ต่อมสำนึกของโทรทัศน์ไทย ทำไมช้าจังเลย


นี่ผลจากการ Censor ตัวเองของสื่อมวลชนไทยในยุคนั้น แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับเปลี่ยนไป หลังการทำรัฐประหาร ประเทศก็เข้าสู่อุ้งมือทหาร แทนที่สื่อมวลชนจะเกรงกลัวกับ 2 ผัวเมีย คมช.สุภาพบุรุษกับรัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่า กลับฮึกเหิมแสดงจุดยืนเป็นสื่อเสรีกันยกใหญ่ แบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เพราะโทรทัศน์ไทยทุกช่อง (ไม่เว้นแม้แต่ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ก็มีต่อมสื่อเสรีกับเขาด้วย) ต่างก็เกาะติดการชุมนุมของกลุ่ม PTV แทบทุกช่วงของการนำเสนอข่าวบ่อยจนเทียบไม่ได้กับการเสนอข่าวไล่ทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ เลย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองทั้งสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพีทีวี และสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์อื่นๆ ในแต่ละวัน ซึ่งการนำเสนอข่าวสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สื่อมวลชนบ้านเราก็นำเสนอข่าวกันทุกวันอยู่แล้ว ส่วนข่าวการชุมนุมของกลุ่มพีทีวีก็ยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดทางสื่อมวลชน ซึ่งเป็นเรื่องแปลก!!!

แปลกอย่างไรเหรอครับ ผมนึกทบทวนสมัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมกันเพื่อตั้งคำถามต่อจริยธรรมนักการเมืองที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐนาวาของเขา จนในที่สุดนำมาสู่การประสานเสียงไล่ให้ออกจากการเป็นผู้นำประเทศ เพราะขาดคุณธรรมในการบริหารบ้านเมือง ตลอดการชุมนุมตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้า ท้องสนามหลวง สี่แยกมัฆวาน รวมถึงหน้าสยามพารากอน

สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้น อยู่ในยุคประชาธิปไตย ที่สื่อมวลชนควรจะนำเสนอข่าวสารที่ขบวนการภาคประชาชนเดินขบวนตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่เรากลับพบว่า สื่อมวลชน โดยเฉพาะโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, 11, ITV ต่างก็ไม่ได้ให้ความสนใจข่าวนี้มากนัก ผู้รับสารทางบ้านไม่เคยได้ร่วมเกาะติดการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลย

สถานการณ์เช่นนี้เป็นที่หาของการแสวงหาข้อมูลข่าวสารด้วยตัวของประชาชนผู้สนใจเอง จึงเกิดกระแสการแห่ซื้อจานรับสัญญาณดาวเทียม ASTV จนทำให้ร้านขายจานดาวเทียม ขายดีกันแบบไม่เคยมีมาก่อน หรือบางคนที่ไม่อยากซื้อจานดาวเทียม หรืออยากจะร่วมวิพากษ์วิจารณ์การบ้านการเมืองกับเพื่อนๆ ต่างก็พากันมารวมตัวยังลานกิจกรรม สถานที่สาธารณะ เพื่อชมการถ่ายทอดการชุมนุมด้วยกันจากกรุงเทพมหานคร

ไม่เฉพาะเพียงแค่กระแสการซื้อจานดาวเทียม ASTV เท่านั้น ทุกวันศุกร์หรือวันที่มีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ต่างๆ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์เกิดสภาพ Traffic jam เพราะประชาชนคนชั้นกลางที่นั่งใน Office ต่างกระหายที่จะทราบข่าวสารที่เกิดขึ้น จึงพร้อมใจกัน Click พร้อมๆ กันโดยมิได้นัดหมาย เว็บไซต์จึงล่มแล้วล่มอีก (อาจบวกกับการก่อกวนของกระทรวง ICT สมัยนั้น)

การสะกัดกั้นข่าวสารในสมัยปลายรัฐบาลทักษิณของสื่อมวลชนกระแสหลัก โดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุ ทำให้ประชาชนต้องหาทางเลือกอื่นๆ ในการติดตามข่าวสาร แบบไม่งอนง้อสื่อน้ำเน่าพวกนั้น ส่วนช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ ทนกระแสความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนไม่ได้ เพราะกลัวคนจะปิดทีวีกระแสหลัก งดดู “ละครน้ำเน่า” แต่ไปเปิด ASTV หรืออินเตอร์เน็ต ดู “สนธิ ลิ้มทองกุล” แทน จึงทำจอเล็กๆ ถ่ายทอดภาพ (เพราะไม่มีเสียง) การชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแทรกบนหน้าจอ แต่ก็คงไม่มีเนื้อหาสาระสู่ผู้ชมทางบ้านมากนัก

นี่ผลจากการ Censor ตัวเองของสื่อมวลชนไทยในยุคนั้น แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับเปลี่ยนไป หลังการทำรัฐประหาร ประเทศก็เข้าสู่อุ้งมือทหาร แทนที่สื่อมวลชนจะเกรงกลัวกับ 2 ผัวเมีย คมช.สุภาพบุรุษกับรัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่า กลับฮึกเหิมแสดงจุดยืนเป็นสื่อเสรีกันยกใหญ่ แบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน  เพราะโทรทัศน์ไทยทุกช่อง (ไม่เว้นแม้แต่ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ก็มีต่อมสื่อเสรีกับเขาด้วย) ต่างก็เกาะติดการชุมนุมของกลุ่ม PTV แทบทุกช่วงของการนำเสนอข่าวบ่อยจนเทียบไม่ได้กับการเสนอข่าวไล่ทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ เลย

ผมมีข้อสังเกต 2 ประการ ว่าการเกาะติดสถานการณ์ม็อบ PTV ของโทรทัศน์บ้านเรา คงมาจากประการแรก สื่อโทรทัศน์บ้านเราเกิดการปฎิรูปตัวเอง และพร้อมจะยืนอยู่ฟากตรงข้ามกับเผด็จการทหาร (อันไม่รู้ว่าพูด Over หรือ กระแนะกระแหนก็ไม่รู้นะครับ)

ถ้าไม่เป็นข้อแรก ก็อาจเป็นข้อสุดท้าย คือ โทรทัศน์ไทยได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ระบบทุนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงมีอิทธิพลต่อระบบโทรทัศน์ไทย เพราะเครือข่ายนายทุนของอดีตพรรคไทยรักไทย ยังคงมีอิทธิพลอยู่ ที่เป็นพันธนาการ ซึ่งยากที่จะสลัดทิ้ง จึงพากันขยันขันแข็งทำข่าว PTV แบบไม่เฉพาะสถานการณ์การชุมนุม แต่ยังรายงานเนื้อหาที่ปราศรัยบนเวที ซึ่งถ้าหากเป็นเวทีพันธมิตรฯ นั้น ได้ออกแค่ภาพก็ถือว่าบุญโขแล้ว

ส่วนความจริงจะเป็นเช่นไร โทรทัศน์ไทยเท่านั้นที่จะพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของตนเอง
คำสำคัญ (Tags): #สื่อทางเลือก
หมายเลขบันทึก: 104591เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 16:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท