ทำขวัญนาค ตอนพิเศษ 5 (ร้องเล่น พอเป็นกระสายยา)


ผู้ประกอบพิธี จะต้องมีการสังเกตหรือใช้ไหวพริบด้วย

ทำขวัญนาค

ตอนพิเศษ 5

(ร้องเล่น พอเป็นกระสายยา)

          ร้องเล่น ในที่นี้ คือ บทร้องที่หมอขวัญนำเอามาสอดแทรกในพิธีทำขวัญนาคซึ่งก็มีหลายตอน สุดแล้วแต่หมอขวัญในแต่ละท่านจะจัดเตรียมเอาตอนในมาร้อง  ในพิธีทำขวัญนาคจริง ๆ แต่ดั้งเดิม หมอขวัญจะต้องกล่าวเรื่องราวต่าง ๆ รวม 5 บท/ตอนด้วยกัน  ได้แก่ บทเคารพคุณ  บทปฏิสนธิ  บทนามนาค  บทสอนนาค และบทเชิญขวัญ นอกจากนั้นยังมีบทพูด และร้องส่งกับดนตรีในเรื่องราวที่เป็นพิธีการอีกหลายเพลง ได้แก่ เพลงไหว้ครู  เพลงปวดท้อง  เพลงนาคแปลงกาย  เพลงนาคสั่งลา  เพลงเวียนเทียน ที่กล่าวมานี่ เป็นเพลงหลัก ๆ แต่พ่อหมอก็จะมีลูกเล่นนำเอาเพลงร้องอื่น ๆ มาผสมผสาน เช่น ตอนแม่แพ้ท้องก็จะร้องคร่ำครวญว่า อยากจะกินสิ่งนั้นสิ่งนี้ ให้พ่อไปหาเอามาให้ ถ้าไม่ได้กินก็จะสิ้นใจตาย จะต้องขอเงินจากท่านเจ้าภาพ เพื่อนำเงินไปซื้อเอามา หรืออย่างตอนที่แม่ปวดท้อง ถ้าเป็นหมอขวัญผู้หญิงก็จะร้องคร่ำครวญโอดโอยอยู่นาน ขอเงินรางวัลไปตามหมอตำแยบ้างละ ขอเงินเป็นค่ารถบ้างละ และยิ่งตอนที่แม่ใกล้จะคลอด จะต้องตั้งค่ากำนล เพื่อทำน้ำมนต์สะเดาะ  ขอเงินค่ากำนลอีก โอ้ ! มีหลายตอนครับ ที่หมอเขานำมาร้องเล่นขอเงิน (ฟัง ๆ ดูก็สนุก แต่ก็น่าเบื่อเหมือนกัน)  

                 คำว่า นํ้ากระสายยา คือ นํ้าที่สะอาด  อาจได้มาจากพืช วัตถุ ธาตุ โดยนำมาบีบ คั้น ฝน ต้ม โดยกรรมวิธีใด ๆ ก็ดี เพื่อเอาน้ำนั้นมาทำเป็นกระสายยา ทำให้ยานั้นเข้มข้นมากยิ่งขึ้น  ดังนั้นการที่หมอขวัญเขานำเอาบทร้องที่อยู่นอกเหนือจากบทครูมาแทรกในบางตอน ก็เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศให้ เข้มข้น สนุกสนาน และมีคติสอนใจให้พ่อนาคนั่นเอง  แต่สิ่งใดก็ตามถ้ามีมากจนเกินไป ผู้ฟังก็มักจะเบื่อ  ยิ่งมาร้องขอเงินด้วยแล้ว ใครก็คงไม่อยากที่จะเสียเงินหรอกนะ

        

          แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปนะครับ มีหลายราย หรือ หลาย ๆ งานเหมือนกัน ที่ท่านเจ้าภาพต้องการให้หมอขวัญนำเสนอตอนที่เป็นลูกเล่นสนุกสนานอย่างนี้มาก ๆ เพราะเขาจะมีการแสดงทำขวัญนาคทรงเครื่อง ยิ่งตอนที่หมอขวัญว่ามาถึงตอนที่ใกล้จะคลอดด้วยแล้ว  ถ้ามีผู้ฟังเขาเล่นด้วยละก็ หมอขวัญนั่งไม่เป็นสุข จะต้องเจอสิ่งของที่เขาใช้ในการคลอดลูกในสมัยโบราณ นำเอามาให้ดมตลอดเลย เป็นต้นว่า  ขิง ข่า ตะไคร้ ขมิ้น แถมมีบางงานเจอสาก....เอามาอีกด้วย  บางตอนผู้ที่มาเล่นทรงเครื่องยังช่วยหมอร้องอีกด้วย ถึงแม้ว่าเสียงเขาจะไม่ใสนักแต่ก็ร้องด้วยใจศรัทธา ตอนคลอดก็ร้องครวญครางไปเถิด..นานเลย จนบางทีเราเป็นหมอขวัญร้องคลอดไปแล้ว  พวกที่มาเล่นด้วยยังสนุกกันอยู่นึกว่าลูกยังไม่คลอดก็มี 

          การร้องเล่นก็มีทั้งคุณและโทษ ที่มองเห็นว่าเป็นคุณก็คือ เป็นการผสมผสานกันของบทร้องเรียบ ๆ ให้มีสนุกสนาน เร้าใจบ้าง  และที่อาจเป็นโทษคือ ผู้ฟังที่อยู่นอกบริเวณพิธี จะหาว่า หมอขวัญมาขอเงินอย่างเดียว ไม่ว่าในสิ่งที่เป็นประโยชน์สักที คนเรานานาจิตตัง ก็คงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะครับ  คงต้องเอาใจกันหลาย ๆ ฝ่าย

          ในสมัยก่อน ตอนที่ผมเริ่มทำขวัญนาค มีผู้ฟังมาขอให้ร้องเพลงนั้นเพลงนี้ (เพลงในตำนาน ในชาดก) มากมาย และได้เงินรางวัลโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ เพลงที่ผู้ฟังมาขอให้ร้องตอนทำขวัญนาคในตอนนั้น ได้แก่ เพลงแหล่สี่กษัตริย์เดินดง  เพลงแหล่มัทรีสลบ เพลงแหล่เผยม่านทอง โล้สำเภา  เพลงสำเภาทอง  เพลงนาคกำพร้า  แหล่ยูงทอง เพลงแหล่พระคุณของแม่  เพลงนาคลา  เพลงแหล่อวยพร ฯลฯ   

 ตัวอย่างบทแหล่พระคุณมารดา

      พี่น้องทั้งหลาย จงฟังเพลงแหล่     เรื่องจริงแท้ ของบิดามารดา 

      จะแหล่เรื่องบุตร สุดปรารถนา         พ่อแม่เลี้ยงมา ไม่คิดอะไร

      ทะนุถนอม ยอมลำบาก                 จะทุกข์ยาก สักเพียงไหน

      ยอมตนเป็นค่า ลูกยาหญิงชาย        ให้ลูกสบาย แม่ก็หายกังวล

      เมื่อเล็ก ๆ ลูกยังเดินไม่ได้             แม่หัดให้ตั้งไข่ ถือไม้ควงวน 

      เมื่อเดินคล่องแคล้ว แล้วกมล        ลูกซุกซน ละแม่ก็อาวอน..(ยังมืต่อ) 

          ถ้าว่าแต่เนื้อหาล้วน ๆ คนฟังก็จะเบื่อเหมือนกัน เพราะเป็นทำนองเรียบ ๆ   ถ้าว่านอกเรื่องมาก ๆ คนฟังก็จะเบื่ออีกเช่นเดียวกัน เพราะไม่ได้รับรู้คุณค่าที่เป็นประโยชน์  ในส่วนตัวของผม  ในฐานะหมอทำขวัญผู้หนึ่ง ผมคิดว่า  หมอจะต้องทำตามแบบฉบับครูให้ได้มากที่สุด  ส่วนการร้องเล่น จะกระทำได้มากหรือน้อย จะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าภาพมากกว่า อยู่ที่เจ้าภาพอยากรับฟังมากน้อยแค่ไหน เช่น บางบ้านจดรายชื่อแขกผู้มีเกียรติ ญาติ ๆ มาให้ยาวเป็นตับเลย (ให้หมอร้อง) ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ร้องแทรกได้เลย เพราะเจ้าภาพเป็นผู้ขอร้อง  และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ  เรื่องของเวลา

