มีคนบอกผมว่า ผมเป็นพวก "นิพพานจากการอ่าน"


"เหตุ" จากชื่อบันทึก มีคนบอกผมว่า ผมเป็นพวก "นิพพานจากการอ่าน"

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ในแวดวงเพื่อนฝูงกัน ผมมีความสามารถที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงานได้ค่อนข้างใกล้เคียงกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่า มันเป็นตรรกะ คือ แค่ลองคิดทางที่จะเป็นไปได้หลาย ๆ ทาง และพิจารณาจากนิสัยส่วนตัวของผู้กระทำ หรือ ผู้แวดล้อมต่าง ๆ ทำให้สามารถเลือกเส้นทางที่ผลจะเกิดขึ้นได้ถูกต้องหลายครั้ง

ถ้าพูดภาษาลูกศิษย์ คือ "รู้ทัน"

รู้ทันว่า ลูกศิษย์กำลังจะคิดทำอะไร โกง ไม่โกง คัดลอก หรือ ไม่คัดลอก หรือมีหนทางอื่น ๆ อีกไหม ก็จะพูดดักคอเอาไว้เพื่อไม่ให้สิ่งไม่ดี ๆ เกิดขึ้น

ซึ่งข้อกล่าวหานี้มาจากเพื่อน (ที่เคยคิดว่า) สนิท

 

เรื่องของเรื่องที่เกิด "เหตุ" คือ

เพื่อนที่ว่านี้เป็น PHD Candidate หรือกำลังเรียน ป.เอก แต่เป็นคนชอบบริโภคข้อมูลจาก pantip.com เรื่องดาราอยู่เป็นประจำ ก็คือเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะมีข่าวดาราอะไรเกิดขึ้น หล่อนจะยืนยันอย่างแข็งขันว่า มันเป็นจริงดั่งที่คนโพส pantip.com โพสขึ้นมา หรือ เม้นท์มา

จุดอ่อนของอินเทอร์เน็ตที่แย่ที่สุด คือ ข้อมูลขาดความน่าเชื่อถือ เป็นทฤษฎีหลักอยู่แล้ว หากอยากจะเชื่อก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงหลาย ๆ อย่างประกอบกัน ซึ่งทำให้แค่พูดว่า "อาจ" เท่านั้น

ในเมื่อตาตัวเองไม่ได้เห็นกับตา หาควรเชื่อไม่

วันนั้นด้วยความรำคาญก็เลยถามว่า "เมื่อไหร่แกจะหยุดวุ่นเรื่องชาวบ้านเสียที อยากรู้อยากเห็นอยู่นั่นแหละ ยิ่งรู้มาก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ข้อมูลเต็มหัว แล้วก็ต้องเก็บมาเครียดเอง"

มันตอบด้วยอารมณ์ขุ่น ๆ ว่า "ดารา ไม่ใช่ ชาวบ้าน"

เท่านั้นแหละ ผมก็รู้เลยว่า แถ่นี่นา

ผมก็เลยตอบกลับว่า "หลักของพุทธศาสนาพุทธเขามีแค่ ตนเอง และผู้อื่น ... ดาราเป็นผู้อื่นไหม ถ้าเป็นก็ชาวบ้านนั่นแหละ"

เขาตอบกลับมาเลยว่า "ทำไมต้องเอาหลักธรรมมาพูด"

ผมก็เลยว่า "งั้นต่อไปจะไม่พูดอะไรอีกแล้วล่ะ"

คือที่พูดบอกเพื่อนให้หยุดทำแบบนี้เพราะผมเป็นห่วงนั่นแหละ ไม่อยากให้เครียดกับเรื่องคนอื่น แค่เรื่องตัวเองยังจะไปไม่รอด ยังไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นอีก

ตั้งแต่นั่นมา เพื่อนผมคนนี้ก็งอน และไม่คุยด้วยอีกเลย

 

ซึ่งผมก็ไม่รู้สึกอะไรมาก แค่รู้ว่า ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ นอกจากเจ้าตัวจะเปลี่ยนเอง ผมก็ไม่อยากจะไปยุ่งด้วยอีก เหนื่อยใจเปล่า ๆ

ไม่กี่วันต่อมา

คำว่า "นิพพานจากการอ่าน" จึงเกิดขึ้นในโลกออนไลน์แห่งหนึ่ง

 

วิเคราะห์ได้ว่า "ทุกเรื่องที่ผมพยายามบอกทางดีให้เพื่อนผมคนนี้ เขาไม่รับ เขามีวิธีคิดว่า ผมไปเอาคำพูดจากหนังสือทั้งหลายที่ผมอ่านไปสอนเขา (ที่ไหนเล่า) เขารับไม่ได้"

ซึ่งในความเป็นจริง หนังสือสำหรับผม คือ การเปิดหูเปิดตา รับฟัง รับความรู้ รับประสบการณ์จากผู้เขียนต่าง ๆ แต่หากในสถานการณ์จริง ใครจะไปเอาคำพูดในหนังสือมาใช้ได้ และจะเอามาใช้ไปทำไม มันก็ไม่เป็นตัวตนของเราดิ เราจะดีจะชั่วก็วัดได้จาก "วิธีคิด" นี่แหละ จากหัวใจและประสบการณ์ตรงของเราล้วน ๆ

เห็นคำว่า "นิพพานจากการอ่าน" ก็ยิ่งตลก คงจะเป็นไปได้อ่ะนะ

 

 

นิพพาน คือ การไม่มีกิเลสตัณหาที่จะร้อยรัดพัดกระพือให้กระวนกระวายใจ อันเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

(http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99)

 

การอ่านหนังสือได้เฉพาะปัญญา อันเกิดจากเก็บสะสมภูมิ ที่เรียกว่า ภูมิปัญญา แต่คงไม่ถึงกับ "นิพพาน" ได้หรอก

 

"การปิดใจ" ไม่รับความหวังดีดั่งยาขมของกัลยาณมิตรนั้น ทำให้เขาจะเหลือใครที่จริงใจกับเขาอีก ... เห็นรอบ ๆ ตัวตอนนี้ก็มีแต่ "บาปมิตร" ทั้งนั้น มิตรพาไปทำบาป ใจไม่สะอาดเต็มไปหมด

ทุกครั้งที่เขามีความทุกข์ใจอยากระบาย หากอยู่ใกล้ใครก็มักจะพูดทุกเรื่องราว โดยไม่คำนึงถึงว่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นของบุคคลที่สาม สี่ ห้า หรือแม้กระทั่งเพื่อนของตนเองหรือไม่

หลายครั้งได้ห้ามไว้ก่อนแล้ว แล้วก็มักจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นทุกที เพราะวุฒิภาวะไม่เหนือกว่าปากที่อยากพูดออกไป ความเสียหายเกิดขึ้นเสมอ

ดังนั้น หากจะหวังว่า จะเหลือเพื่อนดี ๆ ไว้ข้าง ๆ ก็หายากเต็มที ขนาด "มงคลชีวิต 38 ประการ" ประการแรก คือ "ไม่คบคนพาล" เลย

เพื่อนหลายคนเริ่มกลัวว่า สิ่งที่ตัวเองเคยเล่าให้ฟัง เรื่องราวจะไปตกอยู่ในมือมารทั้งหลาย เมื่อนั้นอาจจะคับขันจนเดือดร้อนกันหมด

ทุกคนจึงเริ่มปิดปากตัวเองไว้ก่อน เพราะเสี่ยงเกินไปในเรื่องความเดือดร้อนจากปากคนในภายภาคหน้า

ผมเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่า ตอนนี้ข้อมูลข่าวสารส่วนตัวไปตกอยู่ในมือ ในหัวของมารไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ

ปิดปาก ปิดหู ปิดตา น่าจะปลอดภัยกว่า 

 

แต่คิดในแง่มุม คำว่า "นิพพานจากการอ่าน" มันเป็นสโลแกนที่มีจุดขายได้เลย เช่น หากผมจะเขียนหนังสือสักเล่ม เอาชื่อนี้ไปตั้งนี่ ติดปากคนอ่านแน่ ๆ

สมกับเป็น นศ.ป.เอก แต่ไม่สม ก็เรื่องวิธีคิดนี่แหละ

 

ชีวิตผมต้องผ่านวิบากกรรมอีกเยอะ การจะให้เข้าสู่นิพพานหรือไม่นั้น ... อีกนาน

ขนาดพวกที่อยากนิพพานสุด ๆ วิ่งไปปฏิบัติธรรมโน้น นี่ ยังเห็นวิ่งกันเหมือนเดิม แต่ใจสงบ ไร้กิเลส จริงเหรอ ?

 

การอ่านหนังสือสักเล่มจึงเป็นความสุขสุด ๆ ที่ได้รับรู้มุมมองและวิธีคิดของผู้เขียนหนังสือ

แต่หาก "นิพพาน" คือ "หลับ"

งั้นผมคงพล่อยหลับ เมื่ออ่านหนังสือทุกครั้ง

 

โชคดีที่ไม่หลับไหลไปกับ "กิเลส" กองโต ที่หลาย ๆ คนกำลังหลงอยู่ ...

"ดารา" หากไม่ใช่ตัวเราเอง ก็เรียกว่า "ชาวบ้าน" นั่นแหละ จะไปยุ่งกับความทุกข์ของเขาเพื่ออะไร แค่นี้เขาก็ทุกข์แย่แล้ว ... หรือว่า เราชอบตัดสินคนจากสิ่งที่ไม่เคยเห็นกับตา ... หรือว่า เราชอบเหยียบย่ำความทุกข์ระทมของเขาให้จมดิน แล้วรู้สึกสะใจ

ระวังเถอะ ! บาปกรรมจะตามสนองคืนเร็ว ๆ นี้ ... กรรมยิ่งติดจรวดอยู่ !

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

หมายเลขบันทึก: 401689เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2010 03:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ดังนั้น หากจะหวังว่า จะเหลือเพื่อนดี ๆ ไว้ข้าง ๆ ก็หายากเต็มที ขนาด "มงคลชีวิต 38 ประการ" ประการแรก คือ "ไม่คบคนพาล" เลย

  เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการเลือกคบคน   ซึ่งจะนำพาความวุ่นวาย  ไม่รู้จักจบสิ้น 

ทุกวันนี้ที่มีปัญหามากส่วนใหญ่ก็เกิดจากคนรอบข้าง  เสียงกระทบในใจ ทำให้เราหวั่นไหว  เพราะ จิตที่ไม่นิ่ง กิเลสที่ตัดไม่ขาด ไม่อย่างนั้นคงจะพบนิพานกันทั่วหน้า 

     ขอบคุณที่นำเสนอ  อิอิ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิดเกือบ ๒๐ ประเด็นค่ะ

ขอประเด็นแรกก่อนนะคะ  "ดารา ไม่ใช่ ชาวบ้าน"  เห็นมาจากหน้าอนุทินแล้วนะคะ  ยังสงสัยอยู่ค่ะ

เมื่อวานพี่คิมดูข่าวโยบังเอิญ ดาราคนที่มีข่าวกำลังดัง "มารยาทการไหว้" ดูไม่น่ารัก ไม่สมเป็นคนไทย หรือคนที่ใคร ๆ กำลังให้ความสนใจเลยนะคะ  ไหว้แบบ "ขอไปที" ไม่ทราบว่า "มีความเข้าใจความหมายของการไหว้" หรือเปล่า  เด็กอื่นอาจจะอาเป็นเยี่ยงอย่างการไหว้ แต่เด็กทีพี่คิมสอนนั้น "ไม่ค่ะ" เพราะเราเคยบอกเขาแล้วว่า "การไหว้หมายถึงการแสดงความเคารพโดยวัฒนธรรมที่แสดงความเราเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์"

ประเด็นอื่นเก็บไว้ก่อนนะคะ  ตามด้วยประเด็นสุดท้าย "วิบากกรรม" แค่คิดอกุศลก็เกิดกรรมขึ้นในความคิด ในใจแล้วนะคะ  หลายครั้งก็สงสัยว่า "ทำไมเขาคิดได้แค่นั้น" ย้อนมองไปที่การศึกษา  มหาวิทยาลัยเติบโตขึ้นเป็นดอกเห็ด  ขยายสาขา มีตัวแทนไปหาคนมาเข้าเรียนเหมือนขายประกันหรือขายตรงเลยค่ะ  และยังมีลดราคาค่าเรียนอีกด้วย...คิดได้แค่นี้อีกละ ฮา ๆ ๆ ๆ

 

นิพพาน นิพพาน ต้องคัดหลายรอบ เดี๋ยวลืมค่ะ อิอิ

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ ;)...

นิพพาน นิพพาน นิพพาน แต่ไม่ นิพพาล ;)

การรับอะไรที่มากเกินไปจะทำให้ใจที่ไม่นิ่งของเราฟุ้งซ่านไงครับ

จึงต้องเตือนเพื่อนด้วยความหวังดีไป เพียงแต่ว่าเขารับไม่ได้เท่านั้นเอง

ประเด็นแรก "การไหว้" เป็นเรื่องจริงครับสำหรับการไหว้ที่ไหว้เพียงแต่ยกมือ เด็กที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ต้องสอนเหมือนกัน ไหว้แล้วตากับหน้าไปคนละทาง ไหว้ไม่ได้มีเรื่องยาว ;)

ประเด็นสุดท้าย "ระบบความคิดจากการเรียน" ก็เรื่องจริงอีก ผมยังคุยกับเพื่อนอีกคนเลยว่า ก่อนไปเรียน กับ กลับมาทำงานนี่ ต่างกันมาก ปัญญาแทนที่จะมากขึ้น กับยิ่งเรียน ยิ่งลดลง แต่กลับใช้อารมณ์มากขึ้น

เหมือนไปปฏิบัติธรรมครับ ตอนไปคงเข้ากระบวนการดี แต่ตอนกลับมาไม่ได้นำมาใช้เลย เหมือนเดิม

บัวอยู่ใต้ตมฉันใด หากไม่โผล่มาเอง ใครจะไปดึง คงไม่ยอม ครับ

ขอบคุณมากครับ พี่ครูคิม ยายคิม ;)

สวัสดีค่ะ

เอาหน้าตาของสามก๊กฉบับคนรุ่นใหม่มาให้ดูค่ะ  อ่านแล้วก็สมกับชื่อหนังสือค่ะ  เป็นภาษารุ่นใหม่เยาวชนน่าอ่านค่ะ

แต่พี่คิมชอบสำนวนของยาขอบค่ะ  ส่วนของเจ้าพระยาพระคลังหน อ่านรู้เรื่องยาก แต่จะอ่านอีกครั้งค่ะ

ขอบคุณมากครับ พี่ครูคิม ยายคิม ... น่าสนใจเวอร์ชั่นนี้นะครับ

ผมชอบ "สามก๊กฉบับเรืองวิทยาคม" ครับ 6 เล่มหนา ๆ

พบครั้งแรกที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยทางเชียงราย

แต่หาซื้อไม่ได้ครับ นอกจากไฟล์จากเว็บไซต์ผู้เขียนเอง

แต่ก็ไม่ชอบอ่านผ่านหน้าจอ อยากนอนอ่านครับ

หากพบ แจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ชอบจริง ๆ เลย ;)

สวัสดีค่ะ

สามก๊กฉบับเรืองวิทยาคม  น่าสนใจนะคะ  หากเจอแล้วจะส่งข่าวนะคะ  พี่คิมจะหามาอ่านให้ครบค่ะ "จะได้รู้ว่าไม่มีคนคบ"  เพราะอ่านมาเกิน ๓ จบแล้ว

ชอบมากคือ "สุมาอี้คนชั่วช้าของแผ่นดิน"

พี่ครูคิม ครับ

ผมขอแก้ไขชื่อหนังสือ เป็น "สามก๊กฉบับคนขายชาติ โดย เรืองวิทยาคม" ครับ ;) จำสับสนไป

ลองดาวน์โหลดไปอ่านที่ http://www.manager.co.th/home/samkok.asp 

เออ สนใจแต่แหล่งข้อมูล ไม่สนใจสีนะครับ ;)

ขอบคุณครับ

จ้ะเอ๋อ.เสือ ธรรมดาแต่ว่าไฮเทค เทียบเชิญไปติชมฝีมือคนหัวใจไฮเทค จับภาพโบราณ http://gotoknow.org/blog/lanandaman/404423 สมัยเมื่ออยู่อิสาน วัด ณ ศรีสะเกษค่ะ .. อิ่ม รำ มือเย็นนะเจ้า ;) แฟนพันธุ์แทะ มาแยะๆ เผื่อไว้ เกรงต่อไปจะไม่ว่าง ๕ ๕

สวัสดีค่ะ

โหลดออกมาอ่านก็ได้นะคะ  หากเราไม่ต้องการเก็บหนังสือ  ที่เดียวกันมีรายละเอียดครบทุกตอนค่ะ อ่านวันละ ๕ ตอน  ประมาณ ๒ เดือนจบค่ะ

http://www.thaisamkok.com/samkok-konkhaichat.shtml

โปรดว่างสำหรับการมาแทะครับ คุณ poo ;)...

พี่ครูคิม ยายคิม ;) ...

นี่เค้าเรียกว่า หนังสือเสียง แล้วล่ะครับ ฟังแบบไม่ต้องอ่านกัน

655 ตอนเท่านั้นเอง ;)

ขอบคุณครับ

ขอบคุณ ท่าน ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ ;)...

จริงๆ การหาความสุขง่ายๆจากการอ่าน เเละนิพพาน(หากเรียกเเบบนี้) ได้ตรงนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยครับ

เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

ผมคิดถึงหลัก "กาลามสูตร" เลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท