ยุทธศาสตร์การสู้รบแบบกองโจรที่ผู้ก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ใช้ปฏิบัติงานอยู่ขณะนี้ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ถือว่ามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างมาก และเป็นยุทธศาสตร์หน่วยงานราชการจะใช้มาตรการตอบโต้โดยใช้กำลังรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลอันสมคารไม่ได้เลย ( ไม่มีพยานบุคคลและหลักฐานเพียงพอ ) และอีกประการหนึ่งทุกครั้งที่คิดจะตอบโต้ทุกครั้งจะต้องคำนึงถึงหลักของกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ มีหลายหน่วยงานจับตาเฝ้ามองดู และรวมถึงประชาชนเองด้วย เพียงแค่นี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า (ทหาร ตำรวจ ) แทบไม่ต้องคิดเรื่องการใช้กำลังในการตอบโต้ ( แพ้อยู่แล้ว เห็นๆ ) แทบจะเรียกว่าเป็น ง่อย ไปเลย มีผลต่อทำให้เกิดความรู้สึกต่อประชาชนและข้าราชการดังนี้
1. เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้
2. ประชาชนหรือครูตกอยู่ในภาวะหวาดกล้ว การนิ่งเฉยจึงจะมีผลต่อความปลอดภัยของตนเอง
3. ความใกล้ชิดระหว่างประชาชน(ชาวบ้าน)กับเจ้าหน้าที่รัฐ ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย ความคิดจะอยู่ในความลังเลว่าจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐดีหรือไม่ ( ผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเองอยู่ภายในหมู่บ้าน ซึ่งไม่สามารถจำแนกได้ทั้งหมด ใครคือผู้ก่อการร้าย? )
เราจะใช้ยุทธศาสตร์อะไร นำไปตอบโต้ดี? ผมคิดว่าเราๆ ท่านๆ คงจะเคยได้อ่านหนังสือหรือได้ดูหนัง เรื่อง " สามก๊ก " มาก่อน และคงจะคุ้นเคยกลยุทธ หรือวลี ดังต่อไปนี้ดี
กลยุทธข้างต้นดูเหมือนจะ 'ลิเก' ไปหน่อย แต่ยังคงประยุกต์และนำใช้ได้กับการสู้รบได้เสมอ ( ต้องคิดแบบนักรบ อย่าคิดแบบนักพรต หมายความว่า ใครมีหน้าที่เป็นนักรบก็ให้ทำหน้าที่ไป ใครมีหน้าที่รักษาความสงบหรือการพัฒนาก็ทำไป แต่การคิดจะต้องบูรณาการหรือประสานความสอดคล้องให้สมดุลกัน การปกครองจะต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ จะใช้พระคุณทุกกรณีไปจะไม่ได้ มันอุดมคติเกินไป นั้นคือ การให้และการทำลายต้องสอดคล้องกัน - : บทความครั้งนี้ผมจะกล่าวเฉพาะยุทธศาสตร์การทำลายก่อน ยุทธศาสตร์การพัฒนาค่อยว่ากันทีหลังต่อไป )
ยุทธศาสตร์การทำลาย : ยืมดาบฆ่าคน / โจรปราบโจร / การทำลายความสามัคคีของศัตรู เป็นอย่างไร?
ในกลุ่มของผู้ก่อการร้าย (หรือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหรือกลุ่มพระยาปัตตานี ) ที่ฝั่งรากลึกอยู่ในหมู่บ้าน รวมกลุ่มกับชาวบ้าน และเป็นผู้ปลุกปั่นความคิดของชาวบ้าน ในขณะนี้ ทางหน่วยงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจำแนกแยกแยะความชัดเจนได้ว่า ใครคือผู้ก่อการร้าย ใครเป็นชาวบ้านบริสุทธิ์ ( เนื่องจากไม่มีใครยินยอมให้ความร่วมมือเพื่อเป็นพยานบุคคล แก่หน่วยงานราชการ - สาเหตุเนื่องจากความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง ) และทุกครั้งที่จับผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ทำได้เพียงสอบสวน ทำประวัติและ ต้องปล่อยตัวไป (ตามพี่ระเบียบไป )
การตอบโต้โดยใช้ยุทธศาสตร์ ดังกล่าวข้างต้นหวังผลอย่างไรเกิดขึ้น? ( ผมขออนุญาต ไม่เล่ากลวิธีการทำลายบน Internet ) การหวังผลมีดังนี้คือ ให้สมาชิกในกลุ่มผู้ก่อการร้ายเริ่มระแวงสงสัยซึ่งกันและกันเอง โดยมีเกณฑ์การวัดดังนี้
เรื่องที่กล่าวข้างต้นนี้ตามปกติไม่มีใครเขาคิดกัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ แต่จำเป็นต้องคิด โดยมีจุดมุ่งหมายการต่อยอดกันต่อไป
ถามว่า ยุทธศาสตร์ข้างต้น ผิดหลักของสิทธิมนุษยชนหรือไม่?
ถามว่า เป็นแนวทางปฏิบัติการที่ใช้กำลังรุนแรงหรือไม่?
เราให้ท่าน สายพิราบ และสายเหยี่ยว คิดกันเอาเอง
ผมคิดว่าเป็นความคิดที่คลาสสิกมากผมชอบ