          เวลาในการทำขวัญนาค แต่เดิมฟังพ่อคุณวันทำขวัญนาค พ่อคุณใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จะกว่าไปบ้างก็เล็กน้อย  ผมได้รับฟังบางบ้าน หมอขวัญใช้เวลาในการทำขวัญนาค 4-5 ชั่วโมง (คนนั่งฟังเมื่อยแย่)  ที่ใช้เวลานานเป็นเพราะจัดเนื้อหาขั้นตอนมาไม่กระชับ ทำให้ยืดเยื้อ ลูกเล่นในบางตอนถ่วงเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  เป็นจุดหนึ่งที่นำมาสู่การขาดความนิยม  เสียดายเสน่ห์แห่งพิธีกรรมที่มีมานานนับร้อยปี 

          ส่วนผม ถ้าเจ้าภาพไม่ขอร้องเข้ามา ผมไม่ก็จะร้องแยก และในเรื่องของเวลา ผมจะทำความตกลงกับเจ้าภาพเอาไว้ก่อนเลยว่า ท่านจะให้เวลาในการทำขวัญนาคเท่าไร  เช่นกำหนดให้ว่า ในการทำพิธีเชิญขวัญวันนี้

          - มีเวลา 1 ชั่วโมง ร้องทำนองเสนาะและแหล่ต่อเนื่องกันไปจนจบ

          - มีเวลา 1.30 ชั่วโมง ร้องทำนองเสนาะและแหล่ และร้องส่งต่อเนื่องกันไปจนจบ

          - มีเวลา 2 ชั่วโมง ร้องทำนองเสนาะ แหล่ ร้องส่ง และทำนองอื่น ๆ ต่อเนื่องกันไป

          - ไม่กำหนดเวลา ผมจะใช้เวลาไม่เกิน 2-2.30 ชั่วโมง โดยหมอขวัญจะจัดลำดับ  ขั้นตอนจนเสร็จพิธี อาจจะมีกระดาษรายชื่อ คำขอให้ร้องมาจัดให้ได้ด้วย

          - ทำพิธีเชิญขวัญโดยมีหมอขวัญหลายท่าน (เป็นคณะ) ยิ่งถ้าต่างคนต่างมากำหนดเวลายากมาก 

         แต่ทั้งหมดนี้ถ้าผู้เป็นโหราหรือผู้ที่ทำหน้าที่หมอขวัญเป็นผู้ประกอบพิธีที่มีการสังเกต หรือใช้ไหวพริบสักนิด ดูที่ท่านผู้รับฟัง หากคนฟังยังแน่นหนาเท่าเมื่อตอนเริ่มต้น ก็แสดงว่าสิ่งที่นำเสนอเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง แต่ถ้าผู้ฟังเริ่มทยอยกันออกไปจากบริเวณพิธีจนเหลือแต่ท่านเจ้าภาพ 4-5 คน ก็ต้องมาทบทวนในใจว่า ขณะนี้เกิดอะไรขึ้น เกิดจากผู้ทำพิธีหรือตัวแปรอื่น ๆ การประเมินสถานการณ์ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถนำเอามาปรับกระบวนการ ที่มีการยืดหยุ่น ให้เหมาะสมได้ ครับ

          (ชำเลือง มณีวงษ์ / ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมสาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้าน  ปี 2547)  

 

คำสำคัญ (Tags): #ทำขวัญนาค
หมายเลขบันทึก: 104438เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 06:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท