โรงเรียนของครูอ้อย ขออนุญาตใช้คำว่า "ของ" เพราะสอนที่นี่มาหลายปีแล้ว
รักในสถาบันแห่งนี้ พยายามทำชื่อเสียงให้แก่สถาบันตลอดมา
อาจจะไม่เข้าหูใครบ้าง ก็ต้องทนและศึกษากันบ้าง เป็นความเท็จจริงแค่ไหน ไม่ว่ากัน
เปิดประเด็นในวันนี้ คือ ปิดภาคเรียน...ทำอะไรให้โรงเรียนดีนะ ฉุกคิดขึ้นมาเมื่อครูอ้อยจอดรถ ก้าวเท้าลงจากรถ และมองโรงเรียนโดยรอบที่กำลังพัฒนาด้านอาคารสถานที่และบริบท
ครูอ้อยอาจจะช่วยโรงเรียนในด้านอาคารสถานที่ไม่ได้ ซึ่งต้องนี้สำคัญมากในสายตาของฝ่ายบริหาร
แต่โรงเรียนต้องพัฒนาไปทุกด้านพร้อมๆกัน ซึ่งงานวิชาการก็เป็นหัวใจของโรงเรียน ไม่ใช่หรือ
งานที่ครูอ้อยทำ ส่วนใหญ่จะแอบๆทำ เช่น งานเอกสาร ไม่สามารถมาตั้งโต๊ะทำทีกลางสนามให้ฝ่ายบริหารเห็นได้
ดังนั้นการทำงานเอกสารในห้อง ก็เหมือนกับการแอบๆทำนั่นล่ะ
แต่ฝ่ายบริหารอาจจะมองว่า ทำงานส่วนตัว คิดได้ค่ะ เพราะครูอ้อยกำลังเรียนอยู่ด้วย คุณมีสิทธิคิดได้ อย่าว่ากัน
หากจะว่ากัน คุณก็มาเรียน ตามหลังครูอ้อยซิคะ
ครูอ้อยมีสิ่งที่จะทำให้แก่โรงเรียนมากมาย ซึ่งสิ่งที่จะทำนั้น อาจจะไม่โชว์ออฟ(ประกาศ) และไม่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัดเจน ต้องศึกษาให้ถ่องแท้กันก่อนค่อยว่ากัน(ลับหลัง)
ในสถานะที่เป็นครูผู้สอน ครูอ้อยมีวิจัยที่ค้างไว้หลายเรื่อง จะจบหรือไม่ขึ้นอยู่กับเวลาและพลังใจ และผลงานทางวิชาการเกี่ยวกับการประเมินผลนักเรียน
ในสถานะเป็นหัวหน้ากลุ่มฯ ครูอ้อยมีแนวดำเนินการที่เป็นแนวคิดค้นขึ้นมาใหม่ของครูอ้อย ตลอดจนวิจัยในเชิงนิเทศ
ปิดภาคเรียนนี้ ครูอ้อยก็มีภารกิจที่ชัดเจน คือ เรียน กับ ทำงานให้โรงเรียน
และภารกิจที่ไม่ชัดเจน คือ การไปเยี่ยมครอบครัวใหญ่
เมื่อนั่งอยู่ในโรงเรียน มองดูโดยรอบแล้ว โรงเรียนไม่ใช่ของครูอ้อยคนเดียวก็จริงอยู่ คนที่อยู่ในโรงเรียนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการพัฒนา ท่านมาอยู่ในโรงเรียน มีจุดประสงค์เดียวกันคือการมาประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพและครอบครัว
แต่นอกเหนือกว่านั้น ครูอ้อยไม่อาจจะพูดได้ว่า ใครทำ ใครไม่ทำ
คราวนี้ก็มาดูที่ผลงาน ที่เป็นรูปธรรม ที่ไม่ต้องโอ้อวด และสาธยาย
มาชั่งน้ำหนักว่า ใครรักโรงเรียนมากกว่ากัน ยุติธรรมหรือยัง
สวัสดีค่ะ คุณ Bright Lily
ขอบคุณค่ะ
แปลงความรักเป็นรูปธรรมนี่ ตีความวุ่นวายเลยค่ะ
เอาเรื่องหนึ่งมาเล่าค่ะ เป็นบทสนทนาเรื่องรักษาประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ซึ่งเป็นข้อหนึ่งของหน้าที่ค่ะ
"มันต้องไปร่วมงานประเพณีที่คณะจัดทุกครั้ง อย่างงานสงกรานต์ ต้องไปร่วมเดินในขบวน"
"อื้อ..ไม่เอา ไปเดินให้คนสาดน้ำกลับมาไม่สบาย"
"งั้นต้องแต่งชุดผ้าไทยทุกวันศุกร์"
"ทำไมต้องบังคับด้วย ทุกวันนี้แต่งตัวไม่แหวกหน้าแหวกหลังก็ดีกว่าชุดไทยผ้าซิ่นแต่แหวกสูงเห็นไปถึงไหนๆ"
....เสียงบุคคลที่สามแทรก...
"นี่ๆๆ.ไม่ต้องไปเดิน ไม่ต้องแต่งตัวชุดไทยหรอก..แค่เวลามีงานศพญาติเจ้าหน้าที่น่ะ มีน้ำใจไปร่วมให้เห็นๆ หน่อยซิ งานไม่เอาหน้าน่ะ..ทำกันเป็นไหม"
...วงแตกค่ะ...อิอิ
สวัสดีค่ะ คุณจันทรรัตน์
มีคนถามครูอ้อยว่า " นี่หรือที่เธอว่าเธอรักโรงเรียน"
ครูอ้อยไม่เถียง ไม่พูด
แล้วคอยอ่านบันทึกล่อแหลมจากครูอ้อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