วันนี้เป็นวันที่ผมแปลกใจตัวเองมาก ๆ เลยครับ ว่าทำไมวันนี้จะคิดอะไรจะเขียนอะไรได้เหมือนดั่งใจนึกเหมือนอย่างที่เคยเป็นเช่นในอดีต
สงสัยคงเป็นเพราะได้ "ศรัทธา" กลับคืนมาหลังจากที่ได้สนทนาธรรมกับ Dr.Ka-poom เมื่อคืนที่ผ่านมา
เผอิญเมื่อสักครู่นี้เข้าไปตอบความคิดเห็นของคุณ nidnoi ในบันทึกเรื่องเทคนิคของการแทรกรูปภาพในบันทึกแล้วนึกถึงเรื่องพลังที่สถิตย์อยู่ในตัวพวกเรานั้นมาจากไหน พลังความรู้ และพลังแห่งปัญญา ของทุก ๆ คนในประเทศ ที่เมื่อก่อนจะถูกจำกัดอยู่แค่วงวิชาการ นักวิชาการอย่างเดียวเท่านั้นที่พูดได้
แต่ทุกวันนี้ทุก ๆ คนสามารถแสดงพลังที่สถิตย์อยู่ในตัวเองเหล่านั้นเปล่งประกายเจิดจรัสและเจิดจ้าออกมาได้อย่างน่าทึ่งและสวยงาม
เหมือนกับพลังแห่ง "เจดาย" ในเรื่อง Star wars นักรบที่มีพลังสถิตย์อยู่ใน มีพลังซ่อนลึกอยู่ภายในร่างกายและจิตใจ
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ Blogger ใน G2K แห่งนี้ที่มีพลังลึกลับซ่อนเร้นอยู่อย่างมากมาย ที่พร้อมจะระเบิดออกมาอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์กับส่วนรวมอย่างเอนกอนันต์
นักสู้ ที่มิได้มีปืน ไม่ได้มีเครื่องบิน รถถัง เรือดำน้ำ มีเพียงแค่มีดดาบเพียงเล่มเดียวที่สามารถต่อกรกับอาวุธนานา ๆ ชนิด
ทำให้หวนนึกถึงครั้งที่ Gun Boat หรือเรือปืนที่ทำให้ฝรั่งมังค่า เข้ามาบุกยึดประเทศเราสมัยก่อนรวมถึงอีกหลาย ๆ ประเทศที่หวาดเกรงและเกรงกลัวต่อเรือปืนเหล่านี้จนทำหลายหลาย ๆ ประเทศต้องตกเป็นเมืองขึ้น ก็เพียงเพราะ "เรือปืน" เหล่านี้
"เรือปืน" อาวุธที่ทรงอานุภาพเมื่อครั้งยุคล่าอาณานิคม
เราแพ้เขาด้วย "เรือปืน" จริง ๆ หรือ?
แล้วปัจจุบันเขาไม่ได้ใช้เรือปืนอีกแล้ว แต่ประเทศเราทำไมเสมือนตกเป็นเมืองขึ้นเขาอีกแล้วล่ะ
"เมืองขึ้นทางการศึกษา"
"เมืองขึ้นทางความคิดและจิตวิญญาณ"
บ้านเมืองเราจะเดินไปทางไหน จะทำอะไร ต้องคอยเมียคอยมองฝรั่งมังค่า
ต้องคอยมองว่าพี่ใหญ่ พวกประเทศที่เจริญแล้วเขาจะทำอย่างไร ก็เพียงเพราะเราไม่มีเรือปืนเหมือนกับเขา
เรือปืนแห่งเทคโนโลยี
เทคโนโลยีที่เข้ามาครอบครองช่องว่างต่าง ๆ ทางสังคม เข้ามาครอบครองพื้นที่ภายในหัวสมอง แนวคิดและจิตวิญญาณของเรา
เข้ามาทีละนิด ทีละนิด
จนทุกวันนี้ เราแทบไม่รู้ว่า มีอณูใดในแผ่นดินไทยที่ยังมิได้ตกเป็นเมืองขึ้นของคนที่ไม่ใช่ "คนไทย" อีกหรือเปล่า
แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับเขาล่ะ?
เรือปืน หรือเทคโนโลยี
จะเอาไปสู้เขาได้อย่างไร เพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ เราก็เอาของเขาเข้ามาหมดทั้งดุ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางการศึกษา
แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?
ผมยังจำได้เสมอ เมื่อครั้งที่ได้ดูหนังเรื่อง "ทวิภพ" เมื่อครั้งที่สร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งล่าสุด
ครั้นเมื่อพระเอกได้นำนางเอกเข้าไปยัง ห้องเก็บศาสตราวุธของสยามในขณะนั้น
ซึ่งเมื่อนางเอกเข้าไปแล้วก็พบว่า ศาสตราวุธเหล่านั้นก็คือ "หนังสือ"
และตามมาด้วยประโยคที่ว่า "คนไทยอ่านหนังสือเพียงแค่ปีละ 7 บรรทัด" เป็นประโยคที่สะท้อนใจและแสดงให้เห็นปัญหาที่เราต้องเป็นเมืองไทยทางอารยธรรมและเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว
แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้กับเขาล่ะ? คำถามที่ต้องถามย้ำเสมอ เมื่อมีการกล่าวถึงปัญหาและสาเหตุ
จะเอามีดดาบไปสู้รบปรบมือกับเรือปืนและเทคโนโลยีของเขาเหรอ?
ใช่แล้วครับ
แต่มีดดาบนั้นจะต้องมีพลังแห่งความรู้และปัญญาสถิตย์อยู่อย่างแรงกล้า
เป็นศาสตราวุธที่มีศรัทธาในความเป็นไทย ศรัทธาในองค์ความรู้และภูมิปัญญาของเราสถิตย์อยู่ในทุก ๆ อณูของเนื้อดาบ
นักสู้บ้านบางระจัน บูรพมหากษัตราธิราชย์หลายพระองค์ใช้ดาบเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับอริยราชศัตรู เพื่อรักษาพื้นแผ่นดินไทยแห่งนี้ให้เราอยู่สืบต่อกันมาตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน
พระยาพิชัยดาบหัก แห่งเมืองพิชัย อุตรดิตถ์ ต่อสู้จนดาบหัก ก็เพราะปกป้องผืนดินที่ที่เรียกว่าสยามหรือไทยในปัจจุบันนี้มาเพื่อพวกเรา
ให้เราได้อยู่ได้อาศัย ได้ความสุขกายสบายใจอยู่ทุกวันนี้
เรามาร่วมกันนำดาบเหล่านั้นมาตีใหม่ หลอมใหม่ หล่อหลอมด้วยปัญญา
เปรียบเสมือนที่พวกเรา Blogger ทุก ๆ คน กำลังหล่อหลอมดาบเล่มใหม่นั้น
ดาบที่ทรงอานุภาพและประสิทธิภาพอันใหญ่ยิ่ง
ดาบที่คนไทยจับได้อย่างเหมาะมือ
ดาบที่เหมาะสมกับมือแบบไทย ๆ ของเรา
ช่วยกันฝึกฝนวิถีแห่งความเป็น "เจดาย"
ฝึกฝนความมี "ศรัทธา" ศรัทธาในตนเอง ศรัทธาในความเป็นไทย ศรัทธาในความถูกต้อง ศรัทธาในความดีงาม
ศรัทธาที่อยู่บนฐานของ "ศีล สติ สมาธิ และปัญญา"
จากนั้นรวมกันหยิบดาบแห่งปัญญาเล่มนี้ขึ้นมา
ดาบและผู้ใช้รวมกันเป็นหนึ่ง
ตัวหนังสือในบันทึกและ Blogger รวมกันเป็นหนึ่ง
ลุกขึ้นฟาดฟันความไม่ถูกต้อง ความไม่ดีงาม สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาทำลายประเทศของเราทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมทั้งจากภายในและภายนอก ยามศึกเรารบ ยามสงบเราสร้าง เพื่อร่วมกันฟื้นฟูบูรณะความเป็นไทยให้มั่นคงและยืนอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
( ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://www.starwars.com)
เราแทบไม่รู้ว่า มีอณูใดในแผ่นดินไทยที่ยังมิได้ตกเป็นเมืองขึ้นของคนที่ไม่ใช่ "คนไทย" อีกหรือเปล่า
คุณปภังกร...ใช้คำว่าสนทนาธรรมเลยเหรอคะ...
กะปุ๋มยังไม่บรรลุขนาดนั้นนะคะ...
แต่ที่เราคุยกันนั้น...
เป็นการคุยถึงระดับจิตวิญญาณ...ที่ฝังแน่นอยู่ในตัวบุคคล...และบุคคลนั้นพร้อมที่จะร่วมมือในการดึงกลับแห่งพลังจิตวิญญาณ (Spiritual) ที่ตนมีอยู่...
ซึ่งคุณปภังกร...ก็มีมากมายอยู่แล้วในตัวเอง...หากเพียงความเหนื่อย...และสภาพทางอารมณ์มาบดบังไว้เพียงชั่วคราว...กะปุ๋มเพียงช่วยสะกิดให้คุณหันไปมองกระจก...เพราะมันอาจจะฝ้าไปด้วยเหตุปัจจัยรอบนอก...และสุดท้ายคุณก็สามารถดึงตัวตนแห่งตัวเองกลับมา...ด้วยความศรัทธาแห่งจิตวิญญาณนั้น...
....
ซึ่งหนึ่งที่กะปุ๋มเชื่อว่า...คุณสามารถดึงกลับมาได้เร็วเพราะ...ความตั้งมั่นในสิ่งที่ดีงาม...ในศีล-ธรรม ที่มีอยู่ในตัวตน กะปุ๋มเชื่อเช่นนั้นนะคะ...หากเรามีศีลธรรม...ย่อมจะทำให้จิตเราผ่องใส...และมีพลังมากมายในชีวิต...