หลังจากทำงานกับทีม ศิริราชมากว่า 2 ปี อจ วิจารณ์ อจ ธาดา กับผมก็เห็นตรงกันว่า เราน่าจะลองจัดประชุมคนที่สนใจทำงานแบบ R2R กันซะหน่อย เพราะทราบมาว่าตอนนี้มีคนทำงานแบบ R2R แยะ
คนที่ไม่คุ้นเคยผมก็ขออธิบายสั้นๆว่า R2R เป็นคำพูดเลียนแบบวัยรุ้นที่ อจ วิจารณ์ตั้งขึ้นมาแทนคำว่า routine to research ซึ่งแปลว่า การทำงานวิจัยจากงานประจำ (หรือทำงานประจำจนเป็นงานวิจัย) พูดง่ายๆคือ เป็นคำที่พยายามสื่อแนวคิดที่ว่าการทำงานที่ดีต้องมีการวิจัยควบคู่ไปด้วย และแนวคิดนี้ก็สำคัญมากสำหรับคนที่ทำงานสาธารณสุข อจประเวศเองบอกว่า คนที่เป็นหมอที่ดีจะต้องทำงานวิจัยจากงานประจำ เพราะการดูแลคนไข้จะเจอแบบใหม่ๆตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นคนไข้โรคเดียวกัน เวลารักษาไปแล้วถ้ามีโอกาสมาดูย้อนหลังหรือประมวลหาข้อสรุปเป็นระยะๆก็จะช่วยให้ดูแลคนไข้ประเภทเดียวกันดีขึ้นในอนาคต
เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าไปยึดติดกับชื่อ จับ concept จะดีกว่า เพราะแม้ อจ วิจารณ์จะเริ่มใช้คำนี้กับการทำงานที่ศิริราช (ซึ่งลวทุนถึงกับทำเป็นโครงการ R2R ระยะ 3 ปี มีการตั้งทีมมาบริหารจัดการเต็มเวลา และมีงบประมาณสนับสนุน) แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำแบบที่ศิริราช จึงจะเรียกว่า R2R
และเพราะเหตุนี้ ประกอบกับทราบมาว่ามีหลายแห่งที่เริ่มทำงานแบบ R2R ทางมสช กับศิริราชก็เลยตกลงกันว่าจะจัด workshop R2R ครั้งแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อรวมพลคนสนใจ R2R เอาเฉพาะคนที่เริ่มทำอะไรไปบ้างแล้ว ไม่เอาพวกอยากรู้แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ
ไม่ว่าจะทำมาก ทำน้อย ทำนาน แล้วหรือเพิ่งทำ เราก็อยกาให้มา ลปรร กัน
ผมเลยถือโอกาสประชาสัมพันธ์ผ่านตรงนี้ซะเลย ถ้าที่ไหนมีการลวมือทำR2R แม้ว่าจะอยู่ในขั้นแค่เริ่มตั้งทีม หรือมีแผนและเพิ่งเริ่มทำ ก็ไม่เป็นไร
ตอนนี้รวบรวมได้มา 3-4 แห่ง แล้วและคงจัดครั้งแรกโดยเอาแค่ 3-4 ทีมมาคุยกัน แต่ถ้ามีทีมที่เริ่มแยะ และ อยาก ลปรร เราอาจจะลองทำอีกกลุ่ม (3-4 ทีม) ก็ได้นะครับ
เท่าที่คาดไว้แต่ละทีมน่าจะมีสัก 4 คน ประกอบด้วยผู้บริหารที่สนับสนุนงาน R2R (อย่างที่ศิริราชก็เป็นทั้งตัวคณบดี และรองคณบดีฝ่ายวิจัย) ผู้จัดการ (ซึ่งของศิริราชตอนนี้มีทีมอาจารย์มาร่วมกันเป็นทีมจัดการกลาง 3 ท่าน คือ อจ อัครินทร์ อจ เชิดชัย อจ กุลธร) และอีกสองคนน่าจะเป็นคนที่ทำวิจัยในลักษณะ R2R
ใครสนใจจะลองเขียนเข้ามาก็ได้นะครับ
เรียน...อาจารย์หมอสมศักดิ์
ทางโรงพยาบาลได้รับการทาบทามจาก อาจารย์ลัดดาแล้วคะ...และนำเรียนปรึกษาท่านผู้อำนวยการ ท่าน นพ.พิสิฐ อังศุวัชรากร แล้วท่านยินดีเข้าร่วมและดิฉันได้เรียนไปที่ท่านลัดดา แล้วคะ
ขอบพระคุณคะ
อ้อ...go to know ดียังนี้เองอาจารย์แหววถึงพยายามไล่ทุกคนไปเข้า go to know เป็นประจำ ชลเป็นคนที่ถูกถามบ่อยที่สุดมากๆ ว่าเมื่อไหร่จะเข้าไปเปิดบล็อก เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมบันทึกงาน สุดท้ายวันนั้นอ.ยื่นคำขาดไม่ให้ออกจากบ้านอาจารย์ถ้ายังเขียนบทความสักหนึ่งบทความและเข้าไปเปิดบล็อกในโกทูโนไม่เสร็จ (น่าอายจัง) ตอนหลังๆ ชลก็เพิ่งยอมเข้ามาโดยดี ก็จะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ดีที่มีอยู่ในgotoknow ค่ะ
อีกเรื่องหนึ่ง ขอบคุณgotoknow นะคะ ที่ทำให้ฝันเราเป็นจริง เพราะเมื่อตอนชลเข้ามาทำงานกับอาจารย์แหววใหม่ๆ 2-3 ปีที่แล้ว อาจารย์แหววก็มีโครงการที่จะทำwebsite สำหรับเป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้บนอินเตอร์เน็ตเรียกโครงการ E- libraly / E-society สำหรับให้ E- professor และ E - student ต่างๆ มาเป็นเจ้าของ เรียนรู้แลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนหนึ่งอาจารย์เชิญชวนอาจารย์ท่านอื่นดูจากความคล่องตัวของอาจารย์ในการสอนหนังสือนักศึกษาและสอนหนังสือสังคม และมีห้องเรียนกับคนอื่นๆ ในอินเตอร์เน็ตที่อาจารย์มีเว็บไซต์ของอาจารย์อยู่แล้ว และเปิดเว็บไซต์อาจารย์แหววดอทเน็ต ให้ลูกศิษย์ลูกหาเข้าไปแขวนงาน
แต่ลูกศิษย์ลูกหาอาจารย์อยู่ดอยซะมาก แล้วก็พวกที่ทำวิจัยด้านไอทีก็งานหนักพอตัว ไม่มีใครมาเป็นแสดงตัวเจ้าของเจ้าของงานตัวเอง แต่อาจารย์แหววก็ยังไม่วายเอางานขึ้นให้ลูกศิษย์และอาจารย์ท่านอื่นๆ เองเป็นประจำด้วยความยินดี ทั้งๆ ที่อาจารย์งานหนักและเยอะมากกว่าพวกเราอีก (โอ๊ย...ละอายใจอีกแล้ว-ดู www.archanwell.net ค่ะ)
ตอนนี้พอมีโกทูโน งานเรื่องการจัดการระบบซึ่งเรายังกระท่อนกระแท่นมาตลอด ( จริงๆ ชลก็ไม่ค่อยทราบเรื่องเพราะให้ความสนใจน้อย แต่รู้ว่าอาจารย์คงคุยกันไปได้ไกลแล้วกับทีมงานของกระจกเงา ) ก็มาได้ gotoknowจัดการให้ อาจารย์แหววก็ชื่นชมใหญ่เลย และไล่พวกเราทุกคนให้มาเขียนงานในอินเตอร์เน็ตและเจอสังคมอื่นๆ ใน gotoknow บ้าง
กำลังพยายาม “ เปิดกะลา” อยู่แล้วบ้างเหมือนกันนะคะอาจารย์เป็นพยาบาลโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียงค่ะ สนใจที่จะเริ่มปฏิบัติการ R2R เคยรับการอบรม work shop จากอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่มีความรู้สึกว่า สิ่งที่เราได้จากการอบรมครั้งนี้ ยังไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ (ไม่ต่างจากการเรียนวิจัย) เลยกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง และเริ่มศึกษา R2R จากสำนักต่างๆ
น่าสนใจครับผม