บทระลึกถึงพ่อ…ครบ 3 ปีแล้ว ที่พ่อของฉันจากไป


การดูแลผู้ป่วยเรื้อรังจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
วันที่ 19 มิถุนายน 2547 เป็นวันที่พ่อของฉันเสียชีวิต  ด้วยโรคความดันโลหิตสูงและไตวายเรื้อรัง  มาถึงตอนนี้ครบ 3 ปีแล้วที่พ่อของฉันจากไป     
 ฉันจะขอเล่าประสบการณ์ในการดูแลพ่อในฐานะที่ฉันเป็นลูกและเป็นพยาบาล   เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังจนถึงวาระสุดท้ายค่ะ   
 1 ปี  ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต  พ่อฉันบอกลูกๆและแม่ว่า...............
  ปีนี้คงไม่พ้นเดือนห้าหรอก เหนื่อยมาก....สมองสั่งแขนขาก็ไม่ได้ แขนขาเหวี่ยงไปหมด...... เดินไปเดินมาก็จะล้ม   
  ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่   เจ็บปวดทรมานเหลือเกิน... คันตามตัว.... กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ 
คนเราจะตายก็ยาก ลำบากคนป่วย ลำบากคนปฏิบัติ โรงพยาบาลก็ไม่ไปอีก พ่อถึงที่สุดแล้ว ถ้าพ่อตายให้ซื้อหีบศพใส่พ่อให้ปลอดภัยก็พอ  
พ่อทรมานมาก   ให้พ่อไปเถอะ  กินก็ไม่ได้ ถ่ายก็ไม่ได้  เข้าส้วมก็ไม่ได้ 
อายุเกิน 80 ปีแล้วจะตายก็ไม่ว่าหรอกเพราะได้กำไรมากแล้ว ร่างกายไม่ไหวแล้ว   กินไม่ได้  50 ปีที่พ่ออยู่กับแม่ ช่วยกันทำมาหากิน  ไม่มีปัญหากัน ลูกก็มีงานทำทุกคน 
  ถ้าพ่อตาย   พ่อสั่งแม่ไว้แล้วว่าให้ทำอะไรบ้าง   ให้ตั้งศพที่บ้าน นิมนต์พระมาสวด 3 วัน  แล้วให้เผาเลย หลังจากนั้นให้ลอยอังคารและขี้เถ้าทั้งหมด  ที่แม่น้ำโขง            
   คำพูดต่างๆเหล่านี้ .......พ่อของฉันพูดเมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต หลังจากเจ็บป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลา 22 ปี ด้วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน  
  แพทย์บอกว่า 
 พ่อเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย    หลังจากพ่อได้รับการตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของไต  ในระยะสุดท้ายจะรับประทานอาหารไม่ได้  ปัสสาวะไม่ออก  หายใจไม่อิ่ม นอนราบไม่ได้  อาจช่วยได้โดยให้ออกซิเจนเป็นระยะๆ  ให้ดื่มน้ำน้อยๆ  และสุดท้ายอาจทุกข์ทรมานมาก  ให้ญาติทำใจ เมื่อเวลานั้นมาถึง   
  
 ตอนนี้เวลานั้นมาถึงแล้ว คำพูดของแพทย์ที่บอกฉันไว้   ฉันรู้ซึ้งและได้สัมผัสถึงความทุกข์ทรมานนั้นแล้วและซาบซึ้งดี  จนมีความรู้สึกว่าไม่รู้จะทำอย่างไรให้เวลาแห่งความทุกข์ทรมานให้ผ่านพ้นไปได้   
  ก่อนที่ฉันจะกล่าวถึง....บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังจนถึงวาระสุดท้ายชีวิตและในฐานะลูกของผู้ป่วยด้วย   ขอเล่าประวัติของพ่อ  
พ่อของฉัน........เป็นคนรักความสะอาด  แต่งตัวดี หน้าตาดี  แม้แต่ป่วยยังต้องแต่งตัวเรียบร้อยเสมอ  เป็นคนที่เตรียมความพร้อม แม้แต่หนังสือที่แจกในงานศพ พ่อยังเขียนคำนำและเนื้อหาด้วยตัวเอง
 
 
ซึ่งลูกๆได้มาปรับเนื้อหาให้กระชับ ทำเป็นหนังสือตำนานชีวิต
 
พ่อได้อัดเทปเตรียมกล่าวคำอำลาในงานศพของพ่อด้วย  
ประวัติการเจ็บป่วยของพ่อ
ปี พ.. 2525 พ่ออายุ 62 ปี เริ่มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง
 ปี พ.. 2536 พ่อเริ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคเกาต์   
ปี .. 2537 มีเลือดกำเดาไหลไม่หยุด  
 ต่อมา ปี พ.. 2538  เริ่มมีอาการของโรคไต  แพทย์รักษาโดยให้รับประทานยา
ปี พ..2539 ไอบ่อยเวลาไอจะหน้ามืด แพทย์ให้ตรวจคลื่นหัวใจอย่างต่อเนื่อง ไม่พบความผิดปกติ
  ปี พ.. 2540 มีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมาก ต้องฉีดยาเบาหวานด้วยตนเอง ระบบไตเริ่มเสื่อมมากขึ้น
ปี พ..2541 เป็นต้อกระจก ซึ่งเป็นผลจากภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานและเป็นโรคของผู้สูงอายุโดยทั่วไป
ปี พ.ศ. 2543  พ่อเจ็บป่วยรุนแรงกว่าทุกครั้งจากภาวะหัวใจล้มเหลว ไตวายจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ปอดบวมแทรกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ก็ผ่านพ้นภาวะวิกฤติมาได้   
ในครั้งนี้ระบบไตของพ่อเริ่มเสื่อมอย่างรุนแรง แพทย์ที่ดูแลรักษาบอกว่าน่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน 
ถ้าล้างไตอาจอยู่ได้นานกว่านั้น
แพทย์แนะนำให้ล้างไต แต่พ่อตัดสินใจไม่ขอรับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว
พ่อบอกว่า
ชีวิตพ่อผ่านความยากลำบากมามาก  แต่ก็ถือว่าเป็นชีวิตที่มีความสุข อยู่ได้มาจนถึงปูนนี้แล้วถือว่าเป็นกำไร ไม่ควรหนีความตาย    ถ้าต้องเจาะท้องคาสายน้ำเกลือไว้ตลอด ผู้ดูแลก็จะลำบาก  ตัวพ่อคงหมดความสุข ขอกลับไปอยู่บ้าน ถ้าจะตายก็ขอตายอย่างธรรมชาติดีกว่า  
ถึงแม้ว่า...ฉันบอกพ่อว่าจะหาผู้ดูแลที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี  เพื่อทำหน้าที่ล้างไตให้แต่พ่อยืนยันว่าไม่ต้องการ
 พ่อกลับไปอยู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม โดยมีแม่และลูกสาวคอยดูแล 
 4 ปี ....ที่พ่อป่วยจากไตวายเรื้อรัง พ่อต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆเพื่อรักษาตามอาการ
 ต้นปี พ.ศ. 2547 พ่อมีสภาพร่างกายอ่อนแอ แต่มีกำลังใจเข้มแข็ง    
4   เดือนต่อมา พ่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีคลื่นไส้  อาเจียน ท้องเสีย แขนขาอ่อนแรง ปวดกระดูกบริเวณขา  ผิวแห้ง คันตามตัว ปัสสาวะออกน้อย จากภาวะ Uremia   
 18 มิถุนายน 2547 พ่อสดชื่นขึ้นในตอนเช้า เรียกหาลูกเป็นคำสุดท้าย หลังจากนั้นพ่อไม่รู้สึกตัวอีกเลย 
19 มิถุนายน 2547 ตอนเช้า พ่อหายใจเร็วและแรงขึ้น 28 ครั้งต่อนาที ปากแห้งมาก  เวลา 23.48 . พ่อหายใจหอบลึก  34 ครั้งต่อนาที ชีพจรเบาเร็ว 110 ครั้งต่อนาที วัดความดันโลหิตได้ 70/40 มิลลิเมตรปรอท   พ่อเริ่มกระตุก แขนขาเกร็งเล็กน้อย ลืมตาหันหน้ามาทางแม่ มีเสียงลอดออกมาเบาๆคล้ายจะสั่งลาแม่  แม่จึงบอกพ่อว่าไม่ต้องห่วงเรื่องใดๆและให้ไปสู่สุขคติเถิด พ่อจึงหยุดหายใจด้วยความสงบท่ามกลางแม่และลูกหลานที่รักพ่อ     
ในฐานะที่ฉันเป็นพยาบาลและเป็นลูกของพ่อด้วย การดูแลพ่อที่มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังจนวาระสุดท้ายของชีวิตรวม 22 ปี ดังนี้
1.      ระยะเจ็บป่วยเรื้อรัง 
  • แนะนำการปฏิบัติตัว  ให้พ่อสามารถดูแลตนเองได้
  • รวมทั้งผู้ดูแลที่บ้านเกี่ยวกับ การปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การควบคุมอาหารเค็ม หวาน และไขมันสูง  งดสูบบุหรี่ รับประทานยาและฉีดยาเบาหวานด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
  • การวัดความดันโลหิตที่บ้าน
  • การเจาะเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด
  • การมาตรวจตามนัด และเป็นผู้ประสานระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ที่โรงพยาบาล
  • ในกรณีมีปัญหาระหว่างที่ยังไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้
  • การดูแลเมื่อมานอนรักษาในโรงพยาบาล 
  • เมื่อมีโรคแทรกซ้อนจากไตวายเรื้อรัง เป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจกับการรักษาโดยการล้างไต 
  • ต้องเป็นผู้ประสานระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ ให้ข้อมูลกับพ่อถึงผลดีในการรักษา
  • เป็นที่ปรึกษาให้ครอบครัวและจัดหาแหล่งประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยยอมรับการรักษาใหม่ แต่ต้องคำนึงถึงการตัดสินใจของผู้ป่วยด้วย 
 2.      ระยะสุดท้ายของชีวิต     
เมื่อพ่อตัดสินใจไม่รับการรักษาโดยการล้างไต 
ฉันในฐานะลูกที่เป็นพยาบาล  ต้องเตรียมดูแลทางด้านร่างกายให้พ่ออยู่อย่างไม่ทุกข์ทรมาน
  • โดยการแนะนำให้ควบคุมอาหารและน้ำ การรับประทานยา การมารักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ 
  • การดูแลที่บ้านโดยการฉีดยาตามแผนการรักษา 
