ผมได้รับคำปรึกษาจากแผนกศัลยกรรมให้ไปช่วยดูแลผู้ป่วยหญิงสูงอายุท่านหนึ่ง อายุประมาณ 70 ปี เป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่ กระจายไปยังตับ เคยได้รับการผ่าตัดลำใส้ไปแล้ว+ให้เคมีบำบัดไปได้ 1 ครั้งผู้ป่วยไม่สามารถรับได้ อาการที่ทำให้ผู้ป่วยในขณะที่มา รพ. ด้วยอาการปวดท้องบริเวณก้อน ผมกับทีมได้ไปเยี่ยมบ้าน
ครั้งแรกที่ผมไปบ้านผู้ป่วย ผมได้พบกับคุณป้านั่งอยู่หน้าบ้านกับลุงสูงอายุท่านหนึ่ง ท่าทางผู้ป่วยดูอิดโรย มีขาบวมมีสาวพม่าที่จ้างมาช่วยดูแลผู้ป่วยนั่งประคองผู้ป่วยอยู่ไม่ห่าง ส่วนคุณลุงนั่งอยู่บนเตียงผ้าใบมองคุณป้าด้วยสายตาเป็นห่วง บรรยากาศในบ้านดูเงียบและอึดอัด
ผมแนะนำตัวเองว่าเป็นหมอเยี่ยมบ้าน มาเยี่ยมดูอาการคุณป้า คุณป้าทำหน้างงๆ (สงสัยคงไม่เคยได้ยินว่ามีหมอประเภทนี้อยู่ในโลกนี้)
ผม" ป้ากลับจาก รพ.ได้กี่วันแล้ว"
ผู้ป่วยเงี่ยบ
สามีตอบแทน"กลับมาได้ 5 วันแล้วหมอ ยายนอนไม่ได้เลย บ่นเหนื่อย กับขาบวม" สีหน้าดูเป็นห่วง
ผม "แล้วป้ามีปวดท้องไหมครับ" (ผมทบทวนปัญหาที่เขาปรึกษา)
ลุง "ไม่ปวดแล้วละ หมอพูดดังหน่อย ยายหูไม่ค่อยดี"
ผมเลยถึงบางอ้อว่าทำไมป้าเงียบจัง ฮา...ฮา ผมเร่งเสียงจาก volume 3 ไป 5 แล้วหันไปคุยกับป้าใหม่
ผม "ตอนนี้ป้าเป็นยังไงดี"
ป้า "ป้าจะหายไหมหมอ" (คำถามแรกก็ทำผมอึ้งไปเลย)
ผม "ป้าทราบไหมว่าป้าไม่สบายเป็นอะไร"
ป้า "เหนื่อย เบื่อ เดินไม่ไหว"
ผม "ป้าอยากให้ผมช่วยอะไรบ้าง"
ป้า "อยากกินได้ อยากเดิน"
ลุง "สมัยก่อนยายเป็นคนแข็งแรงอยู่ไม่สุข ชอบทำนู่นทำนี่ ปีนต้นไม้ยังได้ ตั้งแต่ป่วยมา 3 เดือนผอมไปเยอะ "
ผมเข้าใจทันทีว่าคนที่ไม่เคยป่วย ทำอะไรได้มากมายจนอายุ 70 ปี อยู่ดีๆก็มาป่วย ผมไม่แน่ใจว่าญาติได้บอกผู้ป่วยหรือยังว่าเป็นโรคอะไร คุยกับลุงทราบว่า ลูกสาวผู้ป่วยเป็นครู รร.อนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อำเภอแม่สอด
ผมตรวจร่างกาย+ดูประวัติจาก OPD card ผู้ป่วยมีโรคเดิมเป็นหัวใจวายคิดว่า น่าจะบวมจากเส้นเลือดดำใหญ่ที่ท้องอุดตัน (IVC obstruction)+หัวใจวาย
ผมดูจากสีหน้าลุงแล้วดูกังวลเลยถามลุงว่า
ผม "ลุงเป็นไงบ้าง"
ลุง "อยู่กันมา 50 ปี ไม่เคยป่วยหนักขนาดนี้"
ผม "ลุงห่วงป้ามากใช่ไหม"
ลุงเงียบซักพัก "คนรุ่นเดียวกับผมตายไปหลายคน เห็นป้าแล้วก็อดนึกไม่ได้"
คำพูดนี้บอกถึงสัญญาณบางอย่าง ผมยังไม่ทันถามต่อ ลูกสาวก็กลับมาจากโรงเรียนพอดี
ลูกสาวเล่าให้ผมฟังว่า แม่ถามตลอดว่าตัวเองเป็นอะไร "ถ้าหายจะรักษา ถ้าไม่หายก็ขอตายดีกว่า" เป็นเหตุให้ลูกสาวไม่กล้าบอกว่าแม่เป็นอย่างไร
ผมเข้าใจจากที่คุยกันมารับรู้ได้ว่า
1.ป้าทรมานและอยากจะหายจากอาการที่ทุกทรมาน
2.ลุงซึมเศร้าจากการที่กำลังจะสูญเสียคนที่อยู่ด้วยกันมากว่า 50 ปี
3.ลูกสาวทุกข์จากการที่ต้องทั้งทำงาน+ดูแลผู้ป่วย+อึดอัดกับการที่ไม่กล้าบอกความจริงกับผู้ป่วย
ผมบอกคุณป้าว่า "ผมจะพยายามช่วยดูแลป้า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด เรื่องบวมอาจดีขึ้นได้บ้าง"(ผมคิดว่ารักษา heart failure ก่อนและวางแผนว่าจะคุยกับคุณป้าเรื่องที่คุณป้าอยากรู้เมื่อ อาการบวมดีขึ้น
ผมประเมินว่า ผู้ป่วยอาจจะยังรับข่าวร้ายไม่ได้ในขณะนี้ เนื่องจากอาการทุกข์ทรมานมากจนไม่สามารถมีสติในการรับความทุกข์นี้ได้ ผมให้ความมั่นใจกับผู้ป่วย ไม่ว่าจะหายหรือไม่ก็จะยังดูแลผู้ป่วย
ผมวางแผนให้พยาบาลเยี่ยมบ้านติดตาม case นี้ทุก 3 วัน
"ทุกข์จะหนักเพียงใด ก็อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว เราสามารถช่วยเขาได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด"
เจอกันใหม่ตอน 2 ครับ
ตามเข้ามาอ่าน
ขอบคุณนะคะ ได้เล่าสิ่งที่คุณหมอทำ
ทำให้ได้เรียนรู้มากมายค่ะ
ทุกวันทีมเรา จะพบปัญหาต่างๆเหล่านี้
จะได้แลกเปลี่ยนในโอกาสต่อไปค่ะ
ขอบคุณคุณอุบลที่ติดตามครับ และโอกาสหน้าคงได้แลกเปลี่ยนเรื่องดีๆกันนะครับ