ประสบการณ์ อ่าน เขียน แปล กระบวนทัศน์ใหม่ (8)


คืนที่สอง ตกผลึกกระบวนทัศน์ใหม่

เรื่องราวที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง จมลงไปสู่มหาสมุทร theta คลื่นใต้น้ำขยับช้าๆ เยือกเย็น แฝงพลังมหาศาลจากน้ำปิง อ่าวไทย ไปออกมหาสมุทรแปซิฟิก เชื่อมโยงแอตแลนติก อินเดีย ช่องแคบมะละกา บรรจบอ่าวไทย ผ่านเรื่องราวอีกมากมาย ดูดซับความไพศาลของ ocean of delta ย้อนกลับมาหาเซลล์ต้นกำเนิดอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องราว "อันมี" พลัง / เรื่องราว "มี" พลัง

เรามักจะแสวงหาเรื่องราว "อันมี" พลัง แต่ถ้าหากเราคิดดูให้ลึกซึ้ง ที่จริงทุกเรื่องราว "มี" พลังทั้งสิ้น จะมีมากหรือน้อยขึ้นกับความสนใจ ใคร่ครวญ การ "ให้" น้ำหนัก ให้คุณค่า ของคนประเมิน มีกี่ครั้งที่เรารู้สึกถึงความ "ไร้สาระ" หาความน่าสนใจไม่ได้เลยในบางเรื่องราว ทำไมหนอ คนๆหนึ่งอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิต solve ปัญหาอะไรอยู่เป็นสิบๆปี เมื่อสองสามปีที่แล้ว ก็มีข่าวคน crack สมการที่หลงเหลืออยู่ของ Isaac Newton ได้อีกหนึ่งสมการ ใช้เวลาไปหย่อมใหญ่ของศตวรรษ (ตูว่ามันท่าจะบ้ารึเปล่า?) เป็นพลังชีวิตที่คนอื่นคงไม่เข้าใจได้ง่ายๆ

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรา "เข้าใจ"?

เจได วฆ เล่าว่าพระศากยมุนีตรัสต่อพญามารว่า "เรารู้จักเจ้า" (ท่านคงไม่ได้พูดภาษาไทย พวกเราเข้าใจตรงกันนะครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้ภาษาสันสกฤต) แค่นั้นพญามารก็พ่ายแพ้ไป กฤษณมูรติแนะนำการเผชิญต่อความตาย การเผชิญต่อความทุกข์โดยการ Make an enquiry ทำจิตเปิด และใคร่ครวญ บัณฑิตที่รับฟังถามท่านกฤษณมูรติต่อว่า ใคร่ครวญแล้วยังไงต่อ? ท่านบอกว่าแค่นั้นแหละ แค่เราหยุด แล้ว มอง ใคร่ครวญ ก็เป็นหนทางต่อการเผชิญหน้าสิ่งเหล่านี้ได้ บางทีตัว กระบวนการ ก็เป็นคำตอบในตัวของมันเอง เหมือนที่ Aristotle พยายามบอก สอน เล่า ว่า goodness นั้น อยู่ที่การทำดี ไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์ ไม่ได้อยู่ที่ output แต่เป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ หวังดี ปราถนาดี คิดชอบ กระทำชอบ

คืนนี้โยดาชวนกันแลกเปลี่ยนกัน ว่า "กระบวนทัศน์ใหม่คืออะไร อย่างไร?"

กลุ่ม 3 คนเมื่อเช้า รวมกันกลายเป็นกลุ่ม 6 คน ในที่สุดกลุ่ม 6 คนรวมกันเป็นกลุ่ม 32 คนอีกครั้ง Collective Thought ค่อยๆ "ผุดบังเกิด" ต่อหน้าต่อตาบรรดา Padawan หรือ Apprentice อีกครั้งหนึ่ง

อาจารย์ประสาทดูจะเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเมื่อเช้า ตอนที่เริ่มได้การบ้านอันทรมานใจ มีสัญญานเป็นนัยในบทเพลงเข้าบทเรียน สะกดพี่วิธาน ต้องเดินไปนั่งฟังข้างๆ เฝ้าชมกีตาร์ อ.ประสาท ประสานสำเนียงกับกีตาร์พี่กิจจา รุก รับ ขับ ขาน เย้า แหย่ แผ่ พาน ผัน เวียน เปลี่ยน แปลง แสร้ง หยอก หลอก ล่อ  ขอ ให้ ได้ หล่อเลี้ยง เสียง สั่น หวั่น ไหว สะเทือน สะท้อน สะทก สะท้าน ใจ ดูเหมือนพี่วิธานอาจจะเจออะไรดีๆ พร้อมๆกับอ.ประสาทก็เป็นได้

กลุ่ม อ.ประสาท เล่าก่อนด้วยเรื่องมหัศจรรย์แห่งการรับรู้ เจ้าหนุ่มขี่รถเครื่องบรื่นๆบนถนนชนบท สักพักมีอีสาวขี่รถเครื่องบรื๋อมาเทียบข้าง พลางตะโกน

"...... ควาย !!! "

แล้วก็เบี่ยงรถผละออกไปอย่างรวดเร็ว

ไอ้หนุ่มรถซิ่ง "จี๊ด" ขึ้นมาทันที (สำนวนพี่วิธาน ทุกคนลงมติว่าเวลาพูดว่า "จี๊ด" เป็นคำที่ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม .... เอ้อ.... จนกระทั่งมาเจอหนุ่มศรชัย จากนครสวรรค์ เธอคิดว่า "จี๊ด" แปลว่า "จี๊ด จ๊าด ซาบ ซ่า ชื่นใจ แทน!!!) รีบบิดคันเร่ง กวดอีสาวให้ทัน พอเทียบข้างก็ตะโกน

"อีแร่ดดดด !!! "

ไม่ทันขาดคำ รถไอ้หนุ่มซิ่ง ก็เสยตูมเข้าไปกลางตัวเจ้าถึกตัวใหญ่นอนขวางทางบนถนนพอดี !!

อ.ประสาทสรุปสั้นๆว่า กระบวนทัศน์ใหม่นั้นคือการมองควายเป็นควาย อย่าพยายามเปลี่ยนเป็นแรด หรือพยายามขี่รถเครื่องตามสาวเด็ดขาด!!

ท่านเจได วฆ ยกประเด็นน่าสนใจ ตอน อนาคิน สกายวอคเกอร์ สนทนากับเสนาบดีพาลเพไทน์นั้น อนาคินไม่ได้ถูกหลอก หรือถูกใช้ให้มีเจตนาชั่วร้ายอะไรเลย การที่มีคนเสนอ One Empire แทนที่จะเป็น Republic ก็เพื่อความสงบสุข เพียงแต่อาจจะต้องแลกมาด้วยการเสียสละอะไรไปเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เจตนาดี แต่วิธี? อย่างนี้จะเป็น goodness อยู่หรือไม่?

เกิดปิ๊งแวบขึ้นมา (Intuition)

 
in·tu·i·tion       (ĭn'tōō-ĭsh'ən, -tyōō-)  Pronunciation Key  n.  
    1. The act or faculty of knowing or sensing without the use of rational processes; immediate cognition. See Synonyms at reason.
    2. Knowledge gained by the use of this faculty; a perceptive insight.
  1. A sense of something not evident or deducible; an impression.

    [Middle English intuicioun, insight, from Late Latin intuitiō, intuitiōn-, a looking at, from Latin intuitus, a look, from past participle of intuērī, to look at, contemplate : in-, on; see in-2 + tuērī, to look at.]

    in'tu·i'tion·al adj., in'tu·i'tion·al·ly adv
(Download Now or Buy the Book)
The American Heritage® Dictionary of the English Language, Fourth Edition
Copyright © 2000 by Houghton Mifflin Company.
Published by Houghton Mifflin Company. All rights reserved.

จำได้ว่าเคยอ่าน series นิยายวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่ง ชอบมาก คือชุด สถาบันสถาปนา (The Foundation Series) ตอนนั้นประชากรโลกขยายตัวไปอาศัยอยู่ทั่วกาแลกซีทางช้างเผือก มีจำนวนถึงล้านยกกำลังสี่ ทุกคนลืมไปหมดแล้วว่าครั้งหนึ่งคนอยู่บน planet แค่ planet เดียว เหตุการณ์ผ่านไปโดยไม่มีใครสังเกตว่าภาพรวมใหญ่อะไรกำลังจะเกิดขึ้น เมืองหลวงคือ Transtore ก็กำลังบริหารจากศูนย์กลางกาแลกซี มองอะไรรอบนอกไม่เห็น หรือไม่สนใจ หรือไม่อาจจะมีเวลาพอจะสนใจ จนกระทั่งนักคณิตศาสตร์คนหนึ่งชื่อ ฮาริ เซลดอน ตั้งสมการสังคมอันลึกล้ำ คำนวณได้แน่นอนว่าอาณาจักรมนุษยชาติกำลังจะล่มสลาย และไม่มีอะไรจะขวางกั้นได้ มีแต่ทำอะไรสักอย่างที่จะป้องกันไม่ให้อนารยยุคที่กำลังมาถึงอยู่นานถึง 30,000 ปี ลดลงให้เหลือแค่ 1,000 ปี ที่จะฟื้นฟูใหม่

