เล่าให้ฟังต่อว่า “เกินคาดจากงาน “KM Forum 2”


ตามที่คาดไว้ 4 ประเด็นหลัก ๆ นั้นคาดไว้สักประมาณ 70% ก็ได้มาเกือบ 100%

     คงต้องเริ่มอ่านมาจาก เล่าให้ฟังว่า "คาดหวังอะไรบ้างก่อนไปร่วมงาน KM Forum 2” เพราะจะรู้ว่าเกินคาด ก็ต้องรู้มาก่อนว่าที่คาดไว้ คืออะไรครับ ก่อนอื่นผมขอแยกความคาดหวังของผมออกเป็น 2 ลักษณะก่อน กล่าวคือ

     ลักษณะแรก คือ ตามที่คาดไว้ 4 ประเด็นหลัก ๆ นั้นคาดไว้สักประมาณ 70% ก็ได้มาเกือบ 100% มีบ้างก็ประเด็นแรก คือ “การจัดการความรู้” ว่าคืออะไรกันแน่ และ อย่างไรถึงเขาถึงเรียกว่า “เป็นการจัดการความรู้ ที่เน้นความรู้จากการปฏิบัติ” และอย่างไรที่ไม่ใช่ ตัดสินด้วยอะไร ที่ต้องมาทำความเข้าใจเอาภายหลังจากเอกสารที่ได้รับมา เช่น หนังสือนานา เรื่องราวการจัดการความรู้ โดยเฉพาะหนังสือการจัดการความรู้ สำหรับนักปฏิบัติ และชุมชนแนวปฏิบัติ การจัดการความรู้สายพันธุ์ใหม่ ที่ซื้อติดมือกลับมาทำให้เติมเต็มส่วนขาดที่กล่าวได้มากทีเดียว

     ลักษณะที่สอง ส่วนที่ไม่ได้คาดไว้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เช่น

          1. การไปก่อนงาน (7.15 น.) ทำให้เห็นเบื้องหลังของเช้าวันแรก เห็นทีมงานประชุมเล็ก ๆ กัน ประมาณ 7-8 คน แล้วทุกอย่างก็เริ่มเดิน เหมือนการเนรมิต ที่ยังไม่เรียบร้อยก็เรียบร้อย เช่นบูธต่าง ๆ ในห้องประชุมใหญ่ หรือบริเวณที่ลงทะเบียน เรียกว่าเมื่อหันหน้าไป แล้วหันหลังกลับมาทางเดิม เปลี่ยนจนคิดว่าหลงทิศ ภายใน 1 ชม. (8.25 น.) คนเริ่มมากขึ้น ทุกอย่างสมบูรณ์แบบหมดแล้ว ยิ่งบอกว่ามีคนที่เป็น Key Man เพียง 10 คน ต้องยอมรับว่าเกินคาด ตรงนี้น่าจะได้เล่าออกมาว่า สคส. มีเคล็ดลับลึก ๆ อะไรในการจัดการ เชื่อไหมครับว่าหน่วยงานราชการมีปัญหาแบบนี้เยอะ จะได้เรียนลัดและนำไปใช้บ้างครับ

          2. การได้ F2F กับเจ้าของ Blog ที่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ เช่น ศ.นพ.วิจารณ์  พานิช อ.ดร.ธวัชชัย  ปิยะวัฒน์ อ.ดร.จันทวรรณ  น้อยวัน อาจารย์ธวัช  หมัดเต๊ะ หรือได้ F2F กับอีกหลาย ๆ ท่านที่อยู่ประจำบูธ บางท่านผมรู้แค่เป็นนักปฏิบัติที่ประจำที่บูธต่าง ๆ ไม่ได้รู้จักชื่อ หลายท่านช่วยตอบคำถามผมซึ่งน่ารำคาญ แต่ท่านเหล่านั้นดูมีปิติ และยินดีตอบ บางคำถามผมรู้สึกเอา (เอง) ว่าไม่น่าถาม คือ ไม่เป็น "สมาร์ท เควสชั่น" เช่น ถ้าไม่ใช้ KM จะทำงาน/พัฒนา...ได้ไหม? เป็นต้น แต่ผมก็ต้องได้ทราบและเอามาปะติปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้ ก็ต้องถาม อันนี้ที่เกินจากความคาดหวังเพราะไม่คาดว่านักปฏิบัติเหล่านี้เขาพร้อมที่จะให้จริง ๆ และให้ด้วยความปิติ จริงใจ รวมถึงการรับฟัง และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผมซึ่งยังเสมือนไม่ได้เรียนรู้มาเลย ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่มากก่อน ซึ่งเกิดจากเราเอาประสบการณ์มาตั้งความคาดหวังไงครับว่า “เขาคงไม่อยากคุยกับคนที่ไม่ค่อยเข้าใจ” เมื่อไม่ใช่ ก็เกินคาดครับ

          3. ได้เปรียบเทียบวิธีการคิดและเดือนเรื่อง ระหว่างภาคราชการ กับเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรปกครองท้องถิ่น ก็พบทั้งความเหมือนและความต่างจริง ๆ อย่างกรมอนามัย กับ รพ.ตาคลี หรือ รพ.บ้านตาก ทั้ง ๆ ที่เป็นราชการเหมือนกัน แต่ก็เดินเรื่องไม่เหมือนกัน เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ยิ่งเมื่อไปเปรียบเทียบกับภาคส่วนอื่น ยิ่งต่างกัน แต่เป็นการจัดการความรู้ที่นำความรู้ฝังลึกออกมาแบ่งปันกัน หมุนเวียนกันไปทดลองใช้จากสิ่งที่เป็น Best Practice แล้วยกระดับขึ้น วนต่อไปไม่รู้จบ ตกลงเกินคาดเพราะการได้เปรียบเทียบหลาย ๆ แห่ง เป็นตัวเร่งปฏิริยาความเข้าใจในการจัดการความรู้ให้ผมได้เร็วขึ้น

          4. ได้พันธมิตรและเครือข่ายการจัดการความรู้จากทุกภาคส่วน เพื่อเชื่อมถึงกันในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นคุณครูส้ม หรือ คุณบอย สหเวชศาสตร์ มน. คุณ O_QAU  คุณ Mr_Jod หรือ คุณ สุวรรณ ประทีป ณ ถลาง  และอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้เอ๋ยถึง ที่ได้ประสานเรื่องไฟล์บันทึกเสียง การปากฐาพิเศษของ ศ.นพ.ประเวศ  วะสี หรือ เรื่องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันขณะนั้น

          5. เกินคาดเพราะได้แรงใจ ได้จินตนาการ ได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งจากการปากฐาพิเศษของ ศ.นพ.ประเวศ  วะสี ที่มุ่งยกระดับศักดิ์ศรีของคน ของชาวบ้าน Get Idea การทำทำแผนที่ความรู้ในตัวคนทุกคน (Every Human Mapping : EHM) จนขณะนี้ได้เริ่มบางส่วนแล้วในการยกร่างเพื่อขายแนวคิดแก่ทีมงานฯ เห็นเครือข่ายโรงเรียนชาวนาแล้วไม่ต้องอธิบายด้วยถ้อยคำสำนวนใด ๆ ตอกย้ำด้วยชุมชนกุดขาคีม การจัดการความรู้ท้องถิ่น เกษตรปลอดสารพิษที่พิจิตร ฯลฯ ล้วนเป็นแรงใจให้ และเป็นเรื่องตัวอย่างที่ได้เอามาเล่าต่อด้วย

     ในตอนต่อไปจะได้เล่าต่อว่า [อะไรที่ยังไม่ได้ตามความคาดหวัง] [ตกลงจะเริ่มนำมาใช้อย่างไร] และ [ปีหน้า KM Forum 3 น่าจะออกมาในลักษณะใด] แต่อย่าลืมนะครับ 1 เสียงใน 1,000 คนที่ไปร่วมงาน ลองเขียนมาเล่ากันบ้างก็น่าจะดีนะครับ

หมายเลขบันทึก: 10004เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2005 03:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมไม่ได้ไปงาน มหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ  แต่คอยติดตามจากฺ Blog ของผู้ที่ไปร่วมงาน มีข้อความประโยคหนึ่งที่พูดถึงเรื่อง KM ว่า KM เป็นเสมือนวิตามิน ที่ช่วยบำรุงให้ร่างกายแข็งแรง แต่ไม่ใช่ยารักษาโรค ที่ใช้สำหรับ แก้ปัญหา แต่เอาเรื่องความสำเร็จมาเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่นำปัญหามาเป็นตัวตั้ง ความจริงการทำ KM ให้เนียนอยู่ในงานประจำ และเน้นที่การปฏิบัติจริงโดยนำวิธีการจากหน่วยงานที่เป็น Best Practice มาปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพของหน่วยงาน จะนำมาซึ่งความสำเร็จของหน่วยงานที่ใช้ KM เป็นกระบวนการของการปฏิบัติงาน (มุมมองหนึ่งของบอย สหเวช ที่เก็บเกี่ยวจากผู้ที่ไปร่วมงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท