(ภาพเคลื่อนไหวสามมิติ จากโปรแกรม Virtual Cloud 3D จากภาพดาวเทียมในช่วงวันที่ 11-14 เมษายน 2550)
สวัสดีค่ะ คุณเม้ง
เป็นข้อมูลใหม่จริงๆ ค่ะ ดิฉันยังคิดเลยว่าเป็นเพราะปริมาณน้ำที่ตกในช่วงนั้น ไม่ได้คิดว่าเขื่อนธรรมชาติแตก ถ้าเป็นเหตุการณ์แบบนี้จริง คงต้องมีการสำรวจ และ clearing เป็นระยะๆ นอกเหนือจากระบบเตือนภัย
น่าเห็นใจคนที่ประสบเหตุมากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังนะคะ
สวัสดีครับท่านอาจารย์
สวัสดีครับคุณสิทธิรักษ์
พี่ก็ว่าเป็นข้อมูลใหม่ และน่าสนใจ น่าที่จะส่งให้ทางราชการผู้รับผิดชอบทราบและคิดอ่านป้องกันต่อไป
สุดยอดข้อมูลเลยน้องเม้งครับ
ดีครับพี่เม้ง
ผมเสียใจเมื่อทราบข่าว
ทำไมประเทศไทยวันที่ 14 จึงมีเหตุการณ์ร้ายเป็นประจำ
สวัสดีครับพี่แอมป์
สวัสดีครับพี่บางทราย
สวัสดีครับน้อง
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
ตอนที่ทราบข่าวก็เศร้าใจ..และสงสัยมาตลอดว่าเพราะอะไร จนถึงตอนนี้ถึงทราบว่าเกิดจากเศษไม้ที่ขวางทางน้ำ ร่วมกับปริมาณน้ำฝน
ปัญหา..นำไปสู่หนทางแก้ไขและเฝ้าระวังได้อย่างดีเลยนะคะ ( ปัญญา )..ถ้ารู้จัก " ค้นหา " ปัญหานั้น
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
สวัสดีครับท่านทั้งหลาย
เห็นน้องเม้งรายงานบรรยายข่าวเรื่องน้ำป่าไหลหลากที่ จ.ตรังว่า "ตามรายงานข่าว เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต" ก็เลยทำให้เกิดข้องใจว่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดมาแล้วหลายครั้งครับ หนักสุดๆ ก็หมู่บ้านคีรีววง อ.ลานสกา จ.นครฯ เมื่อ กันยายน 2531 ที่เกิดพร้อมๆ กันที่กะทูน อ.พิปูน จ.นครฯ เหมือนกัน โดยที่กะทูนเกิดจากภูเขาถล่ม ส่วนคีรีวง เกิดจากน้ำป่าทลัก อีกครั้งนึงก็ 25 ก.ย. 2537 ที่ วังตะไคร้ จ.นครนายก ครั้งนั้นตายไป 18 คน ซึ่งที่วังตะไคร้ครั้งนั้นเกิดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ และประชาชนเป็นจำนวนมาก หลังเหตุร้าย จ.นครนายกจัดคณะขึ้นสำรวจต้นน้ำเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ แล้วพบว่า
เกิดจากกระแสน้ำพัดเอาเศษดิน ใบไม้ มาทับถมอุดตันช่องทางน้ำบนเขาใหญ่ จนเกิดช่องแคบๆ ทำให้น้ำไหลได้น้อยส่วนด้านบนก็กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดย่อมๆ จนเมื่อฝนกระหน่ำลงมามากๆ เศษดิน เศษไม้ต้านกระแสน้ำไม่ไหว ทำให้น้ำทะลัก ถล่ม ทลาย กลายเป็นน้ำป่าที่คร่าชีวิตคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไป 18 ศพ
ส่วนการที่มีผู้ออกมาแสดงความเห็นเห็นเย่อะแยะ เรื่องติดตั้งระบบเตือนภัยนั้น คิดว่าคงยากครับ เนื่องจากน้ำตกของทางภาคใต้นั้นมีมากเหลือเกิน แค่ นครฯ จังหวัดเดียวมีน้ำตกมากกว่า 10 แห่ง แต่ละแห่งก็เกิดจากการรวมตัวของลำหัวยที่อยู่บนภูเขาหลายลำห้วย (เคยขึ้นไปสำรวจด้านบนของน้ำตกโยง อ.ทุ่งสง กับ น้ำตกกะโรม อ.ลานสกา ) ซึ่งถ้าจะติดตั้งเครื่องเตือนภัยก็ต้องติดทุกลำห้วย เพราะเราไม่รู้ว่าตอนนั้นลำห้วยไหนที่มีน้ำกำลังเอ่อล้นพร้อมที่จะระเบิดเป็น ทรึนามิน้อยอยู่มั่ง เพราะถ้าติดมามาติดรวมอยู่ที่ปากปล่องน้ำตก ไม่มีทางที่จะหนีทันเนื่องจากน้ำมาแรง และเร็วมาก อีกทั้งเครื่องเตือนภัยราคาก็คงจะไม่น้อยเหมือนกัน ดีที่สุดผมว่าน่ะ ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝน หรือ ฝนตกติดต่อกันหลายวันก็อย่าไปเที่ยวเลยน้ำตกน่ะ เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมาก็จะเป็นข้ออ้างของเจ้าหน้าที่ว่า เจ้าหน้าที่ไม่พอ เครื่องมือไม่พร้อมทำให้ตายฟรีๆ เอาได้น่ะ เพราะว่าตอนที่วังตะไคร้น่ะ เกิดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ มีเครื่องมือกู้ภัย และ เสื้อชูชีพ แต่ก็ยังตายกันมากเนื่องจากน้ำป่ามันมาเร็ว และ แรง จริงๆ ฉนั้นทางที่ดี หาที่เที่ยวอื่นที่มีความเสี่ยงน้ำกว่า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในชีวิตของเราครับ
สวัสดีครับพี่แดง