การปฏิวัติโรมาเนีย : ฉากปฏิวัติลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่ (ตอนที่ 2)


พวกเขาควรรู้ว่าใครคือตัวจริงที่เขียนละครบทนี้ขึ้นมา และเมื่อผู้คนทั้งหลายสามารถ มีส่วนร่วมในการเขียนละครบทต่อไปอย่างเต็มที่ ถึงตอนนั้นผู้คนก็จะรู้สึกว่า เป็นก้าวย่างแรกของประชาธิปไตย

 

Keiko Sei : เขียน
สมเกียรติ ตั้งนโม : แปลและเรียบเรียง

การปฏิวัติโรมาเนีย - ฉากที่สอง (Romanian Revolution - the second version)


จนกระทั่งทุกวันนี้ เรื่องราวเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการแสดงออกไปทั่วโลก มันถูกเล่าขานและถูกเชื่อเช่นนั้น แต่ อย่างไรก็ตาม ดังที่เหตุการณ์ต่อๆ มาได้เผยออกมาภายหลัง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า อันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงแต่ อย่างใด

ภายในเพียงแค่ปีเดียว พลเมืองโรมาเนียนต่างเรียนรู้ว่า อะไรที่ถูกทำให้เชื่อในฐานะที่เป็นการปฏิวัติประชาชน ซึ่ง อันที่จริงเป็นการรัฐประหารต่อ Ceausescu เท่านั้น, เป็นไปได้ว่าพวก KGB ที่ให้การหนุนหลังสมาชิก คอมมิวนิสต์ (ช่วงแรกในเดือนพฤศจิกายน, Mikhail Gorbachev ได้ขอร้องให้ Ceausescu ลงจากตำแหน่ง แต่  Ceausescu ปฏิเสธ) และกองทัพ ซึ่งรู้สึกไม่พอใจที่ถูกทำให้กลายเป็นเพียงแค่ตัวประกอบโดย Ceausescu.  ด้วยเหตุนี้ เป็นไปได้ที่ผู้คนส่วนใหญ่จะถูกใช้โดยอำนาจต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งไม่เพียงในฐานะเกราะกำบังเท่านั้น แต่ ยังเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการทำรัฐประหารด้วย

และเป็นได้มากถึงสิ่งที่ถูกเชื่อว่ามันเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยตัวมันเอง อันที่จริงแล้วมันคือแผนการณ์อันหนึ่ง และเป็นเหตุการณ์ที่มีการเขียนสคริปท์ขึ้นมา. Ion Iliescu ได้ถูกเลือกแล้วในฐานะผู้รับช่วงเป็นทายาทต่อจาก  Ceausescu มาก่อนหน้านั้น. FSN แม้คำสัญญาของพวกเขาว่าจะเป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราว และกลุ่มของตนจะ สลายตัวลงไปทันทีหลังจากการปฏิวัติ แต่อันที่จริงยังคงอยู่ในอำนาจในฐานะพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง – พวกเขา เพียงเปลี่ยนชื่อเป็นสภาเอกภาพแห่งชาติชั่วคราว ซึ่งจะเข้ามาบริหารประเทศจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งแรกขึ้น ในปี ค.ศ.1990; ซึ่งต่อมามันได้แบ่งแยกเป็นสองพรรคการเมือง

ยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่โปร่งใสเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยึดมาได้จาก Ceausescu --- มีบางอย่างที่เป็นไปได้ว่าได้ สูญหายไปเข้ากระเป๋าของใครบางคนในคณะรัฐบาลชั่วคราว และผู้คนซึ่งอยู่เบื้องหลังและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา
ผู้คนได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในหนทางที่บอบช้ำอย่างสุดๆ เมื่อ Iliescu, ประธานาธิบดีที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา ใหม่ของโรมาเนีย ได้ใช้คนงานเหมืองจากท้องถิ่นเข้าจู่โจมการเดินขบวนของประชาชน ซึ่งเพียงแค่ปีเดียวหลัง จากการปฏิวัติ เมื่อประชาชนต่างชุมนุมกันเพื่อต่อต้านการตัดสินใจของ FSN ที่จะลงแข่งขันในการเลือกตั้งระดับ ชาติ อันเป็นการทำผิดสัญญาของพวกเขาเอง. ขบวนฝูงชนได้ถูกทุบตีอย่างไร้ความปรานี โดยบรรดาคนงาน เหมือง และผู้คนราวร้อยหรือสองร้อยคนถูกฆ่าในคราวนี้ (ตามรายงานที่เป็นทางการบอกว่ามีแค่ 5 คน) และ
ผู้คนประมาณ 5 พันคนต้องได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ บรรดาคนงานเหมืองยังได้เข้าทำลายทรัพย์สมบัติในมหาวิทยาลัยบูคาเรสท์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และ พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม Iliescu ได้กล่าวขอบคุณบรรดาคนงานเหมืองหลังจากนั้นสำหรับภารกิจที่ได้กระทำ ลงไปอย่างดีเยี่ยม เหตุนี้ผู้คนทั้งหลายจึงเริ่มตระหนักแล้วว่า พวกเขาเพียงช่วยให้ Iliescu มีอำนาจขึ้น และเขาก็ ไม่แคร์หรือรู้สึกกังวลใจเลยกับเรื่องสิทธิมนุษยชน และเขาได้บูชายัญผู้คนไปเป็นจำนวนมากสำหรับการดำรงอยู่ ของเขา (ตามรายงานอย่างเป็นทางการ การปฏิวัติโรมาเนียได้ฆ่าผู้คนไปราว 1,100 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ประมาณ 3,350 คน)

เรื่องราวต่างๆ ได้รับการเปิดเผยมากขึ้น ในช่วงวันแรกๆ ของเหตุการณ์ใน Timisoara, ทั่วโลกได้เห็นถึงชิ้นส่วน ศพอันน่ากลัว และได้รับการบอกเล่าว่า ศพเหล่านี้เป็นเหยื่อของการฆาตกรรมหมู่โดยหน่วยกองกำลังรักษา ความมั่นคงของ Cauasescu. ทั่วโลกต่างรู้สึกเจ็บแค้นและได้รับการแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและให้
การสนับสนุนต่อกองกำลังฝ่ายพลเรือน เช่นเดียวกับ NSF. ซากศพต่างๆ มาถึงตอนนี้เป็นที่รู้กันแล้วว่าคือ "ซากศพ Timisoara" กลับกลายไม่ใช่บรรดาเหยื่อของการฆาตกรรมหมู่ แต่ซากศพเหล่านี้ได้ถูกขุดขึ้นมาจากสุสาน ธรรมดาและได้รับการนำมาแสดง

ช่วงขณะนั้น Ceausescu ได้ถูกชักจูงโดยบรรดาที่ปรึกษาของเขาให้ไปเยือนประเทศอิหร่าน และบรรดาที่ปรึกษา กลุ่มเดียวกันได้เชิญชวนให้เขาจัดให้มีการชุมนุมฝูงชนขึ้น. ณ สถานที่การชุมนุม ปืนกลได้ถูกติดตั้งเพื่อยิงเข้าไป ในท่ามกลางฝูงชน เพียงเพื่อสร้างความตระหนกขึ้นมาท่ามกลางผู้คน และเพื่อเริ่มต้นการปฏิวัติต่อ Ceausescu  บรรดาที่ปรึกษากลุ่มเดียวกันยังได้แนะให้ Ceausescu หลบหนีด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปยังสถานที่บางแห่ง  (เป็นไปได้ที่ว่าพวกเขาน่าจะบอกแก่เขาว่าจะไปไหนด้วย)

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งผู้คนต่างตระหนักว่า กลุ่มที่ได้รับการปิดป้ายว่า"พวกก่อการร้าย" อาจไม่ใช่มาจากฝ่ายของ  Ceausescu อันนี้คือศัตรูที่มองไม่เห็นที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อก่อให้เกิดความหวาดกลัว และผลักดันพวกเขาให้ ไปสนับสนุนกองทัพ และ NSF. สิ่งต่างๆมากมายยังคงเป็นความลึกลับ

เมื่อการรัฐประหารได้รับการวางแผนขึ้น (มันอาจได้รับการวางแผนมาตั้งแต่ช่วงต้นของปี 1982 แล้ว) เหตุนี้  ทำไม Milea จึงถูกฆ่า? ทำไมการสอบสวนเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Ceausescu จึงเป็นไปอย่างรีบเร่งเช่นนั้น?  และทำไมทั้งคู่ (หมายถึง Ceausescu และภรรยา) จึงถูกประหารชีวิตทันที? ยังมีคำถามอีกว่า ทำไมเทปทั้งหมด เกี่ยวกับการสอบสวนและการประหารชีวิตจึงไม่ถูกนำมาออกอากาศ ณ ช่วงเวลานั้นด้วย? (การสอบสวนทั้งหมด ได้ถูกนำมาออกอากาศหลังจากนั้น 4 เดือน หลังจากที่ French TF1 ได้ซื้อสำเนาเทปที่ขโมยมาเกี่ยวกับ
การสอบสวนจากคนซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก และนำมันมาออกอากาศ)

วิดีโอลึกลับ (Video Mystery)
ภายหลังการปฏิวัติ ข้าพเจ้าพร้อมด้วยเพื่อนๆ นักวิจัยด้านสื่อของข้าพเจ้าในโรมาเนียและในฮังการี เริ่มที่จะ
รวบรวมข่าวสารจากวิดีโอทั้งหลาย ยิ่งเรารวบรวมได้มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งตระหนักว่า เป็นไปได้ที่เนื้อหาสาระ เหล่านี้ได้ช่วยไขปริศนาความลึกลับบางอย่างออกมามากขึ้น ในทางตรงข้าม พวกมันยิ่งทำให้ความลึกลับ
ซับซ้อนลึกล้ำลงไปอีก!

    - อย่างแรกสุดก็คือ เราไม่อาจรู้ว่าทำไมกล้องเป็นจำนวนมากจึงนำมาใช้ได้ทันทีในประเทศที่ยากจนแห่งนี้ ที่ ซึ่งผู้คนเกือบจะไม่มีอะไรเลย
    - ประการที่สอง ทำไมกล้องบางตัวจึงนำเข้าไปในสถานที่ที่มีความอ่อนไหวต่างๆ ได้
    - ปัญหาข้อที่สามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตากล้องที่เต็มไปด้วยทักษะ โดยทั่วไปแล้ว มุมมองและความรู้ของ ช่างกล้องและผู้กำกับจะสะท้อนอยู่บนแผ่นฟิล์มและการยิงภาพของภาพยนตร์สารคดี มันเป็นอย่างเดียวกัน สำหรับภาพวิดีโอทั้งหมดที่ได้ถูกทำขึ้นในช่วงระหว่างการปฏิวัติโรมาเนีย จากภาพที่ประมวลได้ดูเหมือนว่า ช่างกล้องบางคนจะรู้ว่าใครเป็นใครในสถานการณ์ที่สับสนอลหม่าน ใครคือผู้แสดงบทไหนและแสดงบทบาทอะไร บ้าง และนั่นเป็นความสลับซับซ้อนของเหตุการณ์ดังกล่าว ยิ่งกว่าในกรณีต่างๆ ที่มองเห็นความสัมพันธ์ต่างๆ  ของ "บรรดานักแสดง"

วิดีโอเหล่านี้ยังส่งผลต่อมาอย่างไม่คาดหวังขึ้นด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาชญากรรมชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งได้ดูวิดีโอเกี่ยวกับศพของคู่สามีภรรยา Ceausescu สรุปว่า การประหารดังกล่าวนั้นเป็นของปลอม เพราะ ระดับของเลือดที่จับตัวข้นที่มองเห็นบนศพของคู่สามีภรรยานี้ พิสูจน์ว่าพวกเขาได้ตายมาแล้วหลายชั่วโมง ก่อน ที่วิดีโอจะถูกถ่าย ซึ่งนี่ยังคงเป็นปริศนาอีกสิ่งหนึ่ง

ข้อสันนิษฐานความหลอกลวง (Hypothesis of Hypocrisy)
นักสร้างวิดีโอชาวอเมริกันคนหนึ่ง Steve Fagin  ซึ่งได้สร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการปฏิวัติฟิลิปปินส์ ที่มี ชื่อว่า "The Machine That Killed Bad People" (เครื่องจักรที่ฆ่าคนชั่ว) ได้เปรียบเทียบการปฏิวัติฟิลิปปินส์กับ การปฏิวัติโรมาเนีย. สำหรับเขา แม้ว่าจะมีการจัดการต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังฉากจำนวนมาก ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วง ระหว่างการปฏิวัติฟิลิปปินส์คล้ายๆ กับการปฏิวัติอื่นๆ คนดีและคนเลวและแรงกระตุ้นทั้งหลายเกี่ยวกับความดี ความเลว มันค่อนข้างชัดเจนมาก ในทางตรงข้าม ในกรณีของการปฏิวัติโรมาเนีย "ทุกๆ คนต่างสวมหน้ากากกัน คนละสองสามหน้า ทำให้เป็นไปได้ง่ายที่จะเป็นการปฏิวัติลวงเอามากๆ แบบปากว่าตาขยิบเลยทีเดียว

การเสแสร้ง ความหลอกลวงเป็นผลผลิตของบรรทัดฐานทางศีลธรรมบางอย่าง กระนั้นก็ตาม ลักษณะท่าทีของ การตีสองหน้าและความไม่ซื่อ อาจแพร่หลายภายใต้สถานการณ์ที่สุดขั้วบางอย่าง ดังเช่นในการปฏิวัติ ที่ล้มคว่ำ คุณค่าทั้งหมดลงในทันทีทันใด - คนคุกกลายเป็นประธานาธิบดี, ผู้นำรัฐต้องโทษประหารชีวิต, ศัตรูกลายเป็น มิตร, ส่วนมิตรอาจกลายเป็นศัตรูได้, คอมมิวนิสต์คนหนึ่งกลายเป็นนายทุน, ระบบหนึ่งที่คุณเชื่อว่าอยู่บนฟากฟ้า หรือสรวงสวรรค์ได้ถูกทิ้งลงขยะเพราะปราศจากคุณค่าใดๆ อีก, และทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ นาทีเท่านั้น? มันจะยาวนานแค่ไหนที่บรรทัดฐานของความหลอกลวงสามารถใช้ประโยชน์ได้? หรือแม้กระทั่ง  ใครบางคนที่สร้างสถานการณ์หนึ่งขึ้นมา เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนความเป็นคนหลอกลวงสู่การเป็นคน ที่ไม่เสแสร้ง? นี่คือช่วงขณะที่ยุ่งยากสุดๆ สำหรับนักรบทางศีลธรรมที่จะยอมรับได้

ความหลอกลวง, hypokrisis ในภาษากรีก คือแนวคิดที่สำคัญอันหนึ่ง หมายถึงการแสดงที่เป็นส่วนหนึ่งของ
การแสดงบนเวที นิยามความหมายของ"ความหลอกลวง" ปัจจุบันในพจนานุกรม Webster คือ: การเสแสร้ง แกล้งทำว่าไม่ใช่ หรือเชื่อว่ามันไม่ใช่. Rhyme Zone ได้เพิ่มเติมนิยามความหมายว่า: การแสดงออกอันหนึ่งของ ความตกลง ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนโดยความเชื่อมั่นที่แท้จริง

ในกรณีของการปฏิวัติโรมาเนีย นักประพันธ์บทละครเสแสร้งแกล้งว่าไม่ได้เป็นนักประพันธ์ และบรรดานักแสดง ทั้งหลายซึ่งร่วมแสดงละครเรื่องนี้ ได้แสดงบทบาทที่หลายหลากมาก มีการเปลี่ยนแปลงบทบาทของตัวพวกเขา ตลอดเวลา และอะไรคือผลของการนี้? ในสังคมหนึ่ง ที่ที่บทละครเรื่องหนึ่งซึ่งผู้ประพันธ์ที่แท้จริงไม่เป็นที่ล่วงรู้ได้ถูกทำซ้ำหลายต่อหลายครั้งมากในประวัติศาสตร์ ผู้คนเริ่มที่จะคิดว่ามันจะต้องมีใครบางคนที่อยู่บนฟ้า และเขา/เธอจะต้องกำลังเขียนบทละครเรื่องหนึ่งอยู่ อันนี้ได้กลายเป็นศาสนา

นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไม  หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จำนวนมากของกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกและประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน ที่ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ศาสนาได้ผุดขึ้นมา ในทาง การเมือง ผู้คนกลายเป็นคนที่ไม่ใคร่กระตือรือร้น เฉื่อยชา - อะไรคือความต่าง หากว่าใครบางคนที่อยู่บนสวรรค์ มักจะเขียนบทละครเสมอ? ผู้คนเริ่มเชื่อกันว่า พวกเขาเพียงเล่นไปตามบทบาทที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้น

ผลกระทบภายหลังการปฏิวัติ (Post Revolutionary affect)
ในช่วงระหว่างการปฏิวัติ ณ สถานีโทรทัศน์โรมาเนียน มีผู้อำนวยการคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลรายการสด เกี่ยวกับการปฏิวัติ เธอเป็นเยาวสตรีที่ปรกติแล้วทำงานอยู่กับรายการที่เกี่ยวกับวรรณกรรม เธอได้รับการดึงตัว มากำกับรายการเกี่ยวกับการปฏิวัติ ในฐานะที่เป็นคนดูสงบเสงี่ยมและมีเหตุผล แต่มีความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยวอัน เป็นที่ต้องการสำหรับงานที่ยากลำบากนี้

ข้าพเจ้าได้พบปะกับเธอภายหลังจากการรัฐประหารใหม่ๆ จากประสบการณ์ในชีวิตของเธอ เธอยังคงมีท่าทีปลุก เร้าและมองโลกในแง่ดี เธอกกล่าวว่าผู้คนเริ่มเดินกันมายังสถานีโทรทัศน์ทันที เพราะพวกเขาได้รับการศึกษามา จากช่องทางนี้ พวกเขาได้รับการสอนที่โรงเรียนว่า ถ้าเผื่อมีเหตุการณ์ทางการเมืองบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาจะ ต้องปกป้องสถานีโทรทัศน์เป็นอันดับแรก สำหรับคำถามของข้าพเจ้า อะไรคือสิ่งที่ยุ่งยากมากสุดเมื่อต้องมา กำกับรายการเกี่ยวกับการปฏิวัติ เธอตอบว่า "ดูแลเครื่องไม้เครืองมือทางเทคนิคธรรมดาๆ ให้ดีที่สุด เพราะ
การจ่ายไฟฟ้าไม่น่าไว้ใจ และเครื่องมือเก่าแก่ของเราก็วางใจไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นพวกเราต้องทำงานกับความ กังวลที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัญหาทางเทคนิครองๆ บางอย่างที่มักจะเข้ามาขัดจังหวะและเข้าแทรกรายการ ของเราตลอดเวลา"

เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกกับผู้คน เธอกล่าวว่าจะต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเสมอภาคไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ก็ตาม - นายพลของกองทัพ บาทหลวง ชาวนา ครู หรือนักโทษ – ขณะที่ทุกคนมายังสตูดิโอทีวีต่างเท่ากันคือไม่ มีใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับโทรทัศน์มาเลย บางทีอันนี้จะเป็นชั่วขณะสั้นๆ อันมีค่าในประวัติศาสตร์ของโรมา เนียน เมื่อผู้คนต่างมีประชาธิปไตยที่แท้จริง

หลังจากนั้นหลายปีต่อมา ใน ค.ศ.1997 ข้าพเจ้าได้พบเธออีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่ได้พบเห็นเธอ -  เธอแก่ลงไปมาก ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีเทา เธอดูไร้เรี่ยวแรง เธอบอกกับข้าพเจ้าว่าชีวิตมันอย่างลำบากแค่ไหน สำหรับเธอในช่วงระหว่างการปกครองของ Iliescu, มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าในช่วงเวลาของ Ceausescu เสียอีก  เพราะเพื่อนร่วมงานของเธอเป็นจำนวนมากที่สถานีโทรทัศน์โรมาเนียน ได้ตายไปในสภาพการณ์ต่างๆ อย่างลึก ลับ เธอต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา. ในปี ค.ศ.1996 ผู้คนออกเสียงลง คะแนนเลือกประธานาธิบดีประชาธิปไตยครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คือ Emil Constantinescu. เธอพูดว่า "มาถึง ตอนนี้มันดีขึ้นบ้างแล้ว และฉันหวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ"

การปฏิวัติที่ไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ คล้ายกับเป็นเพียงผีหรือวิญญาณ ที่หลอกหลอนประเทศด้วยประชาธิปไตยเล็กๆ  น้อยๆ หรือความจริงที่ว่าผู้คนไม่เคยได้ใช้สื่อเลย และดำรงชีวิตอยู่เป็นเวลายาวนานโดยปราศจากการเข้าถึงข้อ มูลข่าวสาร พวกเขาต้องพ่ายแพ้แก่คนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งทั้งหมดมีความรู้ว่าจะจัดการสื่ออย่างฉลาดและเหมาะสม
อย่างไร ภาวะหงุดหงิดอดรนทนไม่ได้กับการปฏิรูปเศรษฐกิจของ Constantinescu ในช่วงระหว่างเวลา 4 ปีของ การดำรงตำแหน่งของเขา และภายใต้อิทธิพลครอบงำเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อที่มีประสิทธิภาพของ Iliescu  ผู้คนจึงลงคะแนนเลือกตั้ง Iliescu ครั้งแล้วครั้งเล่า

ผลของการณ์นี้ ผู้คนชาวโรมาเนียนต้องแบกรับภาพลักษณ์อันน่าขายหน้าและเสื่อมเกียรติของพวกเขาเอง ใน ฐานะมวลชนที่ไร้ข้อมูล ไร้การศึกษา ดังที่ประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปต่างๆ คิด. พวกเขายังคงไม่ได้รับการยอมรับ ในฐานะสมาชิกหนึ่งของสหภาพยุโรป และเมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขาได้รับความขายหน้าอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  นั่นคือพวกเขาจะได้รับการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในปี ค.ศ.2008

ทุกวันนี้ไม่มีผู้คนโรมาเนียนคนใดเรียกเหตุการณ์ปี 1989 ว่า"การปฏิวัติ"อีกแล้ว. ดังที่กลุ่มดังกล่าวได้แย่งชิง อำนาจจากเผด็จการ และได้ตั้งชื่อลวงของกลุ่มขึ้นมา เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการทึกทักว่าเป็นเหตุการณ์ของ ประชาชน บางคนเรียกมันว่า"การปฏิวัติที่น่าสงสัย" ส่วนบางคนเรียกมันอย่างเยาะหยันว่า"การรัฐประหารคราว นั้น" เพื่อพ้นไปจากเรื่องราวเยาะหยันถากถางอันนี้ ผู้คนโรมาเนียนต้องการที่จะเข้าถึงเอกสารทั้งมวลที่เกี่ยวโยง กับการปฏิวัติ และจะต้องได้รับข้อมูลอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ที่สำคัญสุดเหนือสิ่งใด พวกเขาควรรู้ว่าใครคือตัวจริงที่เขียนละครบทนี้ขึ้นมา และเมื่อผู้คนทั้งหลายสามารถมี ส่วนร่วมในการเขียนละครบทต่อไปอย่างเต็มที่ ถึงตอนนั้นผู้คนก็จะรู้สึกว่าเป็นก้าวย่างแรกของประชาธิปไตย  ชีวิตอาจกลายเป็นละครโรงใหญ่โรงหนึ่ง ซึ่งมันจะสร้างความรู้สึกอย่างบริบูรณ์แต่เพียงเมื่อคุณคือผู้ประพันธ์มัน อย่างแท้จริง

ปัจฉิมกถา (Epilogue)
ถ้าเพื่อว่า Ceausescu ยังคงอยู่และมีอำนาจ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่สุดของเขาอาจจะเป็นอินเตอร์เน็ต เผด็จการทุกคน หวาดกลัวสื่อที่อยู่ในมือของประชาชน. ในปี ค.ศ.1989 ไม่มีพลเมืองคนใดใช้อินเตอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ผู้คนทั้งหลาย จึงปกป้องและใช้โทรทัศน์ มาถึงปัจจุบันนี้ ผู้คนจะปกป้องอินเตอร์เน็ตยิ่งกว่าสื่ออื่นๆ นั่นคือสิทธิอันชอบธรรมของ ประชาชนที่จะได้รับข่าวสารและการศึกษา โดยผ่านสื่ออันทรงประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งยุคสมัย

หมายเลขบันทึก: 105530เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2007 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2012 11:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท