และแล้วก็ติดลมบน จนต้องมาเขียนบันทึกที่ ๒ ต่อจากเรื่องเก่าที่ต้องการนำมาเล่าต่อ หลังจากเมื่อวานได้จัดกิจกรรมฐานเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่บรรดาครู วันนี้ได้ลงมือรังสรรค์กิจกรรมค่าย English Camp ให้กับนักเรียนประถมชุดเดียวกันกับเมื่อวานด้วยตนเอง พร้อมกับ ดร.ขจิต(แกนนำ), น้องกล้วยไข่, น้องพอ, น้องปิ๋มและน้องนุ่น

      ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยชีวิตยามเช้า ตรู่ ตรู่ ผู้เขียนเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาการงัวเงียเล็กน้อย เพราะ ดร.ขจิต ปลุกตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ทั้งๆที่กิจกรรมเริ่มเกือบ ๙ โมงนู่น และเมื่อคืนเจอผีจับขาอีก (อยากรู้คือไรหลังไมค์) ไม่พอยังได้ตื่นตากับข้าวต้มแยกส่วน ที่แยกน้ำซุปกับข้าวออกจากกัน เพิ่งเคยได้เห็นในรอบ ๒๒ ปี รสชาติอร่อยมาก เมื่อจัดการกับอาหารเช้าจนท้องบวมเป่ง ก็รีบมาเตรียมดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ที่มารอตั้งแต่ ๗ โมงเช้า(มาเปิดประตูโรงเรียนหรอหนู??) กิจกรรมของวันนี้เริ่มต้นด้วยการเตรียมความพร้อม โดยการเล่นกิจกรรมประกอบท่าทางเพลง Deep and Wide เนื้อเพลงมีดังนี้

"Deep and Wide – Deep and Wide

There’s a fountain falling deep and wide

Deep and Wide – Deep and wide

There’s a fountain falling deep and wide" (2 times)

     กิจกรรมนี้เรียกเสียงฮาและทำให้เด็กๆตื่นตัวได้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่เด็กได้ยืดเส้นยืดสายตามรูปแบบของ TPR หลังจาก Deep ๆ Wide ๆ ก็ถึงเวลาของกิจกรรม Boat Fighting ที่ ดร.ขจิต ประยุกต์ให้เหมาะกับสภาพผู้เรียนและขนาดของห้องทำกิจกรรมที่ใหญ่มากกกก ดร.เปลี่ยนจากการนั่งเป็นกลุ่มอย่างที่เคยทำๆมาเป็นให้นั่งเป็นแถว โดยเด็กๆในแต่ละแถวจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ อีกครั้งหนึ่ง และมีประโยคที่ต้องพูดแตกต่างกันออกไป creative and suitable มาก ผู้เขียนสังเกตกิจกรรม boat fighting ว่าสามารถทำให้เด็กๆเริ่มจดจ่อมากขึ้นแถมได้ฝึกการทำงานเป็นทีม(Team Work)+ฝึกความพร้อมเพรียง

      เมื่อเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่กิจกรรมหลัก ซึ่งได้แก่ การบรรจุศัพท์ลงสมองเด็กๆ เมื่อคืนตอนประชุมวางแผนงานผู้เขียนนำเสนอให้ใช้ jigsaw method กับกิจกรรมนี้ โดยแบ่งเด็กๆ เป็นกลุ่ม(home group) คละชั้นเรียนและเพศและให้สมาชิกของแต่ละกลุ่มไปศึกษาคำศัพท์ในหมวดต่างๆตาม expert group(เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนนำสิ่งที่อาจารย์สอนมาให้จริงๆจังๆเสียที) โดยคำศัพท์ที่เลือกจะเป็นศัพท์พื้นฐานที่สอดคล้องกับบริบทในสังคมสระยายโสม เช่น อาชีพที่มีในชุมชน สัตว์ที่พบเห็นได้ etc. จุดเด่นของ กิจกรรมนี้ยังส่งเสริมให้เด็กได้เพิ่มเพื่อน มีทักษะทางสังคมเพิ่มขึ้น รู้จักร่วมงานกับบุคคลหน้าแปลก เอ้ย แปลกหน้า

     "Teaching Vocabularies using Jigsaw Technique"

       ในส่วนของผู้เขียนรับผิดชอบหมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Rooms โดยสอนศัพท์ผ่านเกม hang man เห็นเด็กๆตั้งใจหาคำตอบแล้วรู้สึกปลื้มใจมากมาย หลายคนเปิด dict หรือกระทั่งเดินไปถามพี่ๆกลุ่มอื่น  หลังจากที่ให้หาคำตอบก็ฝึกการออกเสียง ตอนสอนข้าพเจ้าใช้เทคนิคที่ได้มาจากรายการ “โทรทัศน์ครู” คือการเน้นเสียงเบาบ้าง ดังบ้าง กระซิบบ้าง เป็น technique ที่ทำให้เด็กตื่นเต้นและดึงความสนใจได้มากเลยทีเดียว (จริงๆนะ) เมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนก็ทำการทดสอบ Spelling Test ด่านนี้เล่นเด็กเกือบม้วยมรณา บางคนถึงกับเครียดไปเลย ล้อเล่น

      กิจกรรมนี้กินเวลาค่อนข้างมาก ทำไปทำมาก็เที่ยงพอดี ก่อนปล่อยไปรับประทานอาหารกลางวัน มีกิจกรรมส่งท้ายคือ baby, knight and King ผลตอบรับของกิจกรรมนี้ดีมาก เด็กสนใจดีมาก สงสัยเด็กจะชอบอะไรๆที่สุดโต่งละมั้ง ภาคบ่าย เริ่มลัลล้าด้วย Chinese boxing เด็กๆค่อนข้างสร้างสรรค์ มาก ต่อจากการรำ เป็นกิจกรรม hammer, scissors and paper เด็กๆแย่งกันเป่ายิ้งฉุบจนทำใหแอร์ในห้องร้อนไปถนัดตา กิจกรรมนี้ก็ทำให้เด็กๆรู้คำศัพท์มากขึ้น เสร็จจากกิจกรรมนี้ ดร. พาเล่นเกม Occupation โดยให้เด็กๆลุกขึ้นทำท่าทางตามคำสั่งแล้วนั่งเร็วให้เร็วกว่าความเร็วแสง (???)คำศัพท์ที่ใช้ เช่น policeman, ticket collectors, boat sailor, Li-Ke โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบกิจกรรมนี้มาก เพราะนอกจากจะฝึกฝนศัพท์ยังฝึกให้เด็กฝึกโสตประสาท และมีการสอดแทรกการแสดงพื้นบ้านไทยอีกด้วย 

        กิจกรรมส่งท้ายก่อน say Good Bye คือ ให้ผู้เรียนประมวลคำศัพท์ที่ได้เรียนตอนเช้าเป็นกลุ่มๆที่ได้มาจาก expert group เมื่อเช้า เห็นเด็กช่วยกันคิดอย่างจริงจัง บางกลุ่มเกือบถึงขั้นทะเลาะซะแล้ว คณะทำงานได้ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง แต่ละคนยิ้มแก้มปริแทบหุบไม่ลง เพราะบางกลุ่มสามารถจำศัพท์ได้มากกว่า ๕๐ คำ –สุดยอด!!

       Birds in the nest เป็นกิจกรรมส่งท้ายจริงๆ ที่จัดให้กับเด็กๆ เล่นเอาทั้งเด็กทั้งวิทยากรเวียนศีรษะกันไปตามๆกัน แต่กิจกรรมก็ผ่านไปได้ด้วยดี ได้ฝึกฟัง ฝึกศัพท์และทักษะทางสังคม

      ก่อนจะจบบันทึก อยากบอกว่า วันนี้รู้สึกว่าตนเอง เป็น celeb เด็กๆ ต่อแถวขอลายเซ็น รู้สึกแปลกๆแต่ก็ชอบ ถามเด็กคนหนึ่งว่า “เอาไปทำไมนี่” เขาตอบว่า “เอาไว้ดูเวลาคึดถึง” ได้ฟังแล้วซึ้งมาก --- ขอให้ตอนไปฝึกสอนเป็นแบบนี้เถอะ สาธุ ---- see you

"Chinese Boxing"