บางลี่วิทยา : โรงเรียนเด็ก(และครู)ใจบุญ


 

 

บางลี่วิทยา : โรงเรียนเด็ก(และครู)ใจบุญ

  

                จะว่าเป็นการประชาสัมพันธ์โรงเรียนตัวเอง ก็คงไม่เชิง แต่จะว่าไม่ใช่เสียเลยก็พูดได้ไม่เต็มปาก เอาเป็นว่าท่านอย่าเพิ่งเชื่อผมก็แล้วกัน ผมอาจจะคุยโม้โอ้อวดเกินความจริงก็ได้

 

                ที่ผมตั้งหัวข้อเรื่องอย่างนี้ เพราะวันนี้เป็นวันทำบุญคล้ายวันก่อตั้ง หรือเรียกให้ยิ่งใหญ่ก็ว่าเป็นวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนบางลี่วิทยา วันจริงๆนั้นคือวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๑๘ แต่เราทำก่อนวันหนึ่ง

 

                เริ่มด้วยตอนเช้าเวลา ๐๗.๓๐ น. นิมนต์พระสงฆ์วัดอัมพวัน(วัดหลวงพ่อโหน่ง )มารับบิณฑบาต ข้าวสาร อาหารแห้ง เด็กๆราว ๑,๕๐๐ คน ตั้งโต๊ะเป็นวงกลมรอบสนามกีฬาหน้าโรงเรียน เตรียมข้าวสารอาหารแห้งพร้อมใส่บาตร ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พระสงฆ์เดินเวียนขวารับบิณฑบาต จนบาตรพระล้นแล้วล้นอีก กรรมการนักเรียนถือหม้อแขก และเข่งใบใหญ่คอยถ่ายข้าวสารและอาหารจากบาตรพระ ไปใส่รถสองแถวสองคันที่ขับตามมาช้าๆ กว่าพระจะบิณฑบาตครบรอบวงก็๐๘.๐๕ น.เศษ

 

                ในตอนสายหลังจากเรียนชั่วโมงที่ ๒ แล้ว นักเรียนทุกคนก็ขึ้นหอประชุม ๒ ร่วมทำบุญเลี้ยงภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ๙ รูปนำโดยพระครูอินทสุวัณณคุณ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน

 

                เพียงกิจกรรมทำบุญตักบาตรแค่นี้หรือที่ทำให้เด็กนักเรียนโรงเรียนบางลี่วิทยาได้ชื่อว่าเด็กใจบุญ ที่จริงแล้วยังมีพฤติกรรมอีกหลายประการที่บ่งบอกถึงความใจบุญ ดังที่ผมเคยเล่าเรื่องการบริจาคโลหิตให้ท่านอ่านมาแล้ว เปิดภาคเรียนใหม่มาเพียงไม่กี่สัปดาห์เด็ก ม.๖ โรงเรียนบางลี่วิทยาก็ทำสถิติบริจาคโลหิต กันอย่างมากมายเหมือนจะทำลายสถิติรุ่นพี่ เมื่อไม่กี่วันนี้มีญาติคนไข้ที่เป็นโรคร้ายมาขอโลหิต นักเรียนแย่งกันลงชื่อไปบริจาค บางคนก็ผิดหวังเพราะคุณสมบัติไม่ครบ

 

                เมื่อภาคเรียนที่แล้ว เพื่อนของ นางสาวสมศรี นามใส่ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนบางลี่วิทยาที่เคยสร้างผลงานด้านสานผักตบชวา มาขอความช่วยเหลือให้ (เพราะเจ้าตัวคนเดือดร้อนไม่กล้า)สมศรี เนื่องจากแม่ของสมศรี ซึ่งมีเชื้อชาติไทยใหญ่ถึงแก่กรรมอยู่ที่เชียงราย ไม่มีเงินที่จะเผาศพครอบครัวเธอมีฐานะยากจนมาก เมื่อขออนุญาตทางโรงเรียนแล้วผมจึงทำหน้าที่บอกบุญแก่นักเรียนรวมทั้งครู พวกเราบริจาคคนละบาท ๒ บาท บางคนก็มากกว่านี้ ได้เงิน ๕ พันกว่าบาท ให้สมศรี ไปจัดการเผาศพแม่จนเรียบร้อย ภายหลังเธอได้เขียนจดหมายมาขอบคุณ ปัจจุบันเธอยังรับจ้างล้างรถอยู่ แต่ก็กำลังจะเรียน มสธ.ไปด้วย ตามคำแนะนำของผม

                 อีกราย ไฟไหม้บ้านนายคมศักดิ์ ชาวตาก้อง ศิษย์เก่าอีกคน ที่มาช่วยงานโรงเรียน เมื่อกลางเดือนเมษายน๒๕๕๐ ทรัพย์สินทุกอย่างหายไปกับกองไฟชั่วพริบตา  แม้กระทั่งเสื้อผ้า เหลือติดตัวอยู่ชุดเดียว ผมได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้นักเรียนและครูฟังหน้าเสาธงและขอน้ำใจ ชั่วพริบตาอีกเหมือนกันปัจจัย ต่างๆหลั่งไหลมาบรรเทาความเดือดร้อน ให้คมศักดิ์ เขาออกมายืนกล่าวขอบคุณด้วยน้ำตาคลอเบ้า นี่คือพฤติกรรมส่วนหนึ่งของเด็กและครูบางลี่วิทยา ที่ผมว่าเป็นคนใจบุญ

 

คำสำคัญ (Tags): #เล่าประสบการณ์
หมายเลขบันทึก: 100143เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2007 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน 2012 10:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ อ.พิสูจน์

มีคนไทยมีน้ำใจมากค่ะ เป็นคนที่มีเมตตากรุณาต่อคนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ..

ที่โรงเรียนสอนเด็กๆ ให้ช่วยเหลือ ให้รู้จักทำบุญกันแบบนี้ดีจังเลยนะคะ.. ดิฉันเชื่อว่าถ้าเด็กๆ ได้ทำดี สิ่งเหล่านี้จะติดตัว ติดใจเขาไปตลอดค่ะ..

ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆ ให้ฟังค่ะ ในยุคที่หาเรื่องดีๆ ฟังยากค่ะ

  • ขอบคุณ อ.ดร.กมลวัลย์ มากครับ ผมเพิ่งเข้าไปเยี่ยม เรื่องทิฐิมานะของอาจารย์ กลับมา ยังเหนื่อยอยู่เลย
  • แต่พอกลับมาพบอาจารย์ที่ภูมิปัญญาภาษาไทยของผม ก็หายเหนื่อยเลย
  • อาจารย์กับผมคงคอเดียวกันชอบเรื่องธรรมะ
  • แต่เรื่องวิศวะฯ อย่ามาคุยกับผมนะครับ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก
  • คนอะไร...เก่งหลายอย่างจังเลย

สวัสดีค่ะ อ.พิสูจน์

ดีใจนะคะ ทำให้หายเหนื่อยได้ ^ ^

ชอบอ่านเรื่องการช่วยเหลือ มีน้ำใจแบบนี้น่ะค่ะ รู้สึกดีที่มีคนทำดีช่วยเหลือกันเยอะๆ น่ะค่ะ 

ดิฉันชอบเรื่องธรรมะ ชอบปฏิบัติธรรมค่ะ แต่ไม่ค่อยได้เข้าวัด คิดว่าถ้าจิตสงบจากการปฏิบัติธรรม ก็เหมือนกับอยู่ในวัด ^ ^ 

แล้วก็ไม่คุยเรื่องวิศวะหรอกค่ะ คุยธรรมะดีกว่าเยอะเลยนะคะ 

เล่นชมกันแบบนี้ เขินแย่เลย ขออนุญาติไปลดทิฏฐิมานะลงก่อนบ้างค่ะ ^ ^

  • ขอบคุณอีกครั้งครับ อ.กมลวัลย์ (ขอโทษที่ตัดดร.ออก มันยกย่องดี..แต่ดูห่างเหิน..เหมือนกับพูดกับนักวิชาการ...แว่นหนา..ไม่ใช่แว่นดำ)
  • เมื่อวันวิสาขบูชา ผมได้มีโอกาสเป็นโฆษกให้วัดบ้านผม ในงานทำบุญและเวียนเทียน
  • ผมถือโอกาสเผยแพร่ธรรม..แก่สาธุชนทีละเล็กทีละน้อย ตั้งแต่พุทธคุณ ๓ พุทธคุณ ๙
  • และบอกว่าพระพุทธเจ้าของเรา...เป็นศาสดาที่เน้นผู้นับถือศาสนาเป็นสำคัญ
  • เพราะพระองค์ไม่สอนให้เชื่อสิ่งที่พระองค์ทรงสอน
  • แต่ทรงสอนให้เชื่อหลังจากได้นำสิ่งที่พระองค์ทรงสอนไปปฏิบัติแล้วเห็นว่าดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แล้วค่อยเชื่อ
  • คนชอบวาทะนี้กันมาก(ผมเดาเอา)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท