ลอดช่องสิงคโปร์ ๕: หมอพบหมอ


   ในคลินิกมีคนรออยู่ประมาณ ๕-๖ คนแล้ว ตอนผมเอาเอกสารไปยื่น พยาบาลที่นั่งอยู่ตรงข้างหน้าทำสีหน้าตกใจ แล้วบอกกับผมว่า อ้าว..นัดไว้สิบโมงไม่ใช่หรือ เออ..ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเขาไม่ได้บอกเอาไว้ คุณพยาบาลก็บอกว่า ไม่เป็นไรก็ตรวจตามคิวได้เลยอยู่แล้ว

    นั่งอ่านหนังสือไปได้สองหน้า เขาก็เรียกให้ผมไปเอากระปุกเก็บปัสสาวะ แล้วชี้ทางให้ออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก เออ..เพิ่งรู้ว่าในคลินิกไม่มีห้องน้ำนะ ตอนที่เดินออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอกนี่แหละครับ มีปัญหาเล็กน้อย เพราะสุขาที่เขาบอกให้เข้า มีคนงานและป้ายตัวเบ้อเร้อ ทั้งคู่บ่งบอกว่ากำลังทำความสะอาด บรรดาผู้ต้องการสุขาทั้งหลายก็ต้องไปหาห้องน้ำที่อื่นเข้า ซึ่งก็ต้องเดินหาป้ายอีกพักใหญ่ ผมเดินลงไปที่สถานีรถใต้ดิน เพราะคิดว่าน่าจะมีและหาง่าย แต่ปรากฎว่า เป็นห้องน้ำเฉพาะผู้พิการ รู้สึกตะขิดตะขวงใจพิกล ถ้าจะเข้าไป เลยเปลี่ยนใจขึ้นไปชั้นสองแทน

    ย่อหน้าต่อไป ถ้าใครขวัญอ่อน จะไม่อ่าน ข้ามไปก็ได้นะครับ

    พอเจอห้องน้ำสาธารณะตามเป้าหมาย  ผมก็พุ่งตรงไปยังส่วนห้องส้วมที่มิดชิดทันที ในใจลุ้นระทึกว่า เปิดประตูเข้าไปจะเจอ..ทอง..ลอยอยู่ในโถ เหมือนเวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะบ้านเราหรือเปล่า ปรากฏว่า ปลอดภัยครับ ..มีเศษกระดาษชำระลอยอยู่ให้เห็นเป็นหลักฐานเล็กน้อย ผมกดชักโครกทันทีทั้งๆที่ไม่ใช้บริการ ก่อนจัดการเก็บปัสสาวะใส่กระปุกตามหน้าที่   บรรจุน้ำสีเหลืองอุ่นๆใส่กระปุกได้พอเหมาะ ตอนปิดฝา เพิ่งจะนึกได้ว่า ทำพลาดไปอย่างหนึ่งอย่างไม่สมควรจบหมอมา คือ
ผมไม่ได้เก็บปัสสาวะที่เรียกว่า midstream urine
ซึ่งหมายถึง ต้องปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปบางส่วนก่อน แล้วจึงเก็บปัสสาวะช่วงกลางที่นับว่าสะอาดสุดจริงๆ
 
แต่ทำไงได้ ที่เบ่งออกมาก็หมดแล้วด้วย สุดท้ายก็ประคองกระปุกนั้นใส่ถุงพลาสติดท่ีเขาให้มาออกจากห้องน้ำกลับไปที่คลินิก

    ไปนั่งรอที่คลินิกอีกไม่ถึงสิบนาที ก็ได้เข้าไปตราจกับคุณหมอในห้อง เป็นคุณหมอผู้หญิงไม่ทราบชื่อ รุ่นๆใกล้เคียงกัน เธอถามอาการแบบตามรายการ คุยเกี่ยวกับศาสนาพุทธสองประโยค แล้วแหกตาผมดูสองข้าง กวาดนิ้วให้ผมกรอกตาสองที เอาที่ส่องตาส่องตาผมสองข้างแถมส่องในปากบอกให้ร้องอาหนึ่งครั้ง แล้วเสียบที่ดูหู ดูหูผมอย่างรวดเร็วทั้งสองข้าง ก่อนจะคว้าหูฟังล้วงเข้ามาฟังปอดผมข้างละหนึ่งจุด โดยไม่ต้องถอดเสื้อ ผมพยายามหายใจลึกๆให้ แต่รู้สึกว่าจะไม่ช่วย เพราะคุณหมอเธอฟังด้านหน้าเสร็จไปแล้ว ผลักให้ผมหันหลังแล้วฟังปอดผมด้านหลังอีกข้างละหนึ่งจุดผ่านเสื้อยืดที่ผมใส่ สุดท้ายก็บอกให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วปลดเข็มขัดออกเปิดพุงให้ตรวจ คุณหมอเอามือกดหน้าท้องสามจุด แล้วถามผมว่า ต่ำลงไปกว่านั้นมีปัญหาอะไรมั๊ย
    แน่นอนครับ ผมตอบว่า ไม่มีแน่นอน เป็นอันจบกระบวนการตรวจร่างกาย
    แล้วคุณหมอก็เอาเข็มออกมาดูดเลือดผมใส่หลอดด้วยตนเอง เพื่อไปตรวจเชื้อ HIV ตามที่เขากำหนด อันนี้ต่างจากบ้านเรา เพราะหมอเป็นคนเจาะเลือดเองทุกอย่าง เก็บเลือดใส่หลอดเอง

    ใช้เวลาอยู่ในห้องหมอทั้งหมดไม่ถึง ๑๐ นาที แล้วออกมาจ่ายเงินค่าตรวจ ๕๐ เหรียญสิงคโปร์ พร้อมกับให้ข้อมูลต่อไปว่าจะต้องไปเอกซเรย๋ปอดอีกที่คลินิกหนึ่ง ชื่อ SATA Clinic    อ้าว!
    พยาบาลอธิบายว่าจะต้องไปตรงไหน พอดูแผนที่ก็ยิ้มออกเพราะอยู่แถวโรงแรมที่ผมพักนั่นเองในย่าน Chinatown

    ผมออกจากคลินิกมาตอน ๙.๕๕ น. ใช้เวลาเดินกลับแบบไม่ชมนกชมไม้แล้ว ๑๕ นาทีมาที่ Chinatown
    SATA clinic เป็นคลินิกที่ดูจะบ้านๆหน่อย ไม่หรูอยู่กับศูนย์การค้าแบบคลินิกที่แล้ว มีคนนั่งรอมากพอสมควร ผมเหลือบเห็นชื่่อแล้ว รู้สึกจะย่อมาจาก S? Affordable To All หมายถึง ทุกคนพอจ่ายได้ ผมยื่นเอกสารใบสั่งเอกซเรย์ให้ตรงโต๊ะด้านหน้าซึ่งมีระบบคิวแบบแถวเดียวของธนาคาร แล้วได้บัตรคิวไปนั่งรอเอกซเรย์ต่อ จนกระทั่งถ่ายฟิลม์เสร็จออกมาในเวลาไม่ถึง ๑๕ นาที
    ผลการตรวจจะถูกส่งไปที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติที่ผมไปเรียนใน ๒ วันเอง

    ผมเห็นถึงความแตกต่างในเรื่องระบบสาธารณะ ป้าย การใช้บริการสาธารณะ เครือข่ายส่งต่อ การเข้าถึงบริการสาธารณะของประชาชนในสิงคโปร์ ที่คงอีกนานกว่าเราจะตามทัน
    ไม่ได้บ่นนะครับ

<< ลอดช่องสิงคโปร์ ๔: เดิน..ทางไปตรวจร่างกาย  

ลอดช่องสิงคโปร์ ๖: ข้าวมันไก่ที่ Maxwell >> 

หมายเลขบันทึก: 100484เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2007 20:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ

แต่ถ้าอาจารย์raiseเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าเราน่าจะปรับปรุง ก็คงไม่นานนะคะ

ผมเห็นถึงความแตกต่างในเรื่องระบบสาธารณะ ป้าย การใช้บริการสาธารณะ เครือข่ายส่งต่อ การเข้าถึงบริการสาธารณะของประชาชนในสิงคโปร์ ที่คงอีกนานกว่าเราจะตามทัน

ของอาจารย์ยังดีกว่าของผมที่หมอเขาตรวจจริงๆ

ของผมไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ

แต่ที่ผมไปเขาสามารถฉายภาพปอดได้เลยครับ

ที่นี่

S? น่าจะเป็น Service ไหมคะอาจารย์ อ่านแล้วพยายามเทียบกับที่เพิร์ธ-ออสเตรเลีย ประมาณเดียวกันเลยค่ะ (ตอนพบหมอเร็วมาก หมอบ้านเราตรวจช้ากว่าเยอะ) แต่ที่โน่นกระบวนการก่อนจะได้พบหมอนั้น ยืด....ยาว....กว่ากันเยอะ.....เลยค่ะ

พี่ sasinanda ครับ 

  • ผมว่า สิงคโปร์เขาได้โจทย์ง่ายกว่าเรา พื้นที่เล็ก จัดการง่ายและคนถูกบังคับจนมีวินัย
  • ยกตัวอย่างเรื่อง ป้าย นะครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่มีศาสตร์ของมัน ไม่ใช่ใครสักจะทำก็ทำ ตำแหน่ง สี และตัวหนังสือ มันคงจะมีวิธีการ

ผมเห็นป้ายตามถนนบ้านเรา อย่าง อีก ๕๐๐ เมตรมีสัญญาณไฟ อีก ๓๐๐ เมตรมีสัญญาณไฟ เยอะแยะไปหมด ไม่ทราบว่าจำเป็นหรือไม่ หรือว่ารกเปล่าๆ สุดท้ายที่แย่ คือ พอถึงตรงนั้นจริงๆ สัญญาณไฟมีครับ แต่เสีย

 

เว่อร์ไปป่าว อาจารย์แป๊ะ ครับ ตรวจไม่ถึงหนึ่งนาทีนี่ ยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ ลุกแล้ว พูดเป็นเหมือนบ้านเราไปได้ 

ผมเคยเจอคุณหมอคนนึงนั่งอยู่ในห้อง พยาบาลซักประวัติคนไข้ด้านนอกเสียงดังฟังชัด พอคนไข้เดินเข้ามาในห้องหมอ แกยื่นใบสั่งยาให้เลย ไม่ต้องถามไม่ต้องตรวจอะไรอีก บริการเร็วยิ่งกว่าโฆษณาธนาคารในโทรทัศน์อีก 

คุณโอ๋-อโณครับ 

  • ใช่แล้วครับ SATA clinic น่าจะ Service Affordable To All จริงๆด้วยครับ 

55555555...

 

แค่ตามอ่านก็มีสุข....ภาพใจดีแล้วครับ...

 

ไม่ต้อง(อยาก)ไปโรงพยาบาล...

 

5555555555

 

อาจารย์หมอเต็มครับ...ถ้าให้ผมเลือกไปตรวจกับบริการที่มีคุณภาพแบบสิงค์โป...ผมขอตรวจกับอาจารย์หมอเต็มดีกว่า...ขอตรวจสัก 2 ชั่วโมง...ไม่ต้องให้ยาอะไรเลย..5555555555

ไอ้หยา อย่าไปตรวจกับอาจารย์เลยครับ

ชาตินี้ทั้งชาติขอเป็นแค่ลูกศิษย์-อาจารย์ ดีกว่าไปให้อาจารย์เต็มตรวจนะครับ

คิดผิด เปลี่ยนใจได้นะครับ อาจารย์ขำ

  • ไม่ค่อยมีใครเขาอยากให้ผมตรวจ แบบที่อาจารย์แป๊ะข้างบนว่านะครับ
  • หมอมะเร็งอย่างผม ถ้าต้อง ตรวจสัก ๒​ชั่วโมง ไม่ต้องให้ยาอะไร อย่างที่อาจารย์ว่านี่  ผมคิดออกอยู่บริการเดียวครับ ที่ผมทำเป็น คือ ใส่แร่รักษามะเร็งปากมดลูก นะครับ
  • ไม่ทราบพอจะรับได้มั้ยครับ

อ่ะจ๊ากกกกก...

 

ไม่ครับ...ไม่นะ...55555

 

ผมเพียงแต่อยากฟังอารมณ์ขันตามประสาคนถนัดซ้ายเท่านั้น....555555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท