เมื่อวาน (20 ส.ค. 2549) ผมเดินทางมาอบรมที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เห็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของชาวบ้านที่โดยสารมาด้วยกันโดยบังเอิญ เห็นคุณลุงที่มีอายุน่าจะเลย 60 ปีแล้ว ลุกขึ้นหยิบถุงห่อของที่วางไว้ตรงที่เก็บของด้านบน พร้อมกับแบ่งผลมะแว้งใส่ถุงมอบให้แก่ชายหญิงสามีภรรยาคู่หนึ่ง พร้อมทั้งอธิบายถึงสรรพคุณของผลมะแว้งว่ามีสรรพคุณสามารถคุมน้ำตาลในเลือดสำหรับคนที่เป็นเบาหวานได้
ลปรร. และแบ่งปันความรู้ อันเป็นน้ำใจที่น่าชื่นชม KM...ไร้ขีดจำกัด
คุณลุงบอกว่าทานมา 4 ปีแล้ว หากใครทานติดต่อกันเพียงประมาณ 2 กิโลกรัม ก็จะสามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ เพราะคุณลุงทานทุกวันทานผลมะแว้งสดๆ พร้อมกับมื้ออาหาร มื้อละ 1 กำมือ
ประเด็นที่ผมนำมาบันทึกนี้ไม่ได้ไม่ใช่เพราะผมเป็นเบาหวานหรือสนใจในประเด็นของพืชสมุนไพรชนิดนี้เป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ผมสนใจก็คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้น ช่างไร้พรหมแดน ไร้ซึ่งขีดจำกัดไม่ว่าจะเป็นเวลา หรือสถานที่ เป็นคุณลุงซึ่งผมก็ไม่รู้จักชื่อแนะนำคนอื่นอย่างมีความสุข เพราะได้ยินคุณลุงพูดว่าไม่ได้ต้องการอะไร บอกให้เอาบุญ เพราะมะแว้งหาง่าย ใช้แล้วได้ผล ไม่ต้องเสียงเงินซื้อยามาทาน แถมแบ่งผลมะแว้งให้ไปลองทานสดๆ กับน้ำพริก และแนะวิธีปลูกให้ด้วย
ส่วนที่แบ่งให้เพื่อนที่โดยสารมาด้วยกัน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ผลมะแว้งสดๆ ที่แบ่งปัน
เห็นด้วยกับผมไหมครับ ว่าความรู้นั้นมีอยู่มากมายโดยเฉพาะในตัวคน หากเราหาโอกาสให้ได้มา ลปรร. กัน ก็จะมีการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างไม่สิ้นสุด เหมือน ผอ.สวิง ตันอุด เปรียบความรู้เป็นคำพังเพยโบราณว่า “อมหาย...คายรอด” หากอมความรู้ ความรู้นั้นก็จะหายหรือตายไปพร้อมกับเจ้าของความรู้นั้น แต่หากคายความรู้นั้นออกมา ก็คือหากนำมาเผยแพร่หรือ ลปรร. กัน ความรู้นั้นก็ยังคงอยู่รอดและได้มีการนำไปใช้และต่อยอดความรู้กับไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก
เรียน คุณสิงห์ป่าสัก
เรียน พี่ชาญวิทย์
เรียน พี่นันทา