มีโอกาสไปเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในหุบเขาที่ชื่อว่า Karlovy Vary เมืองเล็กๆ ในสาธารณรัฐเช็ก เมืองนี้มีชื่อในเรื่องของบ่อน้ำแร่ร้อนที่มีอยู่มากมายทั่วเมือง ทำให้เป็นจุดขายสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเมืองและกลายเป็นรายได้สำคัญของคนในเมืองนี้ เล่ากันว่า ตั้งแต่สมัยโรมันแล้ว พระเจ้าคาร์ลที่ 4 จักรพรรดิ์โรมันตะวันออกเป็นผู้ค้นพบบ่อนำแร่ที่เมืองนี้ จากการไปตามล่ากวางในป่า กวางตัวนั้นบาดเจ็บจากการถูกล่าและได้ตกลงไปในบ่อน้ำแร่แห่งหนึ่ง เมื่อตามไปดูปรากฏว่ากวางกลับวิ่งหนีออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ จึงพบว่ามีน้ำแร่ตรงนั้น และก็คาดกันว่าน้ำแร่นั้นน่าจะมีคุณสมบัติพิเศษอะไรบางอย่างที่ทำให้กวางตัวนั้นมีกำลังหนีไปได้ จึงเป็นที่มาของน้ำแร่ที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองนี้ทุกวันนี้
เมืองน้ำแร่นี้ตั้งอยู่ในหุบเขาสองฝั่งแม่น้ำเทบลา มีบ่อน้ำพุร้อนถึง 12 แห่ง บ่อที่ร้อนที่สุดร้อนถึง 72 องศาเซลเซียส เป็นที่เชื่อว่าน้ำแร่นี้สามารถรักษาโรคและทำให้สุขภาพดี และการดื่มต้องดื่มจากถ้วยที่ทำด้วยกระเบื้องพอร์ซแลนด์ที่ทำจากเมืองนี้ดดยเฉพาะจึงจะขลัง
เป็นเมืองเล็กๆ ที่สวยงามมาก สิ่งที่น่าสังเกตุก็คือ ช่างเป็นความโชคดีของชาวเมืองนี้ที่มีผู้บริหารเมืองรู้จักใช้ความรู้จัดการสภาพสังคมและวิถีชีวิตให้คนอยู่อย่างมีรายได้เพียงพอที่จะมีชีวิตที่ดีโดยใช้การท่องเที่ยวเป็นจุดขาย ความรู้อย่างเดียวที่ทำให้คนมีรายได้ที่กระจายกันอย่างทั่วถึง แตกแขนงออกไปอย่างน่าทึ่งและน่าชมเชย ธรรมชาติที่โดดเด่น ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้อนุรักษ์เอาไว้ทำให้เป็นทุนที่มั่นคงและยั่งยืนมาได้นับร้อยนับพันปี
ถ้าเมืองต่างๆ ของไทย(ซึ่งมีศักยภาพไม่น้อยหน้าประเทศใด)ได้ใช้ความรู้ในลักษณะนี้มาใช้ในการพัฒนาสังคมบ้าง เชื่อว่าคนจะอยู่ดีมีสุขกันมากกว่านี้ นี่คือสิ่งที่สะท้อนออกมาจากการไปเรียนรู้สังคมในต่างแดน
ความรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะบอกว่าคนในสังคมใดมีปัญญามากน้อยเพียงใด
ระเบียงตึกโอเปร่าเก่าในสไตล์ทูโอดอร์แห่งนี้ มีน้ำพุร้อนอยุ่ 2จุด ตั้งแต่เช้าตรู่จะเห็นผู้คนทั้งท้องถิ่นและต่างถิ่นรวมทั้งนักท่องเที่ยวเดินถือถ้วยทำด้วยกระเบื้องพอร์เซอรเลนด์มารองน้ำแร่ร้อนๆ ดื่มกันอย่างมีความสุข ดูเหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ทุกเช้าคนจะต้องออกมาเดินรับอกาศยามเช้าออกกำลังกายและดื่มน้ำแร่ ทำให้ต่างมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า.........
ย้อนนึกถีงเมืองไทย ทำอย่างไรให้เราสามารถใช้ธรรมชาติที่มีอยู่ เป็นทุนสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สร้างความอยู่ดีกินดีถ้วนหน้า สร้างความมั่นคงและยั่งยืนได้ โดยไม่ต้องทะเลาะกัน ในขณะที่ต่างประเทศ หลายแห่งเขาได้ประโยชน์จากธรรมชาตินี้มาช้านานแล้ว..........และยังใช้อยู่
เป็นไปได้อย่างไร ที่พลเมืองมีเพียงไม่ถึงหมื่น แต่สามารถดึงนักท่องเที่ยวนับแสนนับล้านให้ไปเยือนได้ ......ถามว่าใครเป็นผู้ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผมว่าปัญญาและการจัดการความรู้ ทำให้เกิดสิ่งนี้.....แล้วคนไทยล่ะ มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน.........หรือใครว่าไงครับ
ด้วยความปรารถนาดี
...พลเดช วรฉัตร
เข้ามาเยี่ยม....
ตามที่อยู่มา เมืองไทยคนมี เสรีภาพสูง หรือ มักจะเอาแต่ใจ ไม่ค่อยจะยอมทำตามคนอื่น แม้บางครั้งจะเห็นด้วยก็ตาม...
ดังนั้น หลายสิ่งหลายอย่างจึงเป็นไปได้ยาก...
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
มีการสนทนาเกี่ยวกับอินเดีย ในหลายวาระและโอกาส ขอยกมาพูดคุยดังนี้
คนอินเดียที่คนไทยดูเหมือนจะรังเกียจ ว่าบ้านเมืองสกปรก กลิ่นตัวเหม็น(เพราะบริโภคเครื่องเทศมาก)และมีขอทานมากเต็มเมือง แต่ขอทานเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ทำให้อินเดียเป็นประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นขอทานที่ดูภายนอกน่ารังเกียจจิตใจนั้นรักเสรีภาพและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เมื่ออยากหรือไม่มีก็ขอ .......ผมได้รับการบอกเล่าว่านักการทูตสตรีผู้หนึ่งเคยไปรถเสีย ก็เป็นขอทานเหล่านี้ละที่เข้ามาช่วยเหลือ ทำให้นักการทูตคนนั้นเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับขอทานไปได้มาก
คนไทย แค่ไม่เข้าถึงศาสนา(ประจำชาติ)อย่างลึกซึ้ง ก็ไม่สามารถนำสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ และใกล้ตัวมาใช้ได้ครับ...แต่ในฐานะที่เป็นคนไทย ผมก็ยังเชื่อว่าวันหนึ่งคนไทยจะเป็นศูนย์กลางของสังคมโลกที่สำคัญแห่งหนึ่ง .....อดทนรอดูครับ
นมัสการครับ
สวัสดีค่ะคุณพลเดช วรฉัตร
แวะเข้ามาอ่านแต่รูปไม่ขึ้นค่ะ เป็นไปได้ว่าดูผ่าน modem ความเร็วต่ำ ไว้จะเข้ามาดูใหม่ค่ะ
แต่ที่ชอบมากคือที่คุณพลเดช เขียนไว้ว่า "คนไทย แค่ไม่เข้าถึงศาสนา(ประจำชาติ)อย่างลึกซึ้ง ก็ไม่สามารถนำสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ และใกล้ตัวมาใช้ได้ครับ...แต่ในฐานะที่เป็นคนไทย ผมก็ยังเชื่อว่าวันหนึ่งคนไทยจะเป็นศูนย์กลางของสังคมโลกที่สำคัญแห่งหนึ่ง .....อดทนรอดูครับ" เพราะเห็นด้วยค่ะ ว่าเรามีอะไรดีๆ อยู่เยอะ เราต้องช่วยกันค้นหา นำออกมาส่งเสริมแต่ไม่ขายจนหมดคุณค่า เป็นการส่งเสริมเชิงคงรักษาวัฒนธรรม สิ่งที่ค้นพบแล้วว่าเรามีดี ก็ต้องช่วยกันรักษาไว้..ดิฉันก็เชื่อเหมือนกันว่าเราจะทำได้ดี ต้องช่วยกันลงมือทำค่ะ ...