  •  การประเมินผู้ป่วยเป็นระยะ  ตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต เช็ดตัวด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชูและทาโลชั่นให้      เพื่อลดอาการคันผิวหนัง
  • นวดบริเวณผิวหนังให้ เพื่อป้องกันแผลกดทับ
  • นวดขาเบาๆเพราะพ่อปวดขา
  • สวนอุจจาระถ้าท้องผูก
  • ประสานการดูแลระหว่างโรงพยาบาลกับผู้ป่วยที่บ้าน การดูแลด้านจิตใจทั้งของผู้ป่วยและผู้ดูแลที่บ้าน   
  • เตรียมพร้อมทั้งผู้ป่วยและญาติให้ยอมรับกับการสูญเสียที่กำลังจะมาถึง
  • ดูแลทางด้านจิตวิญญาณ นิมนต์พระมาเยี่ยมที่บ้าน
  •  เปิดเทปธรรมมะให้ฟัง 
  • ทำบุญต่ออายุ 
  • เปิดดนตรีบำบัดเบาๆให้ฟัง 
  • ในช่วงที่พ่อยังมีสติดี พ่อก็ได้เตรียมพร้อม โดยบอกลูกให้ทำหนังสือรวบรวมประวัติไว้และพ่อจะเขียนคำนำด้วยตนเอง
  • เขียนพินัยกรรม สั่งเสียแม่และลูกเรื่องการจัดงานศพ รวมทั้งอัดเทปคำอำลากับผู้ที่จะมาในงานศพของตนเอง
  • จัดพิธีขอขมา  ให้ลูกจัดหาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาพ่อโดยพ่อเป็นผู้กล่าวนำด้วยตนเอง
นอกจากนี้ลูกๆต้องเตรียมจัดงานถ้าพ่อเสียชีวิต
ในวันสุดท้ายของชีวิตพ่อ ฉันเตรียมความพร้อมแม่
โดยพาไปวัด ถวายอาหารเพล แม่บอกหลวงพ่อว่า แต่ก่อนจะสวดมนต์บทพาหุง  เพื่อให้พ่อมีชีวิตอยู่
แต่ตอนนี้พ่อทรมานเกินไป ทำอย่างไรหรือสวดมนต์บทไหนพ่อจึงจะไม่ทุกข์ทรมาน
หลวงพ่อบอกว่า   พ่อเป็นคนมีสมบัติมาก พ่อจะมีความเป็นห่วงกังวล ให้บอกพ่อว่าไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นพ่อจะได้สบายใจ
แม่เริ่มทำใจได้จึงไปเตรียมเอกสารของพ่อและจัดเตรียมสถานที่  เมื่อถึงวาระสุดท้ายของพ่อจริงแม่ก็ทำได้                 
 วาระสุดท้ายของชีวิตพ่อ  เป็นการปิดฉากชีวิตอย่างสวยงามและตายอย่างสมศักดิ์ศรีของคนๆหนึ่ง   ที่เกิดมาท่ามกลางภรรยาและลูกหลานที่รักใคร่ มีการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีทั้งตนเองและลูกหลานได้มีโอกาสเตรียมความพร้อมและสามารถทำอย่างที่พ่อสั่งไว้ทุกประการ  ขอให้พ่อไปสู่สุขคติเถิด 
บทระลึกถึงพ่อครบ 3 ปีแล้วที่พ่อของฉันจากไป  
ไม่ว่าพ่อจะอยู่ที่ใด..... ขอให้พ่อรู้ว่า.....ลูกๆ ยังคิดถึงพ่ออยู่เสมอค่ะ
พ่อคงไปอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าแล้ว และขอบอกพ่อว่า........ลูกๆดูแลแม่ให้พ่อเป็นอย่างดีค่ะ
หมายเลขบันทึก: 104437เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 06:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

19 มิถุนายน 2550

ฉันได้ไปเยี่ยมไข้หลวงพ่อยอด ที่เคยจัดงานให้พ่อที่โรงพยาบาล และนำนำปานะไปถวาย และบอกหลวงพ่อด้วยว่าเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่พ่อเสีย

หลวงพ่อก็ยิ้มๆ และบอกว่าพ่อไปสุขสบายแล้ว

อ่านแล้วค่ะ พ่อสม แฝงสีคำเป็นคนสุขุมรอบคอบมองการณ์ไกล

ขอบใจคุณอุบลที่เขียนบทความนี้มากนะคะ

3ปี ตั้งแต่พ่อจากไป เสียดายมาก เพราะยังมีหลายอย่างที่จะบอกพ่อ ก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งมาตายจากกัน หลังจากพวกพี่มาเยียม แค่ สองเดือนเท่านั้นเอง

พวกพี่มาตอนสงการณ์ พ่อจากพวกเราไป เมื่อ 19 มิ.ย 2004--2007

 

สวัสดีค่ะพี่เอ

พี่เอ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ

หลวงพ่อยอด  บอกว่าพ่อไปสุขสบายแล้ว ไม่ทรมาน

 

หนูได้อ่านเรื่องนี้ แล้วรู้สึกซาบซึ่งมากในฐานะที่ลูกคนนึ่งจะสามารถดูแลพ่อได้ในยามที่เจ็บป่วย หนูจะนำประสบการณ์นี้ไปดูแลพ่อของหนูบ้าง เพราะพ่อกำลังป่วย เป็นเบาหวานมา ประมาณ 3ปีแล้ว ตอนนี้หนูก็โทรศัพท์คุยกับพ่อและแม่ทุกวันและได้กลับทุกเดือนเพื่อดูแล และแนะนำเรื่องสุขภาพบ้าง

P

สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่านแล้ว เลยคิดถึงพ่อตัวเองเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณอุบล จ๋วงพานิช
ต้องขอบคุณที่นำมาเขียน
เพื่อระลึกถึงคุณพ่อนะครับ
และทำให้รู้วิธีการที่ทุกคน
ต้องเตรียมตัว เตรียมทำใจ
เตรียมงาน ซึ่งเป็นไปตามสัจธรรม
การมีสติจึงทำให้รู้ตัวเองอยู่เสมอว่า
การทำในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง ต้องทำตั้งแต่
เดี๋ยวนี้มิควรรอเมื่อสายแล้ว
ได้ความรู้ การดูแลผู้ป่วย การระวัง การรักษา
การเตรียมงาน ขอบคุณครับที่นำมามาบันทึกไป
ครบ 3 ปีที่มีคุณค่าครับ ถึงคุณพ่อจะจากไป
แต่ก็มีสิ่งที่ดีงามในบันทึกให้เราคนรุ่นลูก รุ่นหลาน
ได้ศึกษาเรียนรู้ครับ

สวัสดีค่ะคุณดุจดาว

พ่อแม่ เป็นผู้มีพระคุณ

ควรดูแลพ่อแม่ ขณะมีชีวิตอยู่  ให้มีความสุข

ดีกว่า  ไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล

สวัสดีค่ะsasinanda

คิดถึงพ่อเช่นเดียวกันค่ะ

มีคนบอกว่าให้รีบดูแลพ่อแม่  ก่อนที่จะไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล

สวัสดีค่ะคุณประเสริฐ

การดูแลพ่อ ในภาวะที่เจ็บป่วย จนถึงวาระสุดท้าย ทำให้ได้ข้อคิดหลายอย่างว่า

การเป็นพยาบาล ทำให้มีโอกาสดูแลพ่อ

ทำให้พ่อเตรียมความพร้อมในวาระสุดท้ายที่จะมาถึง

พ่อยอมรับการตายได้ โดยไม่กลัว

ในวาระสุดท้าย การเสียชีวิตที่บ้าน

เป็นการตายอย่างอบอุ่นจริงๆ

สวัสดีค่ะ

        แวะมาขอบคุณที่เข้าไปทักทายกัน และยินดีที่ได้รู้จัก...พยาบาลคนเก่งค่ะ  ขอเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ที่ทำอยู่  และเขียนเรื่องดีๆ บอกเล่ากันอีกนะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ sirintip

ยินดีที่รู้จักเช่นกันค่ะ

ชอบเขียนเรื่องเล่าค่ะ

รอติดตามกันและกันนะคะ

การเผยแพร่จิตวิญญาณในการดูแลคนป่วยของคุณอุบล เป็นกุศลอย่างยิ่ง เป็นบารมีทานที่คุณพ่อคุณอุบลจะต้องล่วงรู้และได้รับผลอย่างแน่นอน

 อนุโมทนาด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้อย่างยิ่งค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะคุณ Phonix

ยินดีค่ะ ถ้าสิ่งที่เขียนจะเป็นประโยชน์สำหรับเรียนรู้ได้

ก็ขอกุศลนี้ ไปถึงพ่อดิฉันให้ได้รับผลบุญนี้ด้วยเถิด

สวัสดีค่ะคุฯจินตนา

ยินดีที่เข้ามาเยี่ยมและอ่านค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะคุณสุทธิรัตน์

ขอบคุณค่ะ ที่ให้กำลังใจ

สวัสดีค่ะพี่เอ๋

วันนี้แก้วกับพี่นก ไปเยี่ยมแม่

แม่บอกว่าปุ้ยฝันถึงพ่อ ว่าพ่อยังเดินอยู่บนบ้าน

โป๊ะเลยบอกว่าฝันถึงพ่อเช่นกัน

แม่เลยบอกว่า ฝันถึงพ่อจะโชคดี จะรวยได้เงิน

แต่แก้ว ไม่เคยฝันถึงพ่อเลย ช่วงนี้

พ่ออาจจะไปเกิด แล้วก็ได้นะ หรือยังอยู่....?

Mama say, If you dreaming about your Papa,

Maybe you could win Lottery or get lucky.Who know's?

สวัสดีค่ะพี่เอ๋ 

ตอนนี้แก้วฝันว่า พ่อเดินมากับพระ จะเดินมาหาเรา

แต่เราตื่นซะก่อน

จะถูก lottery ไหมนี่

12 สค อ่านเรื่อง วันแม่

แม่..ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

แก้วพี่ถูกล้อตตารี่ 43 คราวน์ หมู่นี้ไม่ว่างเลย ฝันถึงทุกคนทางบ้านใผ่ พอตื่นขึ้นแทบจำไม่ได้เลยตัดสินใจกลับไปหลับตานอนใหม่จึงจำได้ ส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตตอนเด็กๆ

วันที่ 26 สิงหาคม เป็นวันเกิดพ่อ

เต่งกลับมาบ้านไผ่ และฝันถึงพ่อเหมือนกัน

แม่ แก้ว พี่นก เต่งและปุ้ย ไปทำบุญให้พ่อแล้วค่ะ

พี่เอ๋ ก้ลองทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อสิคะ

เผื่อจะสบายใจขึ้นค่ะ 

ก็ส่งเงินให้แม่ เขาก็เอาไปทำบุญเผื่อไปหาพ่อไง... ทำเกินฐานะตัวเอง (ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แล้วลูก ไม่มาไทยตั้งเกือบ 7 ปี..คิดไม๊)

จนตัวเองต้องยอมกินข้าว *กับแจ่วแห้งๆ* กินตั้งแต่จนเด็ก-ถึงดึกดำบัน

(เงินภาษีบ้านไงมาเก็บ ถ้าอยู่กะต๊อบจะมาเก็บ ไม๊ แล้วเวลาเราแก่ ทำมาหากินไม่ได้ จะเงินที่ใหนมาจ่าย กะว่าจะมานอนแก่ตายที่บ้านตัวเอง กว่าจะมีเงินมาซ่อมแซมบ้าน แทบใจขาดตาย ใครไม่รู้หรอก บ่นไปไม่มีใครเชื่อ เขานึกว่า สบายๆ ไม่อยากบ่น บ่นใครช่วยได้ นอกจาก กรรมใครกรรมมัน อย่าไปอิจฉาคนที่เกิด อยู่บนกลองเงินกลองทอง บางครั้งอดได้ไม๊ ใครก็อยากได้อยากดี..!!??

พ่อเขาไปสบายแล้ว พี่ไม่เคยให้พ่อ ลำบากใจ พี่สู้ของพี่เอง เขาก็ห่วง มาหาพี่ ทวงให้กลับบ้าน พอพี่ตามไปจริงๆ ขึ้นไปชั้นบน

พี่เดินตามหลัง พี่หันไปทางอื่น หันมาว่า จะพูดกับพ่อ เขาหายไปในฝูงคน เดินอยู่บนบ้าน นึกเสียใจนะไม่ได้มางานศพ

ถึงพี่กับพ่อไม่ได้ ใกล้ชิด กัน เท่ากับน้องๆคนอื่น แต่พี่ก็ดีใจที่น้องได้ดีมีงานทำ อย่างที่พ่อหวังไว้ เขาตายไป แล้ว แต่ความที่ห่วงแม่เขาก้วนเยี่ยมแม่และคนโน้นคนนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท