เรื่องราวทางเศรษฐศาสตร์....ค้นหาได้ที่บ้านนี้

ท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ สามารถฝากคำถามไว้ได้ค่ะ

              สำหรับบันทึกนี้ได้ห่างหายไปค่อนข้างนานมาก   แต่ความจริงแล้วเศรษฐศาสตร์....ริมรั้ว ไม่ได้หายไปไหน  เพียงแต่ย้ายไปเขียนที่

http://learners.in.th/blog/Economics

               ท่านใดสนใจความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ก็สามารถเข้าไปค้นคว้าได้ค่ะ    เนื่องจากได้มีอีเมลจำนวนมากมาถึงและได้ถามเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐศาสตร์   ดิฉันจึงเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา   สำหรับผู้ที่มีความสงสัย    ให้ทิ้งคำถามไว้ได้ค่ะ   ดิฉันจะเข้ามาช่วยตอบ

               บันทึกนี้เปิดกว้างให้ทุกท่านเข้ามาช่วยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ค่ะ    เพราะดิฉันเองก็ยังขาดประสบการณ์ในหลายๆด้าน   คงต้องขอท่านผู้รู้เข้ามาช่วยแลกเปลี่ยนบ้างนะคะ

 

[JJ]

เรียน อ.ลูกหว้า ย้ายสำมะโนครัว มีบ้านหลังใหญ่กว่า คือ การเรียนรู้ หมู่ผู้เรียนหรือครับ

[อ.ลูกหว้า]

• สวัสดีค่ะ  ท่านอาจารย์ JJ
• ที่ learners.in.th  มีเด็กเยอะมากต้องดูแลค่ะ
• ฝึกให้เขาได้เขียนกัน  เลยต้องไปตรวจทุกวัน
• วันนี้มีประชุมที่คณะค่ะ   ผู้บริหารยังพูดถึงตอนที่หว้าไปดูงานที่มข. อยู่เลยค่ะ  ระลึกถึงอาจารย์เสมอค่ะ
• ที่นี่เพิ่งจะเริ่มขับเคลื่อนเรื่อง KM ค่ะอาจารย์

[อ.ลูกหว้า]

•  สิทธิบัตรยาแลกจีเอสพีเป็นอย่างไร

• ขณะนี้ข่าวที่กำลังติดตามอยู่คือ   จากกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ได้ปรับเปลี่ยนสถานะของไทย จากประเทศที่ต้องจับตา (Watch List หรือดับเบิลยูแอล) ไปอยู่ในหมวดประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (Priority Watch List หรือพีดับเบิลยูแอล) โดยอ้างว่าสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยว กับการปกป้องด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือ สิทธิบัตรยา (Compulsory Licensing หรือซีแอล)

            ในช่วงที่ผ่านมาหลายฝ่ายรับรู้กันว่าเป็นเพราะ  กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเลือกใช้มาตรการซีแอล ไม่คุ้มครองสิทธิบัตรยาในกลุ่มยาสำหรับการใช้รักษาโรคเอดส์    ซึ่งบริษัทผู้ผลิตยา รายใหญ่ของสหรัฐ เป็นผู้ถือสิทธินำเข้ามาจำหน่าย ในเมืองไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขของไทยอ้างว่า    ยาตามสิทธิบัตรคุ้มครองดังกล่าว มีราคาสูง     ดังนั้นจะใช้วิธีผลิตเองหรือนำเข้าจากประเทศอื่นแทนซึ่งนั่นทำให้ผู้ผลิตยาของสหรัฐเสียประโยชน์ และมีความเคลื่อนไหวในลักษณะของการให้ข้อมูลผ่านบริษัท  ล็อบบี้ยิสต์  จนท้ายที่สุดนำไปสู่การปรับสถานะของประเทศไทยโดยยูเอสทีอาร์ 

            แต่ต่อมาก็เริ่มมีการออกมาให้ข่าวว่าเป็นเพราะประเทศไทย ไม่สามารถเข้มงวดกวดขันกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งลิขสิทธิ์เพลง ภาพยนตร์ ซอฟต์แวร์ ฯลฯ   ขณะเดียวกันยังมี หากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ หรือกระทรวงสาธารณสุขของไทยยังเดินหน้าที่จะประกาศใช้ซีแอลกับตัวยาอื่นๆ เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้สหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือจีเอสพี (GSP) ที่สินค้าส่งออกของไทยเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐ ได้รับประโยชน์มาอย่างต่อเนื่องไม่ว่า จะเป็นอุตสาหกรรมอัญมณี เครื่องประดับ, อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

            ขณะนี้เป็นสิ่งซึ่งผู้บริหารประเทศจะต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียต่างๆ      ระหว่างการเดินหน้าใช้ซีแอลบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา      ตามเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข หรือจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อปกป้องสิทธิพิเศษทางภาษี  (จีเอสพี)      เพื่อประคับประคองอุตสาหกรรม ส่งออกต่อไป หรือจะหาแนวทางใหม่ ใช้กลยุทธ์ที่เด็ดขาดชัดเจนอย่างไร กับโจทย์ที่กำลังรอการตัดสินใจ อยู่ในขณะนี้   

•                                                                       

  หมายเหตุ : จีเอสพี(GSP)  คือสิทธิพิเศษทางภาษีที่ประเทศมหาอำนาจเลือกให้กับประเทศกำลังพัฒนา

[JJ]

เรียน อ.ลูกหว้า

• ช่วงนี้ JJ กลับบ้านเก่าแล้วครับ
• วันหน้ากำลังหาที่อยู่ใหม่อยู่ครับ
• แต่ KM เต็มไปในสายเลือดครับ ไปไหน ไหนก็ คิดถึงชาว G2K

[อ.ลูกหว้า]

•   อาจารย์ขา...
• ไอ้กลับบ้านเก่า ฟังแล้วมันแปลกๆจังค่ะ
• หว้าไม่ค่อยได้เข้ามาเลยตกข่าว
• อาจารย์ไม่ได้อยู่ม.ข.แล้วหรือคะ หรือว่าไม่ได้อยู่ที่ศูนย์บริการวิชาการ 
• แย่จัง  ไม่รู้เรื่องเลย...

[sarysao]

เรียน อ.ลูกหว้า  กระผมมีความสงสัยว่า ประเทศไทยตอนนี้ใช้ระบบเศรษฐศาสตร์ประเภทใดครับ

ขอบคุณครับ

[อ.ลูกหว้า]

• คุณ sarysao คะ...
• สำหรับคำถามเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน  วันนี้ก็มีอาจารย์ที่คณะได้พูดถึงเช่นกัน
• เวลาดิฉันสอนเกี่ยวกับเรื่องระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย  ดิฉันมองว่าประเทศไทยใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (  Mixed  Economic  System )  คือ รัฐบาลและเอกชน ต่างเป็นเจ้าของทรัพยากรการผลิต   แต่ต้องดูสัดส่วนว่าทรัพย์สินของรัฐที่มีอยู่ในองค์กรของรัฐต่างๆที่ทำให้ธุรกิจสินค้าที่เป็นทุน  มีสัดส่วนเป็นเท่าไหร่ของ GDP   เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนของเอกชน
• ในช่วงที่ผ่านมา สมัยนายกท่านก่อน        มีนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นระบบทุนนิยม   จะเห็นว่าในแต่ละวันก็พูดถึงแต่  GDP  เน้นการลงทุนขนาดใหญ่  สร้างหนี้สินให้กับทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
• เน้นแต่ให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบเร่งรีบ
• แต่ในรัฐบาลชุดนี้  เน้นนโยบายเศรษฐกิจแบบพอเพียง  คือเป็นการนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เป็นนโยบายเศรษฐกิจของประเทศค่ะ   กล่าวคือ การดำเนินธุรกิจก็เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป    สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจของตน  ไม่เป็นหนี้สินจนล้นพ้นตัว
• มีนักศึกษาคนหนึ่งตอบอาจารย์ว่า  ขณะนี้ประเทศไทยใช้ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง  เพราะเขาได้ยินเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอยู่บ่อยครั้ง   แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงการนำมาเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจเท่านั้นค่ะ  อันนี้เป็นมุมมองของหว้านะคะ

[แผ่นดิน]

• สวัสดีครับ
• แวะมารายงานตัว 
• เป็นกำลังใจให้เสมอ
• ติดตามความเคลื่อนไหวไม่จากจาง
• แต่แพ้ทางเศรษฐศาสตร์เหลือเกิน
• ...
• รักษาสุขภาพนะครับ

[อ.ลูกหว้า]

•   คุณพนัส.
• คิดถึงค่ะ ไม่ได้คุยกันเลย
• เมื่อแพ้ทางเศรษฐศาสตร์
• งั้นไว้หว้าไปเขียนบล็อกเกี่ยวกับกิจกรรมนักศึกษาดีกว่า  ตามไปนะคะ
• แว่วๆมาว่ามีโครงการแปลกๆเยอะเลย
• หว้าไม่ได้อยู่ทีมกิจการนักศึกษา  แต่สนิทกับรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา   คงต้องเข้าไปช่วยอีกตามเคยค่ะ

[sarysao]

ขอบคุณ อ.ลูกหว้ามากๆนะครับ ผมได้ความรู้มาอีกอย่างหนึ่งแล้วครับ

ขอให้อาจารย์ลูกหว้ามีความสุขมากๆนะครับ

กระผมมีธรรมะให้อาจารย์ลองอ่านดูนะแล้วอาจารย์คิดอย่างบ้างครับ

เครียดกันจัง....ฟังธรรมะกันดีกว่า

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่โง่ เเต่ถ้าฟังโปเตโต้ถึงมีรักเเท้เเต่ก็ดูเเลไม่ได้
+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ตาใส่เเจ่ม เเต่ถ้าฟังบอดี้เเสลม มักจะโทษว่าความรักทำให้คนตาบอด

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เพ้อเจ้อ เเต่ถ้าฟังพีชเมกเกอร์จะละเมอถึงเเต่เรื่องบนเตียง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ปากเราติดดิสเบรก เเต่ถ้าฟังเบิร์ด-เสกถึงอมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจเราไม่ชอกช้ำ เเต่ถ้าฟังไอน้ำ จะชอกช้ำเพราะรักคนมีเจ้าของ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เหงาหงอย เเต่ถ้าฟังเสนาหอย จะเเอบเหงาคนเดียว

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่งมงายในความเชื่อเเละศรัทธา เเต่ถ้าฟังทาทามักจะพูดว่า ไอ บีลีฟๆ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้รักกันอย่างไม่ต้องนอนละเมอ เเต่ถ้าฟังไฮเปอร์มักจะเจอรักแท้ในคืนหลอกลวง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจไม่เน่าเสีย เเต่ถ้าฟังนัท มีเรีย มักจะโทษว่ารักไม่ช่วยอะไร

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้รักกันจนสิ้นชีวิน เเต่ถ้าฟังเอนโดรฟินเเล้วจะบอกว่า ถ้าเขามาฉันจะไป

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราไม่คุยโม้ เเต่ถ้าฟังโปเตโต้ จะถูกต่อว่าปากดีนะเรา

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เรามีสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน เต่ถ้าฟังน้องพั้นซ์เพียงเเค่วางมือบนบ่า น้ำตาก็ไหล่

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราเจอคนดีเสมอ เเต่ถ้าฟังไฮเปอร์มักจะเจอผู้ร้ายคนใหม่

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เราเข้าใจกัน เเต่ถ้าฟังน้องพั้นซ์ บอกได้คำเดียวว่ายิ่งกว่าเสียใจ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้เรารักกันยิ่งกว่าชีวิน เเต่ถ้าฟังเอนโดรฟิน จะเป็นได้เเค่เพื่อนสนิท

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้จิตใจใสเเจ่ม เเต่ถ้าฟังว่าน วงเเพลม จะตัดพ้อต่อว่าไม่บอกให้รู้สักเรื่องได้ไหม

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เเรด เเต่ถ้าฟังบิ๊กเเอส มักจะเล่นของสูง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่หยิ่งยะโส เเต่ถ้าฟังติ๊ก ชีโร่ จะโอหังว่ารักไม่ยอมเปลี่ยนเเปลง

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้จิตใจเปล่งปลั่ง เเต่ถ้าฟังอาหรั่ง จะคุ้มคลั่งว่า ทำบ้า....ทำบ้าอะไร

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ดีที่ใจมิใช่เพียงเเค่หน้าตา เเต่ถ้าฟังปนัดดา ก็จะรู้เพียงว่า ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ใจไม่สั่นคลอน เเต่ถ้าฟังสุนทราภรณ์แล้วเธอจะรู้สึก!!

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้ไม่เปลืองเเรง เเต่ถ้าฟังพรศักดิ์ ส่องเเสงจะเปลืองเเรง เพราะมีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คใครโทรมา

+ ฟังธรรมะเเล้วจะทำให้สอบผ่านทุกๆ ปี เเต่ถ้าฟังเเอน สุชาวดี มักจะติดร.วิชาลืม

[อ.ลูกหว้า]

• คุณ  sarysao
• ขอบคุณมากค่ะ  เหมือนจะเคยอ่านเหมือนกัน
• แต่ถ้าจะให้คนอ่านหายเครียด  ก็จะต้องทันสมัยเรื่องเพลงสักหน่อยค่ะ
• แต่ถ้าเป็นรุ่น..ก่อนๆพี่ไปหน่อย  อาจจะงงๆว่าอะไรกันหว่า..
• มีอะไรสงสัยก็เข้ามาถามได้ค่ะ   ถามทิ้งๆไว้ แล้วจะเข้ามาตอบให้ค่ะ

[อ.ลูกหว้า]

 

	จากคำถามของคุณ sarysao วันนี้ได้คุยกับเพื่อนอาจารย์ชื่ออ. สิขรินทร์ คงสง โดยคุยถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยกันค่ะ    โดยอาจารย์มองว่าระบบเศรษฐกิจของไทยที่เราได้เรียนกันมานั้น  บอกได้ว่าเป็นระบบเศรษฐกิจแบบผสม  เป็นแบบหลักการค่ะ แต่ในความเป็นจริงอาจารย์มองว่าประเทศไทยนั้นเน้นระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย เป็นแรงกระตุ้น โดยให้ทุกคนแสดงสิ่งพึงปรารถนาในใจออกมาได้อย่างเต็มที่ แล้วสังคมส่วนรวมจะได้รับผลประโยชน์ ใช้กลไกราคาเป็นเครื่องชี้วัด และรัฐบาลเข้าแทรกแซงได้บ้าง (ปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเสรีมากที่สุด) เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปผลิตสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค (เศรษฐกิจขยายตัว) ไม่มีที่สิ้นสุด โลกจึงตกอยู่ในกระแสของการช่วยกันกินช่วยกันใช้อย่างฟุ่มเฟ้อฟุ่มเฟือย (กินดีอยู่ดี) แต่ที่หลายคนได้ยินว่ารัฐบาลนี้เน้นนโยบายเศรษฐกิจแบบพอเพียง   ความจริงเป็นเพียงการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางเท่านั้น ที่คุยกันมองว่าความจริงทุนนิยมกับเศรษฐกิจพอเพียงก็มีเป้าหมายเดียวกันค่ะ   แต่อย่างเช่น คนที่ทำธุรกิจที่เน้นทุนนิยม  ถ้าต้องการรวยเร็วก็อาจขอสินเชื่อ  ขยายกิจการ   หว้ามองว่าเหมือนเดินเส้นทางลัด  เร่งที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนธุรกิจที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามา  จะดำเนินธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป  ไม่ทำอะไรเกินตัว  ไม่กู้หนี้ยืมสินจนเกินกำลังตัวเอง เอ..แล้วต่างกันตรงไหนหล่ะ  ก็อยู่ตรงระหว่างการดำเนินกิจการนั่นแหล่ะ  ถ้าเน้นทุนนิยมมากเกินไป   บางรายก็อาจจะรวยเลย   ส่วนบางรายก็อาจจะเจ๊งไปเลย  อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกละกันค่ะ

 

[อ.ลูกหว้า]

·       (มุมมองแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 เป็นอย่างไร) ·         ·       ขอขายความคิดของเพื่อนอาจารย์ท่านเดิม(อ.สิขรินทร์ คงสง) นะคะ  รัฐบาลมีการบ้านที่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างเร่งด่วน ว่าจะปรับเปลี่ยนนโยบาย และยุทธศาสตร์ทางการค้าไปในรูปแบบใด เพราะตลาดที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ (ตลาดล่าง) กำลังโดนสั่นคลอนจากประเทศเกิดใหม่ (คู่แข่ง) ที่ตามไล่จี้แบบหายใจรดต้นคอ ครั้นจะขยับฐานะตนให้สูงขึ้น ก็ไม่มีความพร้อม   ·       ด้วยเหตุผลสำคัญ คือ ไม่สามารถผสมผสานการใช้ฐานความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ กับการจัดการและบริหารองค์กร ได้อย่างลงตัว (เพื่อผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทั้งการลดต้นทุนการผลิต และการพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้สามารถแข่งขันในตลาดบน ไปพร้อมๆ กับการรักษาตลาดเดิมอาไว้ให้ได้มากที่สุด) อันเป็นลู่ทางการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ และสร้างรายได้เพิ่มสูงขึ้น   ·       ปัญหา และอุปสรรคที่กล่าวมาข้างต้น จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถ้าสถาบันการศึกษากับหน่วยงานของรัฐและเอกชนประสานความร่วมมือกัน ฝึกฝนและเพิ่มพูนทักษะแรงงานมีฝีมือ (ระดับมาตรฐานสากล) ให้มีจำนวนมากพอที่จะแข่งขันกับนานาประเทศ            ·       การปฏิรูปการศึกษา ควรทำความกระจ่างแจ้งในภาคทฤษฎี (หยิบยืนตำราคนอื่นมาใช้) ให้มีความแตกฉานเสียก่อน ที่จะนำมาประยุกต์ในการเรียนการสอนและนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม (ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน) ด้วยการจำลองชั้นเรียนให้เสมือนเป็นห้องปฏิบัติงานจริง (ผู้ประกอบการต้องการแรงงานแบบไหน สถาบันการศึกษาก็ผลิตแรงงานแบบนั้น)         ·       การเจริญรอยตามอารยประเทศ เป็นเรื่องยากที่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายจะประสบความสำเร็จ เพราะพื้นฐานขององค์ความรู้ สังคม วัฒนธรรม การเมืองการปกครอง สภาพภูมิประเทศ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ล้วนแตกต่างกัน   ·       ฉะนั้นการค้นหาเอกลักษณ์หรือรูปแบบเฉพาะตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด

 

[อ.ลูกหว้า]

• มีคำถามเมลมาจาก.....คุณ  อรุณ บัวพัฒน์ว่า..... อาจารย์ครับผมอยากจะขอคำปรึกษาครับ เรื่อง การคำนวณค่าเสียโอกาส คือ 
• -  มีเงิน 100,000  บาท เอาไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยปีละ 2000  บาท  
• -  เอาไปปล่อยเงินกู้กำไรปีละ 5000 บาท    
• -  เอาไปลงทุนทำการเกษตรได้กำไรปีละ 10000 บาท              
•  ถ้าเกิดเลือกอย่างที่สองจะเสียค่าเสียโอกาสไปเท่าไร ถ้าให้มองจากรายได้ที่ได้รับ  จะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเท่ากับ    10000  บาทค่ะ    ดูดังนี้ค่ะ 
• -  มีเงิน 100,000  บาท เอาไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยปีละ 2000  บาท   มีต้นทุนค่าเสียโอกาส 10000 บาท
•  -  เอาไปปล่อยเงินกู้กำไรปีละ 5000 บาท     มีต้นทุนค่าเสียโอกาส           10000 บาท
•  -  เอาไปลงทุนทำการเกษตรได้กำไรปีละ 10000 บาท   มีต้นทุนค่าเสียโอกาส  5000  บาท 
• เพราะเราจะมองจากโอกาสที่จะได้รายได้สูงสุด  แต่เรากลับสละทิ้งไปโดยไม่ได้เลือกค่ะ 
• ทีนี้ถ้ามองแบบเศรษฐศาสตร์แล้วเราควรเลือกทางเลือกที่ 3  เพราะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสต่ำที่สุดค่ะ     เป็นการมองที่เห็นได้ง่ายที่สุดค่ะ  คือมองจากรายได้         
• แต่ถ้าเรามองโดยมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง   ที่อาจจะไม่ใช่ตัวเงิน   ซึ่งตรงนี้ต้องมองจากตัวเราเองค่ะว่านอกจากรายได้แล้ว  เรามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเราค่ะ
• สมมติเล่นๆนะคะ ปกติในตำราเขาก็มักมองแค่รายได้เป็นหลักค่ะ    แต่ลองมองด้านอื่นดูบ้างยกตัวอย่างเช่น
•  -  ประโยชน์ที่จะเกิดต่อคนรอบข้าง
• -  ความสุขใจ/ความพอใจ
• -  ความมั่นคง / ความแน่นอนของรายได้
• -  ความปลอดภัย
• -  เสียงสนับสนุนจากคนรอบข้าง   ฯลฯ       
• จากนั้นลองนำมาถ่วงน้ำหนักดูค่ะ   คิดง่ายๆ  จากแต่ละหัวข้อ ให้ถ่วงน้ำหนักหรือให้คะแนนกับทางเลือกที่ 1 ,2 และ3   ตัวเลขก็ไม่ต้องมากค่ะ  ให้คะแนนที่  3,2,1 เรียงตามลำดับค่ะ      
•   จากนั้นลองนำคะแนนมารวมกัน  แยกตามทางเลือกแต่ละทางเลือกค่ะ      สุดท้ายเราจะเลือกทางเลือกที่มีต้นทุนค่าเสียโอกาสต่ำสุดค่ะ         ลองคิดเล่นๆดูนะคะ....จะทำให้การตัดสินใจของเรามีเหตุมีผลมากยิ่งขึ้นเลยค่ะ
• อ.ลูกหว้า....  

[ต้อม]

อยากทราบสูตรการคำนวณหาต้นทุนค่าเสียโอกาส

ที่เป็นสูตรเฉพาะ

[อ.ลูกหว้า]

• คุณต้อมคะ...
• สูตรคำนวณหาต้นทุนค่าเสียโอกาสที่เป็นสูตรเฉพาะ  ดิฉันก็ไม่เคยเรียนเหมือนกันค่ะ
• ปกติก็สอนแค่ธรรมดาและการนำไปประยุกต์ใช้เท่านั้นค่ะ

[นาย]

ต้องทำรายงาน จะหาข้อมูลว่าผู้ประกอบการ (รวม SME)ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า รวม OEM แต่ละแห่งมีจำนวนแรงงานกี่คน ขอข้อมูลได้ที่ไหนครับ ติดต่อหลายแห่งคำตอบคือไม่มี ขอบตุณครับ

[Wasawat Deemarn]

แอบแวะมาเยี่ยมบันทึกวิชาการ ครับ :)

[อนงค์ ทองรักจันทร์]

แวะมาทักทายและบอกว่าคิดถึงคะ

[สิวะพร]

อยากทราบสูตรการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้

[นราทิพย์]

หนูอยากทราบว่า...เศรษฐกิจอขงไทยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร