พระพุทธเจ้า 10 ชาติ


เอาไว้เป็นความรู้เพิ่มเติม ชาติที่ 3
ชาติที่ ๓ สุวรรณสาม
    เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้วยังมีหมู่บ้านพรานแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำทางใต้ของเมืองพาราณสี
หมู่บ้านพรานทั้งสองฝั่งแม่น้ำนั้น ต่างก็มีความสนิทสนมกลมเกลียวกันเสมอมาด้วยเพราะนายบ้านของสองหมู่บ้านนั้นต่างก็เป็นสหายสนิทที่เคยสัญญากันว่าหากมีลูกสาวลูกชายก็จะให้ลูกทั้งสองฝ่ายได้แต่งงานกันในวันข้างหน้า
ครั้นต่อมาภรรยาของนายบ้านทั้งสองฝั่งต่างก็คลอดลูกออกมาพร้อมๆ กัน บ้านหนึ่งนั้นคลอดลูกเป็นชายชื่อว่า ทุรกะอีกบ้านหนึ่งนั้นคลอดลูกเป็นหญิงให้ชื่อว่า ปาริกา
    
เด็กชายและเด็กหญิงของทั้งสองด้านนั้นมีความผิดแปลกแตกต่างไปจากผู้เป็นบิดามารดาของตนเป็นอันมาก เพราะครอบครัวของทั้งสองด้านและทั้งหมู่บ้านนั้นล้วนแต่ทำมาหากินเลี้ยงชีพด้วยการเป็นพรานออกเข้าป่าล่าสัตว์ต่างๆ เพื่อนำมาประทังชีวิต ในขณะที่เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองกลับมิปรารถนาในการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยเพราะมีจิตใจเมตตาอารีเป็นพิเศษ มักจะคอยช่วยกันห้ามปรามผู้ที่จะเอาชีวิตสัตว์ทั้งหลายอยู่เสมอ
    
ครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้นถึงวัยอันสมควรแก่การมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว หนุ่มสาวทั้งสองก็ต้องแต่งงานกันตามที่พ่อแม่แต่ละฝ่ายสัญญาไว้
    
แต่ทว่าทั้งสองนั้นแม้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันแต่ก็มิได้ประพฤติเยี่ยงสามีภรรยาทั่วไป ด้วยเพราะทั้งคู่ตกลงเข้าใจกันว่าเมื่อต่างมิได้มีจิตเสน่หาต่อกันเยี่ยงชายหญิงก็ขอให้อยู่ร่วมบ้านกันอย่างมิตรแต่เพียง เท่านั้น เถิด
    
ข้างฝ่ายชายนั้นแม้บิดาจะให้ร่ำเรียนวิชาธนูเพื่อเตรียมเป็นนายพรานต่อไป เขาก็มิยินดีในการร่ำเรียนวิชาธนูนั้น จนกระทั่งผู้เป็นบิดาโกรธที่ลูกชายยืนยันมิอยากจะเป็นนายพรานฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จึงได้
    
กล่าวเป็นเชิงขับไล่ให้เขาออกไปจากหมู่บ้านนี้เลย
    
ผู้เป็นลูกชายจึงกล่าวคำขออนุญาตบิดามารดาว่าตนจะขอออกบวช ซื่งฝ่ายหญิงนั้นก็มีจิตใจมุ่งมั่นที่จะออกบวชด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้ล่ำลาบิดามารดาของตนแล้วออกเดินทางเข้าป่าเพื่อหาที่สงบบำเพ็ญพรตเป็นนักบวชต่อไป
    
ในวันหนึ่งพระอินทร์ได้บังเกิดร้อนอาสน์จึงได้เล็งทิพยเนตรอันวิเศษตรวจตราดู ก็ได้รู้เห็นว่ามีหนุ่มสาวคู่หนึ่งตกระกำลำบากอยู่ในป่าด้วยจิตใจที่มีศรัทธามุ่งมั่นอยากจะเป็นนักบวช
    
พระอินทร์จึงมีรับสั่งให้พระวิษณุกรรมลงไปช่วย ซึ่งพระวิษณุกรรมก็ได้นิรมิตศาลาใหม่แห่งหนึ่งตั้งไว้กลางป่า ณ บริเวณที่ร่มรื่นและเงียบสงบ และได้เขียนหนังสือทิ้งไว้ที่หน้าศาลาว่าหากผู้ใดมีจิตมุ่งมั่นที่จะบำเพ็ญพรตจำศีลภาวนาก็ขอให้ใช้ประโยชน์ ณ ศาลานี้ต่อไปเถิด
    
หนุ่มสาวทั้งสองปีติยินดีนัก ที่พบศาลาอยู่กลางป่าจึงได้เข้าไปอาศัยอยู่ในศาลานั้น และตั้งมั่นบาเพ็ญพรตถือศีลภาวนาอย่างสงบสืบต่อไป
วันเวลาผ่านได้ไม่ช้าไม่นานนัก พระอินทร์ก็ทรงทราบด้วยญาณวิเศษว่า ต่อไปนักบวชชายหญิงทั้งสองจะต้องเสียตาด้วยเพราะกรรมเก่าตามมาทัน หากเป็นเช่นนั้นนักบวชชายหญิงทั้งสองจะต้องได้รับความลำบากยากเข็ญเป็นยิ่งนัก เพราะเมื่อไร้ตาแล้วจะหาอาหารและดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่สะดวกสบายเป็นแน่
    
พระอินทร์จึงเสด็จลงไปในป่า แล้วบอกเล่าชะตากรรมของทั้งสองให้นักบวชได้รู้ ทุรกะดาบส และปาริกาดาบสินี ต่างก็ยืนยันว่า ท่านอย่าห่วงเลย      เมื่อเรามุ่งมั่นสละชีวิตเพื่อบำเพ็ญพรตอยู่ในป่านี้แล้วก็มิเป็นห่วงกังวลหรอกว่าจะต้องเสียนัยน์ตาไปเรายังสามารถอยู่ในป่านี้ใด้
    
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่มิมีความทุกข์ร้อนในชะตากรรมของตนเช่นนั้น พระอินทร์จึงทรงแนะนำว่า
     “
เอาอย่างนี้เถิดทุรกะดาบส หากเมื่อถึงเวลาที่ภรรยาของท่านจะมีระดูในเดือนหน้านี้ขอให้ท่านจงเอามือลูบท้องภรรยาของท่านสามครั้ง จากนั้นปาริกาดาบสินีก็จะตั้งครรภ์ เพื่อที่จะได้มีลูกเอาไว้รับใช้ สืบต่อไป
    
ครั้นในเดือนต่อมาเมื่อนางปาริกามีระดู ทุรกะดาบสก็เอามือลูบท้องนางปาริกาสามครั้ง จากนั้น นางปาริกาก็ตั้งครรภ์อย่างอัศจรรย์ตามคำของพระอินทร์ทุกประการ
    
ครั้นเมื่อครบกำหนดในปลายปีนั้นนางปาริกาดาบสินีก็คลอดกุมารน้อยออกมาเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก และมีผิวพรรณสุกปลั่งดั่งทองคำ ทุรกะดาบสจึงตั้งชื่อกุมารน้อยว่าสุวรรณสาม
    
ในวันหนึ่งเป็นวันที่กรรมเก่าตามมาถึงดั่งที่พระอินทร์ทรงเคยเตือนไว้ ทุรกะดาบส และนางปาริกาดาบสินี ได้เข้าไปหลบฝนในพุ่มไม้แห่งหนึ่งขณะที่ออกไปหาอาหารมาให้ลูกน้อยกินตามปกติ
    
ในพุ่มไม้นั้น งูเห่าซ่อนอยู่ตัวหนึ่ง งูเห่าตัวนั้นได้พ่นพิษออกใส่ตาของคนทั้งสองจนกระทั่งนัยน์ตาของทุรกะ และนางปาริกามืดบอดลงไปในทันใด
    
เด็กน้อยสุวรรณสามผู้ชาญฉลาดนั้นรอคอยบิดามารดาจนเย็นย่ำก็นึกสังหรณ์ใจ จึงออกจากอาศรมเข้าไปตามหาบิดามารดาในป่า
    
ครั้นเมื่อเห็นบิดาและมารดาถูกพิษงูจนตาบอดเช่นนั้นก็กล่าวว่าอย่ากังวลเลยพ่อจ๋าแม่จ๋าต่อไปนี้ฉันจะได้เลี้ยงดูพ่อแม่สักที
    
หลังจากนั้นสุวรรณสามก็ปรนนิบัติรับใช้บิดามารดาอย่างดียิ่งทุกเช้าหลังจากตักน้ำไว้ให้พ่อแม่ได้ล้างหน้าแล้วก็จะเข้าป่าไปหาผักผลหมากรากไม้มาไว้ที่อาศรม จากนั้นก็เข้าป่าไปหาฟืนและกลับมาคอยเฝ้าปรนนิบัติภักดีบิดามารดาอย่างมิขาดตกบกพร่อง
    
ในเวลานั้นทางเมืองพาราณสีอยู่ในความปกครองของกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากบิลยักษ์
    
พระราชาแห่งพาราณสีนี้ทรงโปรดปรานการเข้าป่าล่าสัตว์อยู่เป็นนิจ
    
ในวันหนึ่งพระเจ้ากบิลยักษ์ได้เสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยกระบวนข้าราชบริพารคนสนิท และได้เสด็จมาถึงบริเวณลำธารน้อยแห่งหนึ่งกลางป่า
    
พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นรอยเท้าสัตว์ต่างๆ ในป่าอยู่ที่ริมลำธารเต็มไปหมด จึงรู้ได้ว่าบริเวณริมลำธารคงจะเป็นแหล่งที่มีสัตว์น้อยใหญ่ชุกชุมเป็นแน่ จึงได้ชวนข้าราชบริพารไปดักซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่
    
ลำธารนั้นเป็นลำธารที่สุวรรณสามมาตักน้ำเป็นประจำ และในวันนั้นสุวรรณสามก็มาถึงยังลำธารพร้อมสัตว์ต่างๆ มากมาย มีเนื้อและกวางเป็นอาทิ
    
บรรดาสัตว์ต่างๆ มีความคุ้นเคยดีกับสุวรรณสามจึงได้พากันมาแวดล้อมมากมายราวกับเป็นมิตรสนิทกัน
    
ขณะที่สุวรรณสามตักน้ำอยู่ในลำธารนั่นเอง พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นท่ามกลางความตกตะลึงในวินาทีนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นไฉนจึงมีรูปร่างสง่างามราวกับเทวดา เห็นทีจะไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่แท้ ที่มาอย่างไรดีจึงจะได้เข้าไปชมดูใกล้ๆ ให้รู้ว่าเป็นมนุษย์หรือเทพเป็นแน่
    
เมื่อดาริดังนั้นพระเจ้ากบิลยักษ์ก็โก่งคันศรขึ้นมุ่งหมายจะยิงเข้าใส่สุวรรณสาม ด้วยเพราะเกรงว่าถ้าพระองค์ได้ปรากฏตัวออกไปก็จะทำให้สุวรรณสามตกใจหนีไปเลย จึงได้คิดจะยิงเพียงให้ล้มลงเพื่อพระองค์จะได้เข้าไปชมดูใกล้ๆ ได้สะดวกแล้วในบัดนั้นเองลูกศรก็แล่นละลิ่วออกจากคันศรพุ่งเข้าปักใส่อกของสุวรรณสามทันที
สุวรรณสามสะท้านไปทั้งร่าง ค่อยๆ ลดหม้อน้ำลงจากบ่าทรุดลงนั่งพลางร้องถามออกไปว่า
    “
ผู้ใดเป็นคนยิงเราได้โปรดออกมาเถิด เราอยากจะทราบว่าท่านยิงเราด้วยต้องการอันใด หากยิงช้างก็คงต้องการงา หากล่าเสือก็ต้องการหนัง เมื่อยิงเราเช่นนี้มิทราบว่าต้องการอันใดหรือ
    
พระราชาแห่งพาราณสีอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผู้งามสง่าเรียกหาอย่างสุภาพอ่อนโยนเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ถูกยิงเข้าใส่กลับไม่มีทีท่าโกรธแค้นแต่อย่างใด
    
พระราชาจึงเสด็จออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนอยู่ พร้อมกับข้าราชบริพารเข้าไปหาสุวรรณสามพลางว่า
     “
เราเป็นคนยิงเจ้าเองพ่อหนุ่มเอ๋ย แต่แรกเรามิได้ตั้งใจหรอก เรามุ่งหมายจะยิงเนื้อ เมื่อเจ้าผ่านมาจึงทำให้เนื้อตกใจหนีไป เราจึงยิงพลาดมาถูกเจ้า
    
เมื่อพระราชาตรัสโป้ปดเช่นนั้น สุวรรณสามก็เอ่ยว่า
     “
ท่านอย่าโป้ปดเราเลย เนื้อนั้นจะแตกตื่นได้อย่างไร ก็ทั้งเนื้อ และกวางในป่านี้มิเคยกลัวเรามีแต่คุ้นเคยและเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งแต่เรายังเล็กยังน้อย เมื่อเราไปตักน้ำกวางและเนื้อต่างๆ ก็จะมาเล่นด้วย แล้วก็เดินกลับไปยังอาศรมพร้อมกับเราเสมอ ท่านยิงเราวันนี้เห็นทีเป็นการตั้งใจโดยแท้ ท่านประสงค์สิ่งใดขอให้บอกเราให้ได้รู้ด้วยเถิด
    
เมื่อฟังเช่นนั้นพระราชาทรงละอายยิ่งนัก และก็ตรัสถามออกไปว่า
     “
พ่อหนุ่มเอ๋ยไฉนเจ้าจึงอยู่ในป่าลึกเช่นนี้ เจ้าเป็นรุกขเทพเทวดาเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา อันตัวเรานี้เป็นพระราชาแห่งกรุงพาราณสีที่เข้าป่ามาในครั้งนี้เพื่อจะล่าสัตว์อันเป็นความโปรดปรานของเรา
    
สุวรรณสามจึงกราบทูลว่า
     “
ขอเดชะข้าแต่พระราชาผู้เป็นใหญ่ในพาราณสีหม่อมฉันนั้นเป็นบุตรของฤๅษีจำศีลบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าแห่งนี้มาเป็นเวลา๑๐ กว่าปีแล้ว หม่อมฉันมาตักน้ำที่ลำธารนี้ทุกวัน เพื่อจะเอาไปให้บิดามารดาได้อาบและได้กิน เมื่อได้มาพบพระราชาในที่นี้นับว่าเป็นบุญนัก หม่อนฉันขอให้พระองค์ทรงมีพระอายุยิ่งยืนยาวเถิด
    
พระราชาทั้งสลดหดหู่พระทัย และทั้งละอายพระทัยยิ่งนักทรงตรัสต่อไปว่า
     “
การที่เรายิงถูกเจ้าเช่นนี้ เจ้ามิโกรธเคืองเราสักนิดเลยหรือ
    
สุวรรณสามแม้จะเจ็บปวดพิษบาดแผลจากลูกศรที่ปักตรึงอยู่กลางอก แต่ก็พยายามกราบทูลอย่างนอบน้อมว่า
     “
หม่อมฉันไม่โกรธเคืองพระองค์หรอกพระเจ้าข้า การที่หม่อมฉันถูกยิงเช่นนี้ก็นับว่าป็นกรรมของหม่อมฉันโดยแท้ หม่อมฉันไม่เคยเป็นห่วงในชีวิตของตนเอง จะเป็นห่วงก็แต่บิดามารดาเท่านั้น ว่าท่านจะดำรงชีวิตสืบต่อไปได้อย่างไร ด้วยเพราะท่านทั้งสองนั้นตาบอดคงมิสามารถจะหาเลี้ยงชีพตามลำพังได้เป็นแน่พระเจ้ากบิลยักษ์ได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป ด้วยทั้งตกพระทัยและเสียพระทัยอย่างลึกซึ้ง ทรงได้แต่รำพึงอยู่ในพระทัยว่า
     “
เพราะความวู่วามเห็นแก่ได้ของเราแท้ๆ ที่ทำลายชีวิตคนผู้หนึ่งเช่นนี้ และยังกระทบกระเทือนไปถึงชีวิตคนอีกสองคน ซึ่งจะพลอยได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจไปตลอดชีวิตอีกด้วย
    “
พ่อหนุ่มเอ๋ยเจ้ามีชื่อเรียงเสียงใด
     “
หม่อมฉันชื่อ สุวรรณสามพระเจ้าข้า
     “
สุวรรณสามเราทำผิดที่ยิงเจ้าผู้ซึ่งเป็นลูกกตัญญูมีหน้าที่เลี้ยงดูบิดามารดาผู้มีนัยน์ตาเสียเช่นนั้น ขอให้เจ้าช่วยบอกทางแก่เราด้วยเถิดเราจะไปยังอาศรมของบิดามารดาพื่อที่จะรับหน้าที่ชุบเลี้ยงบิดามารดาแทนเจ้าสืบต่อไป
    
สุวรรณสามได้ฟังเช่นนั้นก็พลอยยิ้มออกมาได้จึงได้บอกทางไปยังอาศรมของบิดามารดาให้แก่พระราชาได้ทรงทราบ หลังจากนั้นสุวรรณสามก็สิ้นลมหายใจไปในที่สุด
    
ครั้นเมื่อพระเจ้ากบิลยักษ์เสด็จไปถึงยังอาศรมก็เข้าไปแจ้งแก่ทุรกะดาบส และนางปาริกาดาบสินีว่า พระองค์นั้นเป็นผู้ใด
    
บิดามารดาของสุวรรณสามแม้จะตามืดบอดมองไม่เห็น แต่ครั้นเมื่อรู้ว่ากษัตริย์เสด็จมาถึงอาศรมก็พากันก้มลงกราบถวายบังคมด้วยความเคารพ และปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้น
     “
ขอเดชะ พระราชาผู้เป็นสมมติเทพ ไฉนพระองค์จึงเสด็จลงมากลางป่าเช่นนี้ เราทั้งสองไม่มีสิ่งใดจะต้อนรับขอให้พระองค์เสวยผลไม้ในตะกร้านี้ด้วยเถิด ส่วนน้ำนั้นเจ้าสุวรรณสามลูกของหม่อมฉันกำลังไปตักมาจากลำธารอีกไม่ช้าใกล้จะกลับมาถึงแล้วพระเจ้าข้า
    
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นพระราชาถึงกับสลดหดหู่และสะเทือนพระทัยเป็นยิ่งนัก จึงได้บอกเล่าแก่ทุรกะและนางปาริกาว่า พระองค์ได้ยิงสุวรรณสามตายเสียแล้ว
    
ทุรกะดาบส และนางปาริกาดาบสินีได้ยินดังนั้นก็ตกใจเป็นยิ่งนัก ได้แต่ร่ำไห้ประหนึ่งว่าจิตแตกสลาย สุวรรณสามลูกของแม่เอ๋ย ไฉนลูกจึงอายุสั้นเช่นนี้ แม่อยากจะกอดลูกเป็นยิ่งนัก
    
ด้วยความเวทนาพระราชาจึงได้พาบิดาและมารดาของสุวรรณสามไปยังลำธารที่สุวรรณสามสิ้นชีวิตอยู่ ณ แห่งนั้น
    
ทุรกะดาบส และนางปาริกาดาบสินี ได้รีบเข้าไปกอดศพของสุวรรณสามลูกชายด้วยความรักใคร่ และอาลัยอาวรณ์ ทั้งสองนั้นต่างก็รู้ดีกว่าเนื้อตัวของสุวรรณสามยังมีความอุ่นอยู่จึงชวนกันตั้งสัตย์อธิฐานบนบานขอพรต่อเทพยดาอารักษ์บนบานต่อเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งปวงว่า
หากแม้นเทพยดาและเทพธิดาองค์ใดเคยได้เป็นบิดามารดาของสุวรรณสามลูกของเราในชาติปางก่อนหากสิงสถิตอยู่ ณ บริเวณป่าเขาเห่งนี้ ขอให้ช่วยดลบันดาลชุบชีวิตสุวรรณสามให้กลับคืนมามี
    
ชีวิตดังเดิมอีกครั้งด้วยเถิด อย่าเพิ่งให้สิ้นชีพจากไปในตอนนี้เลย
    
เมื่อสิ้นคำอธิษฐานแล้วก็มีลมแรงพัดกรูเกรียวทั่วทั้งป่านั้น บรรดาเทพธิดาและเทพยดาแห่งป่าเขาได้ดลบันดาลให้คำอธิฐานนั้นสัมฤทธิ์ผลในที่สุด
    
สุวรรณสามจึงฟื้นขึ้นมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่งท่ามกลางความปีติยินดีของบิดามารดาและพระเจ้ากบิลยักษ์
    
หลังจากสุวรรณสามได้พาบิดามารดากลับไปยังอาศรมแล้ว พระเจ้ากบิลยักษ์ก็เสด็จกลับสู่พระนครพร้อมกับตั้งมั่นในพระทัยว่าพระองค์จะหมั่นบำเพ็ญแต่บุญกุศลและเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนับแต่นี้
เป็นต้นไป
คำสำคัญ (Tags): #ชาติที่ 3
หมายเลขบันทึก: 104012เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2007 12:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท