารค่ะ
สุขสันต์วันเสาร์ที่ไม่อยากให้ใครบนโลกใบนี้เหงาเลยนะคะ
ขอบคุณนะคะ สำหรับกำลังใจ แวะมาให้ทักทาย และให้กำลังใจเช่นกันค่ะ
เห็นด้วย ค่ะ "ไม่เข่นฆ่ากัน แต่ก็อย่ามาอยู่ร่วมในบ้านเลย"
ขอนำไปทดลอง ค่ะ
ลองนำไปใช้ดูนะคะ วิธีสมานฉันท์เนี่ย
ได้ผลอย่างไร แวะมาบอกเล่ากันบ้างนะคะ
เนี่ยน๊า เห็นคุณฟ้าทีไร ต้อมอยากจะวิ่งรี่เข้าไปหาแล้วเอามือจับแก้มเล่นด้วยความมันเขี้ยวชะมัด ก็คุณฟ้าน่ารักนิ
จุลสารปิงฟ้าวิลันดาเป็นจุลสารทำมือค่ะ และแหม..ที่ต้อมเป็น บ.ก.จำเป็นเดือนเดียวนั้น ก็เพราะต้อมไม่ค่อยว่างไงล๊าววววววว เอ หรือพี่'วดี เธอปลดต้อมจริง ๆ นะ อิอิ
ที่พี่'วดีติดต่อให้เป็น บ.ก.จำเป็นนี่ มีสาเหตุมาจากเธอได้เห็นหนังสือทำมือที่ต้อมทำน่ะค่ะ เลยคิดว่าต้อมต้องทำจุลสารของเธอออกมาสวยแน่ ๆ เลย โฮ่ะ ๆ ๆ
เกินงบจริง ๆ ค่ะ คุณฟ้าฉบับที่ต้อมทำน่ะ แต่ต้อมไม่ขอรับเงินค่าถ่ายเอกสารหรือค่าอะไรที่ต้องใช้น่ะค่ะ เพราะคนทำทำไปแล้วก็มีความสุขน่ะค่ะ ยิ่งเวลามีคนชมก็ปลื้ม อมยิ้มมมมมมมหน้าบานไปหลายวันเชียวล่ะ และที่สำคัญคือ พี่'วดีเธอให้โอกาสต้อมได้ลองทำน่ะค่ะ
ดีจังเลย ไว้จะเอาไปใช้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ลองไปใช้ดูนะคะ เป็นวิธีที่ถ้าได้ผลก็เป็นผลดีกับเรา นอกจากจะไม่ได้เข่นฆ่าเจ้าหนูเหล่านั้นแล้ว ห้องเรายังจะหอมฟุ้งกำจายไปด้วยกลิ่นดอกไม้เสียอีก
กิ้งกือบ้านต้อมก็เยอะค่ะเพราะอยู่ในสวน .. แล้วถ้ารู้วิธีไล่กิ้งกือจะรีบมาบอกเลยนะคะ แต่ตอนนี้ก็ตัวใครตัวมันไปก่อนแร่ะกัน
ขอบคุณที่นำมาเนสอ ครับ
ใช้กลิ่นมะลิ ที่ใช้ทำขนมได้ไหมครับ
ขอโทษครับ พิมพ์ผิด
นำเสนอ
ชื่อเพราะจังครับ "ปิงฟ้า วิลันดา"
เหมือนที่ผมขับรถไปจอดจิบกาแฟ ดูป้ายโอ้โฮ้ ชื่อร้านเพราะจริง
"น้ำใส ไอหอม"
กาแฟละมุนขึ้นทันตาเห็นครับ
ถ้าทฤษฎีกลิ่นที่ว่านี่ได้ผลจริง ๆ ต้อมว่ากลิ่นมะลิที่ใช้ทำขนมก็น่าจะใช้ได้นะคะ แต่ต้อมใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นจำปา
ปิงฟ้าวิลันดา เป็นเวบนิยาย ของนักเขียนนาม ราชา'วดี ค่ะ
ปิงฟ้าวิลันดา เป็นชื่อหนังสือนวนิยายเล่มหนึ่งของเธอน่ะค่ะ
ชื่อเพราะ ๆ นี่มีผลต่อความรู้สึกของคนเรานะคะ
สวัสดีค่ะ
สูตรไล่หนูนี้ จะลองไปทำดูนะคะ แล้วจะมาบอกค่ะ
ดีจังไม่ต้องเอาที่ดักมาดัก ที่บ้านมี 1 ตัวเล็กๆ เพิ่งเข้ามาทางช่องหลังคาค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
เช้านี้ได้ยินเสียงร้องจี๊ด ๆ ของเจ้าหนูอีกแล้ว โอยยย เพราะเมื่อคืนต้อมเอาสำลีชุบน้ำมันระเหยกลิ่นจำปาออกทิ้ง แล้วใส่สำลีชุบกลิ่นมะลิที่ใช้ทำขนมลงไปแทน โหยยยยยยย สงสัยต้องเปลี่ยนมาใช้กลิ่นจำปาเหมือนเดิมเสียแล้ว
เนี่ย ถ้าคืนนี้ยังได้ยินเสียงจี๊ด ๆ อีก เห็นทีต้องโทรไปถามเจ้าตำรับวิธีสมานฉันท์กับหนูเสียแล้ว ว่าทำไมหนูบ้านต้อมมันแสนจะดื้ออย่างนี้นะ ฮึ
จะลองทำดูนะครับถ้ามันม่ายได้ผลงัย คุณต้องรับผิดชอบ งิงิงิ
ถ้าไม่ได้ผลยังไง ก็ให้..ลองแผ่เมตตา (เคยอ่านเจอในหนังสือ ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหม?)
ตอนนี้ หนูที่บ้านต้อมก็ยังมีอยู่เพียบเหมือนเดิม อิอิ