ชีวิตแสนงาม เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องงาน


ท่านจำได้หรือไม่ว่า ได้อ่านหนังสือดี ๆ เข้าคอร์สอบรมอะไรบ้าง หรือได้อ่านบทความประเภทคมลึก มีแง่คิดทั้งด้านวิชาการและปรัชญา หรือกระทั่งการผ่อนคลาย คลายเครียด ด้วยการดูหนัง ละคร (แล้วย้อนดูตัว) เข้าสปา ไปเที่ยวพักผ่อน ทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นการลับขวานภายในตัวเราเอง เพื่อเรียกคืนพลังของการมีชีวิตอยู่ดี

               เรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ หรือ นิทานปรัมปรา ล้วนแฝงคติเตือนใจ เนียนอยู่ในเนื้อเรื่องเสมอ

               เช่นเรื่องของคนตัดไม้ (สมัยนี้ถ้าจะเขียนขึ้นใหม่ คงเป็นเรื่องของคนควบคุมเลื่อยไม้ หรือ เครื่องจักรเลื่อยไม้มากกว่า) ที่ให้คติเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน เรื่องมีอยู่ว่า

             มีคนตัดไม้ที่เก่งมากคนหนึ่ง ทำงานกับพ่อค้าไม้  เนื่องจากพ่อค้าไม้จ่ายผลตอบแทนและให้สภาพการทำงานที่ดีให้แก่เขา  ดังนั้น คนตัดไม้จึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำงานของเขาให้ดีที่สุด
 
             พ่อค้าไม้ได้ให้ขวาน และบอกให้เขาไปตัดไม้ในพื้นที่ที่กำหนดให้  เขาพบว่า ในวันแรกเขาสามารถตัดไม้ได้มากถึง 18 ต้น  พ่อค้าไม้ประทับใจในตัวเขามาก และกล่าวชมเขา “ดีมาก ทำงานให้ดีต่อไปนะ”  จากการที่

             เขาได้รับกำลังใจที่ดีจากพ่อค้าไม้  เขาจึงตั้งใจที่จะทำงานหนักขึ้น

             แต่ปรากฎว่า ในวันต่อมาเขากลับตัดไม้ได้เพียง 15 ต้นเท่านั้น   และในวันที่สาม เขาเพียรพยายามมากขึ้นไปอีก  แต่กลับตัดไม้ได้เพียง 10 ต้นเท่านั้น

             แต่ละวันผ่านไป เขากลับตัดไม้ได้น้อยลงทุกที ๆ

             คำถามคือ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  ในเมื่อมีความตั้งใจที่จะทำงานได้มาก  แต่กลับได้เนื้องานที่น้อยลง

             คนตัดไม้รำพึงกับตนเองว่า ความแข็งแรงของเขาคงลดน้อยถอยลงเสียแล้ว  เขาจึงไปหาพ่อค้าไม้เพื่อขอโทษ  เขาปรารภกับพ่อค้าไม้ว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผลลัพธ์มันจึงเป็นเช่นนี้

             พ่อค้าไม้จึงถามเขาว่า  “ เธอได้ลับขวานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

             “ลับขวานเหรอ?  ผมไม่มีเวลาที่จะลับขวานของผมเลย ผมยุ่งอยู่แต่การตัดต้นไม้”  คนตัดไม้ตอบ

....ข้อคิดของเรื่องนี้....

            ชีวิตของพวกเราก็เช่นกัน บางครั้งเรามุแต่จะทำให้ได้ตามผลที่ตั้งใจไว้ จนเผลอไผลไม่มีเวลาจะลับขวานภายในของเราให้คมอยู่เสมอ

            ในโลกทุกวันนี้ดูเหมือนทุกคนจะยุ่งมากขึ้นแต่กลับมีความสุขน้อยลงกว่าเคย  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

             เป็นไปได้หรือเปล่าที่ว่า พวกเราลืมที่จะมีชีวิตอยู่อย่างชาญฉลาดที่จะลับชีวิตของเราให้คม   ไม่ผิดที่เราจะทำงานหนัก แต่เราไม่ควรวุ่นวายจนละเลยสิ่งที่สำคัญในชีวิต เช่น ชีวิตส่วนตัว การเอาใจใส่ผู้อื่น การให้เวลากับการอ่านหนังสือ และอื่นๆ

             เราทุกคนต้องการเวลาที่จะผ่อนคลาย ที่จะคิด ที่จะสร้างสมาธิ และที่จะได้เรียนรู้และเติบโต

             ถ้าเราไม่ยอมใช้เวลาที่จะลับคมให้แก่ชีวิตของเรา เราจะกลายเป็นผู้ที่โง่เขลาและสูญเสียซึ่งประสิทธิผลและศักยภาพของเรา   เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องรักษาและพัฒนาศักยภาพของตน เพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะรับประกันความสำเร็จ และความเป็นที่ต้องการในอาชีพของตัวเรา

             ท่านจำได้หรือไม่ว่า ได้อ่านหนังสือดี ๆ  เข้าคอร์สอบรมอะไรบ้าง  หรือได้อ่านบทความประเภทคมลึก  มีแง่คิดทั้งด้านวิชาการและปรัชญา  หรือกระทั่งการผ่อนคลาย คลายเครียด ด้วยการดูหนัง ละคร (แล้วย้อนดูตัว)  เข้าสปา  ไปเที่ยวพักผ่อน  ทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นการลับขวานภายในตัวเราเอง เพื่อเรียกคืนพลังของการมีชีวิตอยู่ดี

             ลองเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้  ลองคิดหาหนทางที่จะพัฒนาศักยภาพของเรา เพื่อที่จะทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่งานของเรามากขึ้น (ขอพาดพิงไปถึง 740 ชีวิต ที่ไปเติมพลังในงานสัมมนา " KM เพื่อการพัฒนาองค์กรอัจฉริยะ " ซึ่ง สคส. จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 ที่โรงรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่

 สุปราณี (แกบ)

หมายเลขบันทึก: 102392เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2007 08:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

มาเยี่ยม...

อ่านแล้วได้แง่คิดดีมากครับ

 

ชวนให้ว่าง ๆ ต้องลับขวานความคิดตนเอง..นะครับ

สวัสดีค่ะ

ถูกใจมากกับบันทึกนี้ค่ะ

เป็นอะไรที่เหมือนมุมมองของตัวเองมาตลอดชีวิต

ชอบชีวิตที่หลากหลาย มีงานประจำ มีงานอดิเรก มีพักผ่อน มีหย่อนใจ  ชอบความสุนทรีย์ของชีวิต ที่บ้านรับหนังสือตั้งแต่เรือง ช่างซ่อมจิปาถะ  คอมพิวเตอร์ตกแต่งภายใน สวน เรื่องงานล้วนๆ สุขภาพ ศาสนา ปรัชญา แฟชั่น  celebs ไลฟ์สไตล์ discoeryต่างๆ  อาหาร เด็ก  ฯลฯ  ซื้อหนังดีๆมาดูกันที่บ้านด้วย

ชอบหลายๆแง่มุม  ชอบคุยกับคนหลากหลาย ยกเว้น คนไร้สาระมากๆค่ะ

มันทำให้เรารู้รอบ และเกื้อหนุนกันจริงๆ

ได้อ่านเรื่องราวแล้วทำให้นึกถึงตัวเอง ซึ่งมีวิถีชีวิตเหมือนคนตัดไม้ที่ไม่ได้ลับขวานของตน สงสัยว่าทำไมงานถึงล่าช้า  ทำไมเรื่องง่ายบางเรื่องถึงคิดไม่ออก สงสัยว่าทำไมเวลาจึงมีน้อยลง รึว่าเราถูกขโมยเวลาไป...

เรื่องนี้ช่วยเตือนสติว่าต้องมีเวลาหยุดคิด ทบทวน พิจารณาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และ จัดเวลาให้ตัวเองในการพัฒนาตนทั้งด้านปัญญา และร่างกาย ถ้าเป็นครูก็ต้องอ่านหนังสือ ต้องฝึกปรือวิธีการสอน ต้องเรียนรู้แนวทางใหม่ๆ ที่จะพัฒนาลูกศิษย์ เป็นต้น ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ

อ่านแล้วได้แง่คิดมากๆ เลยค่ะ

รู้ตัวเองเลยว่าไม่ได้ลับขวานทื่อๆ อันนี้มานานแค่ไหนแล้ว

^^

อ่านเเล้วได้ข้อคิดมากเลยคะ หนูกําลังจะหาพอดีเลยคะ ขอบคุณคะ^-^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท