Morpheus:  I imagine that right now you're feeling a bit like Alice, tumbling down the rabbit hole, hm?

Morpheus: You take the red pill, you stay in Wonderland, and I show you how deep the rabbit hole goes. Remember, all I'm offering is the truth, nothing more.

แล้วคุณจะรู้ว่าโพรงกระต่ายลึกแค่ไหน : Down the Rabbit Hole 

ความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องเหนือธรรมชาติที่ประสบด้วยตนเอง การแสวงหาความจริงของธรรมชาติ จะนำไปสู่คำตอบของคำถาม

ศรัทธาที่แปลว่าง่ายๆว่า"สนใจ" จะเป็นกุญแจแรกที่นำไปสู่ประตูของคำตอบ  

ความสุขในโพรงกระต่าย

ความสุขใดๆไม่เท่าสุขในธรรม หากเรายังยึดติดกับความสุขทางโลกที่เป็นเหยื่อล่อของกิเลสชิ้นเล็กๆน้อยๆ เราจะไม่มีวันที่ได้พบความสุขอันดีกว่าและปราณีตกว่าในทางธรรมได้เลย

ความสุขแบบต่างๆ

ความสุขระดับต่างๆ

ความสุขในโพรงกระต่ายนั้นเป็นอย่างไร?

มันมีความสุขเช่นนี้ด้วยหรือ? สุขที่เหนือสุขใดๆในโลก  สุขที่มากกว่าการได้อยู่กับคนรัก สุขที่มากกว่าเซกส์ สุขที่เหนือจากการเสพกามทั้งหลาย

ความสุขที่ปราณีตกว่าขั้นต้นนี้ หนึ่งในความสุขนั้นเรียกว่าปิติ อาจเกิดได้ทั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ และเกิดได้จากการทำสมาธิและวิปัสสนา 

ปิติ ความอิ่มใจ   คือ     ปิตินี้เกิดขึ้นได้หลายอย่าง  อาจเป็นทั้งความสุข หรือความอิ่มใจ และอาจจะรู้สึกธรรมดา  แล้วแต่อารมณ์ของแต่ละบุคคล  บางทีก็สุขเบ่าๆ ปิตินี้มี 5 ชนิด คือ

•  ขุททกาปิติ  ปิติเล็กน้อย ทำให้คนลุกชูชัน ขนหัวลุกพองขึ้น บางครั้ง  หมือนมดหรือไรมาไต่ตอม  แต่อาจเกิดขึ้นเล็กน้อยแล้วหายไป
• ขณิกปิติ    เหมือนกับสายฟ้าแลบแปล๊บเดียวก็ลับไปจากสายตาแล้ว เกิดขึ้นเล้กน้อยแล้วหายไป
• โอกกันติกาปิติ   ปิติเป็นพักๆ  คือ มีลักาณะเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง บางทีทำให้ตัวหมุน บางทีเหมือนแผ่นดินผลิก เกิดขึ้นแล้วก็จางหายไป บางทีก็ทำให้ตัวโอนเอน โคลงเคลง บางทีเหมือนตกหล่มลงไป บางคนนั่งเนื้อตัวกระตุก อาจถึงกับสั่นไปทั่งตัว เกิดความรำคาญขึ้นได้
• อุพเพงคาปิติ  ปิติโลดโผน ทำให้ตัวเบา บางทีลอยตัวขึ้น บางทีลอยขึ้นเหนือพื้นดิน บางทีทำให้ตัวโงนเงนไปมา และนั่งไม่เมื่อย
• ผรณาปิติ  ปิติซาบซ่าน  ทำให้อิ่มไปทั่วสรรพค์กาย ใครพบปิติชนิดนี้จะรู้สึกอิ่มไปนาน แม้ออกจากสมาธิแล้วก็ยังอิ่ม

สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกๆศาสนา เพราะเป็นความจริงของธรรมชาติ และยังมีความสุขที่ดีและปราณีตกว่าความสุขนี้อีกมากดังเช่นที่ปรากฎในเนื้อหาของพุทธพจน์

ความสุขเช่นนี้ค่อนข้างเกิดได้ยากในผู้ที่ยังหลงอยู่ในอบายมุข และการเสพกาม สิ่งที่เรียกว่าปิตินี้ได้เกิดขึ้นจากประสบการตรงของผู้เขียนแต่ไม่แน่ใจว่าจะจัดอยู่ในปิติประเภทไหน เพราะมันต่างจากรายละเอียดข้างต้น สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตัวเองครั้งแรกเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ในขณะที่นอนอ่านหนังสือธรรมะเล่นๆแบบไม่ตั้งใจอยู่เล่มหนึ่ง(ปกติก็ไม่ค่อยจะสนใจที่จะหยิบหรือหามาอ่านสักเท่าไหร่) อ่านไปได้สักพักก็เริ่มที่จะเข้าใจในสิ่งนั้นๆตามเนื้อหาของหนังสือ อ่อมันเป็นอย่างนั้นนี้เอง มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ในขณะที่เข้าใจอยู่นั่นเองความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้น เป็นสุขที่ยิ่งกว่าสุขใดๆ และเป็นความสุขที่แรงมาก แรงขนากที่เราต้องบอกกับตัวเองว่า พอแล้วๆๆ มันมากเกินจนเราคิดไปว่าอาจจะเตลิดและทำให้เสียสติได้ แม้จะบอกว่าพอแล้วๆ มันก็ไม่ยอมหายไป เป็นอยู่เช่นนั้นประมาณ 4-5 นาที จึงค่อยหายไปเอง

ทำให้เราคิดได้ว่า แม้แต่สุขที่สุขมากๆก็ยังเป็นทุกข์

โพรงกระต่ายลึกแค่ไหน

ตอนแรกไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร จึงได้ไปถามคุณครูซึ่งนับถือเป็นญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านจึงบอกว่าสิ่งนี้เขาเรียกว่าปิติ เราเองก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบ ด้วยความสงสัยอยากจะได้ความกระจ่าง จึงได้ตัดสินใจไปถามหลวงปู่ที่กุฎิ

ขณะที่เดินมาหยุดลงที่หน้ากุฎิ เห็นประตูกุฎิปิดอยู่กำลังจะตัดสินใจว่าจะเคาะประตูหรือเรียกหลวงปู่ให้ทราบหรือไม่นั้น เสียงหลวงปู่ก็ดังออกมาจากกุฎิถามว่าใคร จึงตอบไปว่า ผมเองครับ เรายังไม่ทันที่จะอ้าปากถามในสิ่งที่สงสัยอยู่นั้น หลวงปู่ก็ตอบมาว่า ให้อ่านหนังสือต่อไป

เราก็งงว่าหลวงปู่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเราจะถามอะไร แม้จะงงอยู่แต่ เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นแล้ว และไม่อยากจะรบกวนหลวงปู่อีก จึงเดินกลับออกมา

ภายหลังจากที่อ่านหนังสือและประสบการณ์ที่ได้ไกล้ชิดกับหลวงปู่จึงทราบว่า สิ่งที่หลวงปู่รู้ถึงจิตใจของผู้อื่นนั้นเขาเรียกว่า เจโตปริยญาณเป็นหนึ่งในอภิญญา 6

อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน

อภิญญา มี ๒ ประเภท คือ 

 1.โลกุตตรอภิญญา วิชาญาณรู้ที่ทำให้สิ้นกิเลส อาสวะกิเลสคือพ้นทุกข์ 

 2.โลกียอภิญญา เป็นอภิญญาที่ถือว่าเป็นระดับญาณที่ยังทำไม่ให้เกิดภาวะพ้นทุกข์ในวัฎฎะสงสาร มี 5 อย่าง คือ

•  อิทธิวิธอภิญญา หรือ อิทธิวิธญาณ เป็นความรู้ที่แสดงฤทธิได้ (ฤทธิ=ความสำเร็จ)   ซึ่งจำแนกออกได้เป็น ๑๐ ประเภท อาทิ เนรมิตตัวเป็นหลายกาย  แปลงกายเป็นผู้อื่น ย่อขยายตัว  สร้างเครื่องป้องกันกายไม่ให้เกิดอันตราย  การใช้คาถาอาคม  อำนาจกรรมที่เคย สะสม  เช่นพลังของเทวดา เป็นต้น
• ทิพพโสตญาณ คือ หูทิพย์ ที่สามารถได้ยินเสียงที่ไกลมาก หรือเสียงที่เบาที่สุดได้
• เจโตปริยญาณ คือ  กำหนดรู้ใจคนอื่นได้
• ปุพเพนิวาสานุสสติ   คือ  ระลึกถึงชาติได้  
• ทิพพจักขุ  คือ มีตาทิพย์  
• อาสวักขยญาณ   คือ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป

ห้าข้อแรกเป็นโลกียะ (โลกียอภิญญา) ข้อท้ายเป็นโลกุตตระ พระพุทธเจ้าเจ้าตรัสว่า 5 ข้อแรกเป็น   “อจินไตย” ควรละเว้นไม่ควรใส่ใจ เพราะไม่ใช่ทางแห่งการหลุดพ้น

เมื่อเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เราจึงรู้เท่าทันและได้ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศล ปิตินั้นจึงค่อยๆจางหายไป ไม่งั้นก็คงจะแย่ เพราะสุขมากๆก็เป็นทุกข์ได้เช่นกัน

ในที่สุดเราจึงได้เข้าใจว่า ปิติที่ว่านี้ เป็นเหมือนก้อนอุกาบาตก้อนเล็กๆที่เฉียดเข้ามาโดนแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ด้วยความเร็วของก้อนอุกาบาต จึงทำให้หลุดรอดจากการตกลงเข้าสู่บรรยากาศของโลก

เป็นเพียงการเฉียดๆเข้ามาในทางธรรมนั่นเอง ยังมีความสุขที่ดีและปราณีตอีกมากนัก ความลึกลับและสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปาฎิหารย์ต่างๆ ยังเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ รู้ว่ามีโพรงกระต่ายอยู่แต่ไม่รู้ว่าโพรงนั้นมันลึกขนาดไหน?  การที่พระพุทธศาสนาไม่เน้นเรื่องความสุขที่ทุกคนต้องการ เพราะความสุขนั้นไม่เที่ยง เป็นไปตามเหตุและปัจจัย และดับไปตามเหตุและปัจจัย เมื่อเราไปยึดติดกับความสุขนั้น ก็ต้องเป็นทุกข์เพราะสุขแล้วอยากจะสุขอีก

อีกทั้งพระพุทธเจ้ายังทรงห้ามมิให้อวดอ้างอุตริมนุษยธรรม หรือแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ เพราะมันไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ และมันเป็นศักยภาพหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนและคนในศาสนาอื่นเช่นเหล่าโยคีสามารถเข้าถึงได้ มิเช่นนั้นแล้วเทพอาจจะมาบังธรรมได้ครับ   

หากเราอยากจะรู้ว่าโพรงกระต่ายลึกแค่ไหน เราต้องพิสูจน์ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น ที่แน่ๆ เพียงแค่เราตั้งใจรักษาศีลห้าอย่างจริงจัง เราก็จะพบว่า วิชาตัวเบา ที่ทำให้เราเบาจากกิเลสและเครื่องผูกมัดอย่างหยาบทั้งหลายนั้น....มีจริง 

สุดท้าย....อย่าลืมมาช่วยกันชี้โพรงให้กระต่ายด้วยนะครับ  '(^----^)'