Chapter 1 เราจะเริ่มอย่างไร


ประเทศไทยยังขาดขบวนการพัฒนาบุคลากรที่ดีพอ

จากประสบการณ์อันน้อยนิดที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งสำคัญ การติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ความเจริญก้าวหน้าของประเทศขึ้นอยู่กับความพร้อมทางเทคโนโลยี ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศครั้งนี้ ผมมองว่าอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของคนไทย แม้แต่เด็กตัวเล็กตัวน้อยยังหัดเรียนรู้และเล่นอินเทอร์เน็ต อีกทั้งตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2547 รัฐบาลก็ได้เข้ามามีส่วนสนับสนุนการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP หลายรายต้องปรับโครงสร้างราคาและรูปแบบการให้บริการชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อตอบรับนโยบายของรัฐบาลในครั้งนี้ และนี่แหละครับโอกาสของผม ผมมองเห็นความต้องการในการเชื่อมต่อสู่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผมมองเห็นช่องทางทางธุรกิจซึ่งมีส่วนในการพัฒนาประเทศชาติและกระเป๋าตังค์ของตัวเอง และตรงนั้นเองที่ผมคิดถึงธุรกิจการจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่าย (ลองนึกถึงภาพ modem router ADSL ตอนนี้คนยังไม่คอยรู้จักกันนะครับ) มาถึงจุดนี้เพื่อนบางคนหัวเราะและถามผมว่า ถ้าจะเปิดร้านขายของแล้วทำไมต้องเรียนต่อ MBA ด้วย คำตอบของผมคือคำถามที่ว่า “แล้วร้านโชว์ห่วยกับซูปเปอร์สโตร์อย่างเทสโก้ โลตัส ต่างกันอย่างไร” การจัดการ การตลาด การเงิน การใช้สารสนเทศ และการบริหารที่เป็นระบบทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง ร้าน Hardware House ที่เปิดเป็นสิบๆ สาขา เขาทำได้อย่างไร แค่ฟลุ๊คหรือ? ผมเชื่อว่าความรู้ที่ได้เรียนมาจะต้องมีประโยชน์ต่อการทำงานของผมแน่ และนี่แหละครับจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของผม

จากห้องเรียนการตลาด สิ่งที่ผมจำได้เกี่ยวกับกลยุทธคือ การรู้ว่าเราจะเริ่มจากไหน และเป้าหมายคืออะไร เมื่อมองดูตัวผมเอง ผมกำลังจะเริ่มจากศูนย์ในธุรกิจนี้ เพราะถึงแม้ผมจะมีความรู้เชิงเทคนิคเกี่ยวกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่ผมไม่มีเครือข่ายทางธุรกิจในตลาดนี้เลย ผมรู้ว่า Cisco, Inc. คือผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายรายใหญ่ของโลก แต่ผมไม่รู้จักใครเลยในบริษัทซิสโก้ประเทศไทย (ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีหรือเปล่า) นั่นก็คือหากจะเอาหลักของ Marketing Mix 4P มาอธิบาย P ตัวแรก Product ผมยังไม่มีในมือ ผมรู้เพียงแต่ชื่อผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในอเมริกา P ตัวถัดมาหรือ Price ก็คงไม่สามารถกำหนดได้ ส่วน P ตัวที่สาม Place ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจการค้า อย่างที่ผู้รู้หลายท่านกล่าวว่าการค้าจะประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับทำเล, ทำเล และทำเล ผมก็มีแค่เพียงตัวเลือกอยู่ในใจ ยังไม่ได้ติดต่ออย่างเป็นทางการ P ตัวสุดท้าย Promotion ก็คงต้องขึ้นกับทรัพยากรต่างๆ ที่ผมจะมีในอนาคต สรุปก็คือ ผมไม่มี 4P ในมือเลย แล้วผมจะเริ่มลุยต่อไปอย่างไรดีหละ

การเป็นผู้ประกอบการค้ารายย่อยสิ่งสำคัญอยู่ที่ความตั้งใจจริง และการประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้อง ผมต้องการมี Product ในมือก่อน ขณะนี้ผมไม่สามารถสร้างมันได้เอง ดังนั้นผมต้องติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทใหญ่ก่อน เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ผมต้องทำก็คือ การสร้างรูปแบบและภาพลักษณ์ของบริษัท ถ้าด้วย Profile ของผมเอง ผมเชื่อว่าคงจะไม่ยากนักที่จะหางานทำในบริษัทใหญ่ แต่นั้นเป็นคนละเรื่องกับการเข้าไปติดต่อขอ Product มาขาย ผมคาดว่าสิ่งที่ผู้ผลิตอุปกรณ์ (Supplier) ต้องการจากผู้ซึ่งไปติดต่อเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ของตนคือความน่าเชื่อถือ อย่างเช่น นาย ก คงไม่สามารถเข้าถึงฝ่ายขายของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ แต่ในทางตรงกันข้ามตัวแทนจากบริษัทจดทะเบียนของนาย ก อาจจะสามารถติดต่อขอเข้าพบหัวหน้าฝ่ายของบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นได้ เพราะฉะนั้นผมต้องจดทะเบียนบริษัทก่อน และแน่นอนที่ทำการแรกก็คือบ้านของผมเอง

ด้วยความคุ้นเคยกับไอที ผมจึงลองดำเนินการจดทะเบียนผ่านบริการทางอินเทอร์เน็ตของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่เว็บไซต์ http://www.dbd.go.th ซึ่งพบว่าการจองชื่อนิติบุคคลเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมาก แต่ตรงกันข้ามเลยกับการจดทะเบียนนิติบุคคล ขณะที่ผมใช้เวลาหนึ่งวันในการจองชื่อ ผมกลับต้องใช้เวลาร่วมอาทิตย์ในการลงบันทึกบริคณห์สนธิผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพราะนายทะเบียนจะใช้เวลาหนึ่งวันในการตรวจสอบแบบฟอร์มหลังจากผู้ขอกดปุ่มส่งให้นายทะเบียน และถ้ามีข้อผิดพลาดผู้ขอก็ต้องกลับมาแก้ไขเพิ่มเติมแล้วส่งให้นายทะเบียนอีกครั้งใช้เวลาอีกวัน วนอยู่อย่างนั้นจนกว่านายทะเบียนจะพอใจ จึงเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างใช้เวลาทีเดียว จากนั้นหลังผ่านขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มก็ถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน ผมตัดสินใจที่จะไปชำระเงินที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสาขาย่อยใกล้บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการส่งแบบฟอร์มผ่านทางไปรษณีย์ โดยมีขั้นตอนอยู่ว่า ผมต้องพิมพ์ฟอร์มที่นายทะเบียนอนุมัติแล้วไปยื่น แต่นี่เองทำให้ผมได้รับรู้ขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซากซับซ้อนและทัศนคติของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเกี่ยวกับระบบใหม่นี้

สิ่งที่ผมได้สัมผัสจากการไปใช้บริการของรัฐ (ในตอนนั้น) ก็คือ เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการไม่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับตัวระบบ อีกทั้งตัวระบบเองก็ยังไม่พร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่ ผมเสียเวลาไปทั้งวันกับการรอเจ้าหน้าที่คลิ๊กปุ่มสักปุ่มเพื่อโหลดข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตที่ช้ามากเพื่ออ่านเทียบกับฟอร์มที่ผมพิมพ์มาให้! ประเทศไทยยังขาดขบวนการพัฒนาบุคลากรที่ดีพอ ในระดับกระทรวงอาจจะมีนโยบายและเจตนาที่ดีที่จะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ แต่การพัฒนาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวโดยขาดการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปฏิบัติย่อมไม่อาจทำให้งานนั้นสำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าประสงค์ที่หวังไว้ ใช่ไหมครับ! เอาหละ ถึงตรงนี้ผมก็ได้ผ่านขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็ถึงเวลาซะทีที่จะได้เริ่มต้นทำสิ่งที่เรียกว่า ธุรกิจ ครับ

หมายเลขบันทึก: 102715เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2007 10:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • มารออ่านตอน สอง ค่ะ
  • ท่าทางคงจะได้เรียนรู้อะไรมาขึ้นจากบันทึกของคุณ TheInk   นะค่ะ
  • นำประสบการณ์มาแบ่งปันกันอีกนะค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท