ผมคิดว่า โอกาสในการช่วยสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง คือการเขียน ...เพื่อสะท้อนตัวตน เพื่อการเคลื่อนไหว อาจไม่ได้มากก็ขอให้เป็นจุดเล็กๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครสักคน ...
นั่นคือสรรพเสียงของมิ่งมิตรที่ไม่เคยไกลในความรู้สึกจากคุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ที่มาเยือนข้าพเจ้าในรูปลักษณ์ของตัวหนังสือในบันทึกที่ 200 ของข้าพเจ้าฯ
...ถ้อยคำเหล่านั้น สะท้อนเจตนารมณ์แรกเริ่มในการเขียนบันทึกของข้าพเจ้าฯ อย่างชัดเจน เพราะข้าพเจ้าฯ ต้องการทำหน้าที่ของการสื่อสารเรื่องราวของคนรอบข้างไปสู่เวทีสาธารณะ โดยเฉพาะเรื่องราวในวิถีถนนของคนทำกิจกรรมในนาม “นิสิต” และ “มหาวิทยาลัย” ซึ่งอาจเรียกได้ว่าวิถีแห่งการบันทึกนั้น ก็เป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมได้เช่นกัน (กระมัง)
ขณะที่ข้าพเจ้าฯ ยังคงทำหน้าที่เป็น “คนเล่าเรื่อง” ของคนรอบข้างอยู่อย่างต่อเนื่อง บางห้วงเวลาก็แวะลงข้างทาง ตะลอนไปหยิบยกเอาเรื่องราวของตนเอง มาบอกเล่าต่อเวทีนี้อย่างหน้าตาเฉย –
กระทั่ง, วันเวลาแห่งสัญญาในโลกของบันทึกที่ข้าพเจ้าฯ ทำขึ้นกับตนเอง ได้ดำเนินไปถึงที่สุด ข้าพเจ้าก็ใช้เวลาส่วนหนึ่งพักยก และเดินทางกลับไปยังจุดเริ่มต้นนั้นอีกครั้ง
...
วันนี้, เสียงเรียกขานภายในตัวตนของข้าพเจ้าฯ แว่วดังขึ้นทุกขณะ - เป็นเสียงเรียกขานให้ข้าพเจ้าก้าวเดินจากมาจากจุดเริ่มต้นของวันแรกเริ่มของพันธะสัญญา
...
การทำหน้าที่ “คนเล่าเรื่อง” ถือเป็นพันธกิจที่ข้าพเจ้าฯ ภูมิใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะการบอกเล่าเรื่องราวของคนรอบข้างในวิถีแห่งกิจกรรมที่ข้าพเจ้าฯ รักและศรัทธา !
การรับหน้าที่เป็น “คนเล่าเรื่อง” ถือเป็นหน้าที่อันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ข้าพเจ้าฯ หลงใหลเป็นที่สุด !
การทำหน้าที่เป็น “คนเล่าเรื่อง” ในโลกแห่งบันทึกที่แวดล้อมด้วยมิตรภาพของมิ่งมิตร ถือเป็นความวิเศษสุดของชีวิตที่หาได้ยากยิ่งจากโลกความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยวิถีการแข่งขันจนหลงลืมมิตรภาพและความรัก
....
นี่คือ การแวะมาส่งข่าวว่า ข้าพเจ้าฯ เพิ่งกลับจากการเดินทางไปปลดเปลื้องพันธะสัญญาเดิมในวันแรกเริ่มของการบันทึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะกลับมาทำหน้าที่ของการเป็น “คนเล่าเรื่อง” ใหม่อีกครั้ง โดยปราศจากพันธะผูกมัดใด ๆ
นี่คือ ปฐมบทใหม่ของคนเล่าเรื่อง ... ที่ชื่อ “แผ่นดิน” ผู้ซึ่งอ่อนไหวและห้วนตรง (เสมอต้น – เสมอปลาย)
สวัสดีค่ะ
การทำหน้าที่ “คนเล่าเรื่อง
เหมือนกันค่ะ ชอบเล่าเรื่อง แต่ของพี่เรื่องมันเยอะ บางที ก้ยั้งๆไว้หน่อยเหมือนกันค่ะ
มาอ่านเรื่องเล่าค่ะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องตัวเอง เรื่องธรรมชาติ....เพราะทุกเรื่องล้วนมีคุณค่า เมื่อนำมาเล่าให้ผู้คนได้อ่านได้ศึกษา ได้นำไปคิด คิดได้.....ขอบคุณค่ะ
การที่พี่ได้หันกลับมาบันทึกเรื่องราวไม่ว่าจะเป็นของพี่เองหรือเรื่องราวของการสร้างวัฒนธรรมทางกิจกรรมของนิสิต มมส. เองก็ตามล้วนแล้วแต่ได้ประโยชน์ต่อผุ้อ่านทั้งสิ้น บทความหรือเรื่องราวเพียงไม่กี่บรรทัดแต่สามารถสะท้อน วิถีชีวิตของนิสิตและพี่เองได้เป็นอย่างดี ผมดีใจมากมายนะครับที่พี่ได้กลับมาในเวทีแห่ง ซุ่มเสียง ที่สามารถสะท้อนอะไรๆหลายๆอย่างได้เป็นอย่างดี
" ศรัทธาที่ผมให้พี่ไป.....วันนี้ผมได้รับมันคืน.....และผมก็จะศรัทธาต่อไป "
" คนเล่าเรื่อง.....เรื่องเล่าคน "
คุณแผ่นดินคะ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
ตามมาฟังเรื่องเล่า..จากคนเล่าเรื่อง
ที่บอกเล่าเรื่องราวของ " แผ่นดิน " ท้องถิ่นชาวอีสาน
อย่างชื่นบานด้วย " ใจรัก " ใน " แดนไท "..
มาทักทายด้วยความคิดถึงมิ่งมิตรและครอบครัวค่ะ
สวัสดี่ค่ะ
ยังติดตามบันทึก....คนเล่าเรื่อง ขอเป็นกำลังให้ ขอให้ทำต่อไป ด้วยใจรัก.และเข้มแข็ง..
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
ขอบพระคุณในการแวะมาเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่องมากนะครับ ... ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมใช้พลังกายและพลังสมองค่อนข้างมาก ยิ่งเป็นห้วงเปิดเรียนใหม่ชีวิตจึงต้องหนักทั้งสำนักงานและภาคสนาม
แต่การงาน คือ สิ่งที่สะท้อนคุณค่าและตัวตนของเรา ซึ่งเราก็ยังต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง, และการเล่าเรื่องก็เป็นส่วนหนึ่งของการงานนั้นด้วยเช่นกัน
ขอบคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจคนเล่าเรื่องอย่างผม...
ช่วงนี้เพิ่งเข้าบล็อกได้เลยต้องรับผิดชอบตอบบันทึกให้แล้วเสร็จ...ไม่นานคงได้แวะไปเยี่ยมอาจารย์ที่บันทึกนะครับ
สวัสดีครับ
ไม่เข้าบล็อกหลายวัน เพราะระบบเข้าไม่ได้ คิดถึงและระลึกถึงชาวบล็อกทุกคนเสมอ...
ตอนนี้ที่ มมส เปิดเรียนมาตั้งแต่วันที่ 4 บรรยากาศคึกคักเหมือนทุกปี ฟ้าฝนก็ส่งสัญญาณมาถี่ครั้ง, ขณะที่คนทางบ้านลงนาหว่านข้าวและไถคราดไปบ้างแล้ว
คิดถึงบันทึกของอาจารย์เช่นกัน...สักครู่จะแวะไปเยี่ยมนะครับ
สวัสดีครับ น้องสภา
ขอบใจมากที่เกาะติดสถานการณ์บันทึกของพี่ในทุกกรณี, ช่วงนี้งานยุ่งและเยอะจนไม่ค่อยได้คุยกัน
ศรัทธา เป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็ต้องประกอบด้วยเหตุและผลด้วยเช่นกัน...
สวัสดีครับ
เสียงของหัวใจมีพลังดังที่ว่า, และการเล่าเรื่องเป็นความสุขของคนอย่างผม ... ผมเลยเดินทางกลับมาสู่เวทีนี้อีกหน
ขอบคุณครับ
ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจ, ช่วงนี้ผมแทบไม่มีเวลาว่างพอให้สมองมีจินตนาการในการเขียนบันทึก
แต่ยังไงก็ยังสะท้อนภาพ หรือเล่าเรื่องกิจกรรมของนิสิตให้มากที่สุด
การได้ย้อนกลับมาอ่านปฐมบทของคนเล่าเรื่อง...
หลังจากที่ได้รู้จักตัวตนของคนเล่าเรื่องมาจากหลาย ๆ บันทึกที่ผ่านมา...
ย่อมทำให้เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดในบางส่วนของคนเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี...
การได้สัมผัสและรู้จักกันผ่านทางตัวหนังสือที่ร้อยเรียงโดยปราศจากเงื่อนไขทางสังคมของโลกที่เป็นจริง...
ย่อมสร้างความรู้สึกที่งดงามและความหมายที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นทั้งของคนเล่าและคนที่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้...
ช่วงนี้เปิดเรียนใหม่เหนื่อยทุกวัน และกลับดึกทุกวัน จนไม่มีพลังพอที่จะเขียนบันทึกเท่าใดนัก
แต่เมื่อถามตนเองแล้ว หยุดเขียนไม่ได้ และจะยังทำหน้าที่คนเล่าเรื่องเท่าที่วันและเวลาจะเอื้ออำนวยให้กับชีวิตและการงาน
ระลึกถึงเสมอนะครับ
การได้ทำตามสิ่งที่ตนเองรักเป็นความสุขของชีวิต และการกลับมาเขียนบันทึกโดยปราศจากพันธะอื่นใดนอกจากความรูสึกดี ๆ ที่อยากเขียน คือ สิ่งที่ผมสบายใจเป็นที่สุด
ดูจากบัดนี้...ผมมีบันทึกน้อยมากเลยใช่ไหมครับ...ยิ้ม ๆ
ขอบคุณนะครับที่แวะมาเติมเต็มกำลังใจ และเป็นที่รู้กันในแวดวงของเราตอนนี้ยุ่งมาก ไม่มีเรี่ยวแรงและจินตนาการในการเขียนบันทึก เดือนนี้บันทึกผมจึงดูจะว่างเปล่าไม่ใช่น้อย
จะพยายามกลับมาทำหน้าที่คนเล่าเรื่องอย่างเต็มที่ในเร็ววันนะครับ
ผมเชื่อในทำนองเดียวกัน คือ บันทึกของแต่ละคน สะท้อนตัวตนของแต่ละคนได้ชัดเจนพอสมควร อย่างน้อยก็วิธีคิด การงานและเบื้องหลังการเติบโตของชีวิต
ผมขออนุญาตนำข้อความมากล่าวซ้ำอีกครั้งนะครับ
การได้สัมผัสและรู้จักกันผ่านทางตัวหนังสือที่ร้อยเรียงโดยปราศจากเงื่อนไขทางสังคมของโลกที่เป็นจริง...
ย่อมสร้างความรู้สึกที่งดงามและความหมายที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นทั้งของคนเล่าและคนที่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้...
....
ขอบคุณครับ