ระบบที่คิดค้น ปรากฏว่าเป็น mastermind ของหุ่นยนต์คู่มวลมนุษยชาติ แดเนียล โอลิวอร์ ที่ได้รับถ่ายทอดพลังจิตอ่านใจคนได้จากหุ่นยนต์อีกตัวหนึ่งชื่อจิสการ์ด อาศับกฏของหุ่นยนต์ข้อที่ศูนย์ คือ หุ่นยนต์จะไม่ทำการใดๆ หรือนิ่งเฉย ที่ทำให้มนุษยชาติเป็นอันตราย มวลมนุษย์ถูกดูแลโดยหุ่นยนต์แม่นมอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น แต่แล้วแผน 1000 ปี ของฮาริ เซลดอน ก็ถูกรบกวนโดยคลื่นพลังธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นพลังจาก planet ทั้ง planet จากหินทุกก้อน แม่น้ำทุกสาย ชีวิตทุกชีวิตใหญ่เล็ก ทั้งหมดสานความ "เป็น" ด้วยกัน ลึกล้ำ ถ่ายทอดถึงกันและกัน มนุษย์จะอยู่รอดต่อไปก็ต้องเลือกระหว่างสองทาง คือ 1) ควบคุมลับๆด้วยหุ่นยนต์แม่นมต่อไป หรือ 2) วิวัฒน์ต่อโดยกระบวนการแห่งชีวิต

คนที่ตัดสินใจ เป็นคนที่มีบุคลิกประหลาด และคุณสมบัติสำคัญคือ "ตัดสินใจถูกเสมอ เพราะ intuition"

ด้วยความหนักใจ คนตัดสินเลยไปนั่งเคาะคอมพิวเตอร์ ดูปูมประวัติ ดูการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาในรอบหลายพัน หลายหมื่นปี ก่อนจักรวาล เดินหน้า ถอยหลัง ดูอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพิ่ม speed ในการดู เร็วขึ้นๆ จนตัดสินใจได้

 จักรวาลนั้นก็เหมือนสิ่งมีชีวิต การเคลือ่นที่ เคลื่อนไหว เสมือนสัตว์มหึมา ขยายหนวด คืบระยาง แสวงหาอะไรสักอย่างหนึ่ง อยู่ตลอดเวลา เต็มไปด้วยพลัง ความหวัง และเหนืออื่นใดคือ อิสระในความคิด ในปัญญา แสวงหาความเป็นไป แสวงหาจุดหมาย แสวงหาความหมายของตนเอง

ดูแล้ว กระบวนทัศน์ใหม่ หรือกระบวนทัศน์ที่น่าจะตรงกับ purpose of life มากที่สุด ก็ควรจะเป็นกระบวนทัศน์ที่ สะท้อนชีวิต สะท้อนความหมายชีวิต สะท้อนความเป็น ความอยู่ เพื่อชีวิต

 

หมายเลขบันทึก: 82848เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2007 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 05:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านแล้วก็ให้ขำมุข "...... ควาย !!! " มากๆ

สาเหตุเป็นเพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจนี่เอง

คันฉ่องนกไฟ ....

เข้ามาเยี่ยม....

คุณโยมเล่าเรื่องชวนอ่าน (สำหรับอาตมา)

สรุปว่า อ่านเล่นๆ ได้...

เจริญพร

คุณ bunpot  P ครับ

และที่สื่อสารกันไม่เข้าใจก็เพราะคนขี่ "คิด" ไว้ก่อนว่าถ้ามีคนพูดถึงควายเมื่อไหร่ น่าจะเป็นการพูดถึงเขาเองก่อนด้วยครับ

นมัสการ BM. chaiwut P ครับ

ขอบพระคุณครับ ยิ่งอ่านเล่นยิ่งดีครับ alpha brain wave เปิด ยิ่งรับได้มากขึ้น

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท