อานิสงส์ของการทำงานให้บรรลุเป้าหมายโดยใช้ความรู้เป็นเครื่องมืออย่างที่พูดกันว่าทำ KM มันมีมากเหลือเชื่อจริงๆครับ
รูปคุณจันทนา หงษา มูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี
ผมได้ฟังเรื่องนี้จากคุณจันทนา หงษา มูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี พูดในวันแถลงข่าวงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 3 ที่ สคส.จัดขึ้นที่อาคารเอสเอ็มทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2549 ว่าถึงขนาดที่ว่าสามารถยกระดับคนที่ทำ องค์กร หรือหน่วยงานที่ทำให้มีความสำคัญขึ้นมา ทำให้สังคมหรือใครๆหันมาสนใจหรือหันมามอง โดยที่เปรียบเทียบว่าเหมือนกับทำให้ช้างตัวใหญ่หันมามองมดตัวเล็กๆได้ ท่านพูดเรื่องนี้หลังจากที่ท่านได้เล่าประสบการณ์การทำงานของมูลนิธิข้าวขวัญ ว่าทุกกิจกรรมของมูลนิธิได้ใช้ความรู้อย่างไร ค้นพบความรู้มือหนึ่งอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะหลักสูตรการทำนาระดับอนุบาล ระดับมัธยม หรือระดับอุดมศึกษา
ผมฟังแล้วผมรู้สึกชอบมากๆกับข้อความที่คุณจันทนาพูดเปรียบเทียบว่าการทำงานแนวจัดการความรู้นี้ทำให้คนทำ องค์กรที่ทำมีคุณค่า มีความหมาย หรือมีความสำคัญขึ้น เป็นประเด็นสำคัญมากที่ผมคิดว่าสื่อมวลชนที่ร่วมในวันแถลงข่าววันนั้นจะได้นำคำสำคัญนี้ไปสร้างความเข้าใจขยายเผยแพร่กับสังคมในวงกว้าง สื่ออย่างนี้ไปบ่อยๆ สื่อไปแรงๆ โหม หรือกระพือแนวทางนี้กันมากๆ ก็จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ได้บริโภคความรู้มือหนึ่ง เป็นสังคมอุดมปัญญา เป็นสังคมเรียนรู้ แลกเปลี่ยนกันทั้งความรู้มือหนึ่งและความรู้มือสอง ไม่รังเกียจกันอย่างเพื่อนเรียนรู้
นับว่าการสร้างความรู้มือหนึ่งอย่างที่คุณจันทนา หงษา สร้างได้ แล้วมาแบ่งปันกันนี้ เป็นสิ่งที่ควรแก่การเรียนรู้ ขับเคลื่อนเครือข่าย KM ประเทศไทยได้แน่นอน อย่าลืมไปพบเธอและทีมผู้สร้างความรู้มือหนึ่งได้ในงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2549 ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค นะครับ
ครับคุณโอ๋ อยากให้ทุกคนเห็นคุณค่าของตนเอง จัดการกับตนเองให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ...ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยียน เติมกำลังใจให้เสมอมา