(ภาพการเสนอผลงานที่มันจะอะไรปานนั้น..เอามาจากBlog ครูวุฒิ)
เมื่อวานนี้หลังจากชงเรื่องการศึกษา แล้วแวบหายไปทำอย่างอื่น ไม่ได้เยี่ยมกรายมาใกล้สนามG2K จนกระทั้งตอนเย็นถึงได้มาเปิดอ่าน อ่านแล้วนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาขออนุญาตออกความเห็นเพิ่มเป็นครั้งสุดท้าย ..พบว่ามีการเตะลูกเข้าโกลแบบพับสนามเล่น ผู้รักษาประตูฝ่ายตรงกันข้ามรับลูกจนหัวใจช้ำเลือดช้ำหนอง เป็นอย่างที่คุณหมอชอบวิ่งลงความเห็นไว้ ดังที่ยกมาข้างล่างนี้
ปัญหาการศึกษาแก้ไขไม่ได้ข้อแรก เพราะคนไทย หมายถึงผู้ปกครองไม่พูด ประชาชนคนไทยไม่พูด ถ้าวันใดที่คนใช้บริการการศึกษาลุกขึ้นมาบอกรัฐบาลบอกรัฐมนตรี หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกันอย่างเอาจริงเอาจัง อาจจะรวมตัวกันเดินขบวนด้วยก็ได้ถ้ายื่นหนังสือกันมาทั้งประเทศแล้วไม่เป็นผล หรือถ้าเจรจากันดีๆตามขั้นตอนต่างๆไม่ได้รับการแก้ไข เขียนป้ายติดตามสี่แยกในบ้านในเมืองว่า เราไม่ต้องการระบบการศึกษาแบบนี้ ขอให้แก้ไข 1-2-3-4-5 ข้อสอง เขาห้ามเขียนเรื่องการเมือง นักการเมือง พรรคการเมือง จึงละเว้นไว้ฐานเข้าใจ
บอกไปเลยว่าไม่ไหวแล้ว เสียเงินเสียทองไปมากแล้ว ลูกหลานเรียนจบไปไม่มีงานทำ บัณฑิตไม่มีคุณภาพ ทำงานไม่เป็น เกิดค่านิยมหลงกระดาษมากกว่าที่จะมีความรู้จริง บ้านผมรับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษ1ตำแหน่ง มีคนมาสอบพันกว่าคน แล้วยังจะดันทุรังจัดการศึกษาแบบทุนหายกำไรหดอยู่อีกหรือ เลิกบ่นกระจองอแงเสียที ต้องเอาเรื่องนี้ออกมาสู่เวทีสาธารณะ พวกเก่งกฎหมายก็ควรจะทำการฟ้องร้องรัฐบาล ที่ไม่สามารถบริหารการศึกษาให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ประเทศนี้ให้ความสำคัญการศึกษาน้อยกว่าเรื่องอื่นตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาแล้วละ
(เห็นภาพนี้แล้วสงสารและเวทนาครูเป็นบ้าเลยละครับ ช่างทำกับครูได้ลงคอ)
ครูบาอาจารย์เองก็ควรจะพูดเช่นกัน ถ้าจะให้จัดการเรียนการสอนดีขึ้น มีมาตรฐานมีคุณภาพ รัฐบาลต้องจัดอะไรให้สถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาให้พร้อมมูลกว่านี้ เช่น จำนวนครูที่เพียงพอ ครูได้สอนตรงตามวุฒิที่เรียนมา อุปกรณ์ สื่อต่างๆ ห้องเรียน สวัสดิ์การครู จัดให้ครูได้รับการฝึกอบรมทักษะใหม่ๆ เลิกวิธีให้ทำผลงานโหลๆ ต้องทิ้งเด็กไปเสียเวลากับการล่าวิทยฐานะปลอมๆ (เป็นประเทศที่ครูมีแผนการสอนมากที่สุดในโลก) อะไรที่จำเป็นต่อการอำนวยการเรียนการสอน คุณครูไล่เลียงลงไปตามลำดับ ใช้เหตุผลอธิบายว่าถ้ารัฐฯจัดระบบการศึกษาแบบชักหน้าไม่ถึงหลังอย่างที่เป็นอยู่นี้ คุณครูไม่สามารถสอนให้เด็กเป็นคนดีได้ ถ้าไม่เชื่อ..รัฐมนตรี หรือนักบริหารการศึกษาที่อยู่ในกระทรวงมาสอนให้ดูสักเทอมก็ได้นะ
บางคนก็บอกว่ายากที่จะงัดปากให้คนไทยพูด วัฒนธรรมไทยจะไม่ชนอะไรตรงๆ ชอบแอบบ่นอุบอิบข้างหลัง บางคนก็มองว่าธุระไม่ใช่ หาทางแก้ไขไปตามศักยภาพของแต่ละคน ระบบการศึกษาไทยจึงตลกอยู่อย่างนี้ บางทีปัญหาแบบล้างบาง เช่นการแก้ไขนโยบายหรือกฎหมาย หรือแก้ไขระบบอะไรใหม่ๆ เขาจะอาศัยช่วงที่เกิดวิฤติของชาติ เช่น การแพ้สงครามโลกของเยอรมัน หรือญี่ปุ่น ทำให้คนในชาติหันมามองปัญหาส่วนรวม ระดมสมองจะสะสางกวาดล้างขยะทั้งหลายลงตะกร้า แล้วลงมือยกร่างระเบียบใหม่ๆที่สามารถสร้างความก้าวหน้านำมาปฏิบัติ เป็นการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
แต่ดูๆแล้ววิกฤติที่ว่านี้ไม่รู้จะเกิดกับประเทศไทยตอนไหน เพราะไม่มีน้ำยาที่จะไปหาเรื่องใคร พม่า ญวน เขาก็เลิกรบกับเราแล้ว สิงค์โปร เกาหลี ฮ่องกง เขาไปโลดแล้ว มีแต่Thailand นี่แหละ ที่งมโข่งไปไม่ถึงไหน ลูกหลานไทยตกอยู่ในอาการโคม่า ครูไทยหัวใจบูดอยากจะเออรี่ฯวันละ3เวลาหลังอาหาร ระบบการศึกษาเน่าแล้วเน่าอีก
อ่านที่ท่านทั้งหลายลงความเห็นกันมา อย่างเช่นธุรกิจการศึกษาอะไรนั่น ก็มีส่วนถูกแต่มันเป็นหมายเหตุปลายแถว ไม่ว่ากันหรอกถ้าทำธุรกิจแล้วมันเป็นผลดีต่อส่วนรวมบ้าง กำไรเท่าไหร่ก็เอาไป อย่างน้อยก็คงจะถูกกว่าขนเงินออกไปเรียนนอกประเทศ อยากให้จัดการศึกษาในประเทศนี่แหละ ทำเป็นตัวอย่างจริงๆอย่างเต็มที่ เรียนไม่ดี เรียนไม่เต็มที่ ห้ามจบ!! อย่าซูเอี๋ยกัน ตรงไปตรงมาอย่างนี้แหละ อาจจะยากเย็นแสนเข็ญในตอนแรก ต่อเมื่อความจริงปรากฏเป็นที่ยอมรับ คนไทยก็จะหลั่งไหลมาเรียนเอง ประเทศนี้ต้องการมหาวิทยาลัยที่สอนจริงๆเป็นตัวอย่างสักแห่งหนึ่ง ถ้าเกิดขึ้นไม่ได้ ก็คงต้องรอให้น้ำท่วมโลกโน่นแหละ ช้าหรือเร็วก็ต้องไปถามคนไร้กรอบ โน่น
สวัสดีครับท่านครู
สบายดีไหมครับ ผมอยากให้น้ำท่วมใจมากกว่า จะได้กลายเป็นน้ำใจครับ...น้ำท่วมใจไว้ซักพัก ก็อาจจะกลายเป็นการดองใจ น้ำที่ใช้ในการดองนั้น อาจจะเรียกว่าน้ำใจ เผื่อเอาไปใช้รดการศึกษาให้เจริญงอกงามฟื้นกันต่อไปครับ
สิ่งที่ผมเห็นกองหนังสือนั้น ผมคิดถึงต้นไม้ก่อนเลยครับ
แล้วก็เกิดคำถามต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์จากต้นไม้เหล่านี้ จะไปวางไว้ที่ไหน....ในลำดับต่อไป....
ขอบพระคุณมากครับ
สวัสดียามเช้าค่ะครูบาฯ...ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
คิดถึงเสมอค่ะ
สวัสดีค่ะพ่อครูฯ
ทุกวันนี้ ครูหลาย ๆ คน อยู่แบบน้ำท่วมปาก อยากพูด ก็พูดไม่ได้ เขาให้ทำอะไรก็ทำ
ครูที่โรงเรียนลูกสาว ทำทุกอย่างตั้งแต่ภารโรง ยันครู
ไหนจะต้องมานั่งเสียเวลา ทำเอกสาร ประเมินโน่น ประเมินนี่ แทนที่จะเอาเวลามานั่งคิด นั่งหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสอนเด็ก ๆ แทนที่จะให้อ่าน ให้เรียนเฉพาะในตำรา
ดีใจหลายที่จะได้ต้อนลับ ท่าน
เอาแบบสบายๆเหมือนคนรู้ใจมาเจอกัน
จะเติมฝันให้เฟื่องกลับไปเมืองพิษณุโลกเลยเชียว
..เรื่องสังคม ไปป่วนยาก ทำเรื่องของเราเอง สร้างโลกเราเอง อยากทำอะไรก็ทดๆๆๆลองๆๆๆสนุกไปวันๆ เรื่องใหญ่ๆนั่งมองไกลๆห่างๆ เว้นแต่วันไหนร้อนวิชาขึ้นมา ก็แวบไปหาให้เขามั่นใส้บ้าง จะได้มานอนยิ้ม อิอิ
ผมชอบมากๆ เลย ที่ ใครสักคน เคยบอกว่า
ภ้าเรา ยกเลิก การศึกษาในระบบทิ้ง ไปให้หมด การศึกษาไทยเจริญเติบโตแน่นอน
เห็นภาพแบบนี้ ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น กับ การบริหารการศึกษา ทั้งโลก ? ผู้บริหาร โง่ แกล้งโง่ หรือ แสบ !!!
ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าครูเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะ ก้ไม่พูดออกไปดังๆ เขียนจดหมายไปถึงเจ้ากระทรวงบ้าง ลงหนังสือพิมพ์บ้าง ทำบัญชีหางว่าวบ้าง
จะไห้พวกบ้าอำนาจ เห็นว่าการออกกฏเกณฑ์ที่ตลกๆมาให้ครูทำนั้น มันไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง ยิ่งครูเสี่ยงตายทางใต้ด้วยแล้วยิ่งน่าคิด..
สงสัยว่าจะหาเด็กมาเรียนแบบใหม่ลองดู จะมีเด็กที่มีใจอยากจะเรียนเพื่อให้มีความรู้จริงๆไหมนี่
บันทึกของท่านครูบาฉบับนี้รู้สึกเหมือนได้ยาแรง แต่ขม (ขื่น) รู้สึกอะไรหลาย ๆ อย่าง