สวนโมกข์เสวนาสัญจร เมื่อวันที่ 30 ส.ค.49 จัดที่ห้องประชุมสารนิเทศ หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหัวข้อ "พุทธศาสนากับการท้าทายของโลกสมัยใหม่" มี ศ. ดร. โดนัลด์ สแวเร่อร์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาศาสนาโลก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นผู้แสดงปาฐกถานำ
ผมขอนำความประทับใจของผมมาเล่า จะไม่บันทึกเรื่องราวทั้งหมด
1. ผมประทับใจในความอ่อนน้อมถ่อมตนของ ศ. ดอน สแวเร่อร์ และความสามารถในการพูดภาษาไทยของท่าน
ผมจับความว่า ศ. ดอน สแวเร่อร์ ต้องการสื่อว่าการท้าทายของโลกสมัยใหม่คือ การปะทะกันระหว่างกระแสโลกาภิวัตน์ กับกระแสลัทธิบูชาศาสนาของตน ซึ่งคำสอนของท่านพุทธทาสที่เป็นธรรมะแบบใจกว้าง ยอมรับและก้าวข้ามความแตกต่างไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว มองลึกลงไปเห็นหัวใจของทุกศาสนาเป็นสิ่งเดียวกัน จะช่วยแก้ปัญหาความเกลียดชังที่กำลังครองโลกอยู่ในปัจจุบัน
ย้ำว่านี่เป็นการตีความของผมนะครับ
2. ผมประทับใจข้อแลกเปลี่ยนของคุณหญิงจำนงศรี รัตนิน หาญเจนลักษณ์ ที่เล่าประสบการณ์คำสอนของท่านพุทธทาส ที่สอนแบบเซน หรือ "สอนแบบไม่สอน" แก่คุณหญิง
คุณหญิงเล่าว่า สมัยที่ท่านต้องทนทุกข์และสับสนในชีวิตและรู้สึกว่าตนต้องทนทุกข์จากการกระทำ ได้ไปกราบท่านพุทธทาสและถามท่านว่า ตนจะสามารถให้อภัยจากการที่ถูกกระทำได้อย่างไร ท่านพุทธทาสตอบว่า "ก็อย่าไปเบียดเบียนเขาซี" ซึ่งทำให้คุณหญิงโกรธมากว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ แล้วจะเป็นผู้เบียดเบียนผู้อื่นได้อย่างไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความโกรธคลายลง มีเวลาใคร่ครวญ จึงเข้าใจว่าท่านพุทธทาสตอบด้วยภาษาธรรม คุณหญิงเกิดความเข้าใจว่าความรู้สึกเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์ เกิดจากความคิดว่าตนถูกกระทำ เกิดจากการตีความในใจ เมื่อเลิกคิดตีความ ความทุกข์ความเดือดร้อนก็หายไป
ผมคิดว่านี่คือ "เรื่องเล่า" ที่ดีที่สุดในการเสวนาวันนั้น
3. ผมประทับใจคำกล่าวของ ศ. นพ. ประเวศ วะสี ว่าท่านพุทธทาสสอนว่าวิกฤตในโลกนี้ไม่มีทางแก้ได้ด้วยอย่างอื่น นอกจากโลกุตรธรรม
ท่านพุทธทาสเป็นผู้นำโลกุตรธรรมที่สังคมไทยและสังคมพุทธลืมหรือละเลยไปแล้วกลับมาสอนใหม่ เป็นโลกุตรธรรมที่ใช้ได้ในชีวิตทางโลก
"โลกุตรโอสถ เป็นยาสามัญประจำบ้าน" คือคำที่ผมประทับใจที่สุด
โลกุตรธรรมเป็นธรรมเหนือโลกแต่อยู่ในตัวเรา อยู่ในชีวิตประจำวัน
โลกต้องการจิตสำนึกใหม่ที่ก้าวข้ามศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้เข้าถึงความจริงคือ ความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้ใจกว้าง
ธรรมะที่จะช่วยแก้ปัญหาของโลกปัจจุบันคือ อัปริหานิยธรรมหรือนิพพานธรรม เป็นธรรมะแห่งการรวมตัว สร้างจิตสำนึกใหม่เพื่อการอยู่ร่วมกัน
ท่านอาจารย์โพธิ์ (พระภาวนาโพธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล หรือสวนโมกขพลาราม กล่าวปิดการเสวนา นพ. บัญชา พงษ์พานิช นั่งอยู่ข้างๆ (เสื้อขาว)
ศ. ดอน สแวเรอร์ และ รศ. ดร. สุวรรณา สถาอานันท์ ผู้แปลและร่วมเสวนา
ศ. นพ. ประเวศ วะสี กำลังเสวนา โลกุตรธรรมเป็นยาสามัญประจำบ้าน
บรรยากาศในห้องเสวนา พระภิกษุคือ ท่าน ว. วชิรเมธี
วิจารณ์ พานิช
31 ส.ค.49
ขอบพระคุณมากครับ
เคารพและเลื่อมใสศรัทธาท่านพุทธทาสมาโดยตลอด และขออนุโมทนากับคณะวิทยากรและคณะผู้จัดการประชุม