คุณภาพการศึกษา(ขั้นพื้นฐาน)ของไทย ใครหนอใครร่วมเสกสรร? (จบ)


บันทึกทั้งหมดของผู้เขียนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มิได้มีเจตนากีดกันมิให้มีระบบค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้กับครู ไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินประจำตำแหน่ง หรือเงินค่าวิทยฐานะ หากแต่ชี้ให้เห็นถึงผลสะท้อนย้อนกลับที่น่าวิตกยิ่งของกระบวนการประเมินในเรื่องดังกล่าว แต่ตรงข้าม มีเจตนาที่ต้องการเรียกร้องและนำเสนอรูปแบบของการประเมินฯที่สอดคล้องกับบริบทและสภาพจริงของกระบวนการปฏิบัติหน้าที่ของครู

         เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับพี่น้องกองกำลังผู้พิชิตความไม่รู้ ซึ่งเป็นหน่วยกล้าตายทายท้ากับความผิดหวังซ้ำสอง ในการประลองกำลังปีนข้ามกำแพงสูงเสียดฟ้า ฝ่าดงกระสุนแห่งเกณฑ์อาจารย์ 3 เชิงประจักษ์ กรณีพิเศษ  ครั้งที่ 2  ซึ่งเริ่มปฏิบัติ(ราชการ)โหดมาตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2550 และจะปรากฎผลแพ้-ชนะ ในไม่เกินวันที่ 28 กันยายน 2550 นี้เป็นอย่างช้า  จึงขออนุญาตนำเอาความเห็นของท่านคอลัมนิสต์ผู้เพิ่งล่วงลับไปเมื่อไม่นานมานี้ คือ " กำแหง ภริตานนท์ " ในคอลัมน์ "ปลายนิ้วนายกำแหง" ของ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม 2546  มาบอกเล่าว่า อย่างน้อยก็มีบุคคลหลายฝ่ายมี่เห็นอกเห็นใจท่านและคอยเอาใจช่วยอยู่    และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเจ้าของนามปากกา"ชอล์กชรา" เป็นอย่างสูง  และขออนุโมทนากุศลเจตนานี้แด่ท่านเจ้าของคอลัมน์ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยครับ  ....สาธุ....

          เนื้อความในคอลัมน์ดังกล่าว มีรายละเอียดอันชวนรันทดสลดใจดังนี้ครับ

Scan0013 

(โปรดคลิกที่ตัวเอกสารครับ)

        คงชัดเจนนะครับ  กับภาพของครูไทยในสภาวการณ์การประเมินอาจารย์ 3 เชิงประจักษ์  ซึ่งผลประจักษ์ชัดเจนออกมาปรากฏต่อสาธารณะชนในรูปแบบของ "คุณภาพการศึกษาที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ"  ซึ่งผู้เขียนกล้าฟันธงว่า เกณฑ์การประเมินอาจารย์ 3  เชิงประจักษ์ เป็นมูลเหตุสำคัญต่อสภาวการณ์ดังกล่าวด้วย

          แต่ที่น่าวิตกยิ่งกว่านั้นก็คือ  เกณฑ์การประเมินใหม่ที่ถูกนำมาใช้กับโครงสร้างตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในปัจจุบันนี้  ที่เรียกกันสั้นๆว่า "เกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ"  ซึ่งโหดและหินยิ่งกว่า เพราะมีการกำหนดให้ครูต้องเขารับการพัฒนาก่อนเป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการประเมินด้านที่ 1-2-3 ซึ่งมีการเพิ่มผลงานทางวิชาการในเชิง "การวิจัย 5 บท" มาตรฐานเดียวกับงานวิจัยของคณาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินการไปอย่างเข้มข้น  และทำเอาอ่วมอรทัย(จนไม่มีเวลาสอนเด็ก) ทั้งผู้ประเมินและผู้รับการประเมินด้วย โดยผู้ประเมิน(อาจารย์ 3 รุ่นก่อนๆ) 1 คน  ถูกสั่งให้เดินทางไปประเมินผู้เสนอขอในโรงเรียนต่างๆมากกว่า 10 คน ซึ่งอยู่ห่างกันออกไปใกล้ไกลตามแต่สภาพทางภูมิศาสตร์  และแน่นอนต้องทิ้งเด็กไปแน่ๆ  ส่วนผู้รับการประเมิน  ก็ทิ้งงานการสอนเพื่อการสร้างเอกสารหลักฐาน เรียบเรียงผลงานทางวิชาการ และเสียเวลามนการวิ่งไปปรึกษาคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัย (ซึ่งเรื่องนี้ผมงงมาก เพราะคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะเชี่ยวชาญงานสอนเด็กประถม มัธยมศึกษา และปฐมวัยได้อย่างไร  เพราะไม่เคยสอนจริงๆจังๆเหมือนครูผู้สอนโดยตรง  แม้จะมีโรงเรียนสาธิต หรือผ่านกระบวนการวิจัยกับเด็กช่วงวัยดังกล่าวมาแล้วก็เถอะ  ตลกนะ....  ที่คนทำการสอนเด็กอยู่กับมือทุกวัน  ต้องวิ่งไปปรึกษาเรื่องสอนเด็กกับคนที่สอนเด็กบนเอกสาร ฤๅ จะเหมือนชาวนาที่ต้องพึ่งพาคนขายปุ๋ยขายยาฆ่าหญ้า ฉันนั้น  ....เฮ้อ....) 

             ทุกท่านครับ  มาถึงตรงนี้แล้ว  ท่าคงจะเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า  เด็กและชาวบ้าน  เสียโอกาสขาดทุนไปกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมไม่น้อยเลย  

              แล้วทุกท่าน  ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องของคุณภาพการศึกษา  จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้เรื่อยไปละหรือ?

             และในท้ายที่สุดของบันทึกนี้  ขออนุญาตสรุปบันทึกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ "คุณภาพการศึกษาฯ และ วิบากกรรมของครูไทยฯ" เพื่อความชัดเจนว่า

    1. เกณฑ์การประเมินอาจารย์ 3 เชิงประจักษ์ทั้งแบบเก่าและแบบที่ใช้จนถึงครั้งสุดท้ายนี้ รวมถึงแบบวิทยฐานะที่ใช้ในปัจจุบันและต่อไป  มิได้มีความสอดคล้องกับบริบทและสภาพจริงของกระบวนการจัดการเรียนสอน  กระบวนการปฏิบัติงานของครู  หนำซ้ำยังเป็นตัวทำร้ายครู เด็ก ผู้ปกครองเด็ก และการศึกษาไทยโดยรวมอย่างโหดเหี้ยมและร้ายกาจอีกด้วย  ในที่นี้หมายถึงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและระบบการวัดผลประเมินผล ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย

    2. โครงสร้างใหม่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา  และระบบงบประมาณทางด้านการศึกษา  มิได้สอดคล้องและเอื้อต่อการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพโดยประการทั้งปวง  โดยเฉพาะโรงเรียนในชนบท

    3. คุณภาพการศึกษาโดยภาพรวมของไทย  ที่ตกต่ำลงอันเนื่องมาจากมูลเหตุในข้อ 1. และ 2. ทำให้สังคมไทยปั่นป่วนและเลวร้ายลงในทุกภาคส่วน  โดยเฉพาะสังคมในระดับฐานล่างทั้งในเมืองและชนบท

    4. บันทึกทั้งหมดของผู้เขียนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  มิได้มีเจตนากีดกันมิให้มีระบบค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้กับครู  ไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินประจำตำแหน่ง  หรือเงินค่าวิทยฐานะ  หากแต่ชี้ให้เห็นถึงผลสะท้อนย้อนกลับที่น่าวิตกยิ่งของกระบวนการประเมินในเรื่องดังกล่าว  แต่ตรงข้าม  มีเจตนาที่ต้องการเรียกร้องและนำเสนอรูปแบบของการประเมินฯที่สอดคล้องกับบริบทและสภาพจริงของกระบวนการปฏิบัติหน้าที่ของครู  ที่มิได้มีเพียงหน้าที่งานการสอน  หากแต่ต้องทำหน้าที่สารพัน  อยู่บนความขาดแคลนปัจจัยเอื้ออำนวยทั้งหลายทั้งปวง  รวมทั้งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เสี่ยงภัย ชุมชนยากจนค่นแค้น จนบางคนต้องสังเวยด้วยชีวิต  มิได้ปฏิบัติงานอยู่บนความเพียบพร้อมกับผู้เรียนที่พร้อมทุกด้าน ที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดีแล้ว อย่างคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย  หรือข้าราชการครูในสถานศึกษายอดนิยม  ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้มาตรฐานเดียวกัน

    5.  หากเป็นไปได้ ควรอย่างยิ่งสำหรับการโอนโรงเรียนให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลของชุมชน โดยการมีส่วนร่วมของวัด ชาวบ้าน และ อบต. (โปรดฟังอีกครั้ง อบต. มิใช่ อบจ.)

    6. ฯลฯ

ด้วยสัมมาเจตนุสติ

สวัสดี

หมายเลขบันทึก: 129733เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2007 21:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะ ผอ.

  • เห็นด้วยค่ะถ้าจะมีการทบทวนรูปแบบการประเมินฯ ตามสถานการณ์..แต่ปัญหาคือทำอย่างไรจึงจะเป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการ 
  • การประเมินจะเป็นประโยชน์ถ้าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทำงานตลอดเวลา
  • การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นประโยชน์ (ต่อเด็กต่อครู) และเป็นธรรมเป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ...

ครับ  สวัสดีครับคุณครูกั๊ดจัง

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
  • แนวทางการประเมินที่คิดว่าน่าจะเหมาะสม  ผมลองออกแบบไว้แล้ว  จะนำเสนอในโอกาสต่อๆไปครับ
  • หลังจากที่คุณครูโพสต์มา  ผมได้ปรับปรุงเพิ่มเติมบันทึกใหม่อีก  ลองอ่านดูนะครับ
  • สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะครูวุฒิ

  • ตามอ่านมาจนถึงตอนจบแล้วนะค่ะ......ไม่แสดงความคิดเห็นค่ะ   เพราะ...เพื่อนครูด้วยกันทำกันมาก.......อยากให้กำลังใจเพื่อนครูด้วยกันค่ะ....
  • ผู้บริหารโรงเรียนโทร.ตามช่วงที่ส่งคำขอฯ....(25 เม.ย.50)  หนูก็ปฏิเสธค่ะครู..."ว่าไม่พร้อม...." ก็เขาให้หนูเปลี่ยนชั้นสอน   เปลี่ยนวิชาที่สอนปีการศึกษา 2550 นี้เอง   แล้วหนูจะเอาอะไรไปทำละค่ะ.......หนูคงเก่งในสายตาผู้บริหารค่ะ   2  ปี       ก็เปลี่ยนชั้นที่สอนให้หนูทีค่ะ.....ท่านบอกว่าส่งไปเถอะ.....แล้วค่อยทำตามไป......โอ้ย!...จ้างหนูก็ไม่เชื่อหรอกค่ะครู.....ก็หนูเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองต้องประจำชั้น ป. 4 และเปลี่ยนวิชาที่สอน    เมื่อเดือนเมษายน 2550  นี่เองค่ะครู   .......ครูขา.....หนูคิดว่าการจะได้ตำแหน่งเชียวชาญมาครองน่าจะต้องมีอะไรมากกว่าที่หนูกำลังเป็นอยู่ขณะนี้ค่ะ.....ผอ.โรงเรียนของหนูเขาเห็นหนูเก่งมั๊งค่ะ....พอเปลี่ยนระบบของหนูปุ๊บ..ก็ให้หนูทำผลงานปั๊บ.......เฮ้อ..  ช่างหวังดีกับหนูเหลือเกิน............ขัดใจท่านก็พอเข้าใจค่ะ......
  • ครูขา........หนูไม่ได้ว่า ผอ.โรงเรียนของหนูนะค่ะ หนูว่าหนูไม่มีศักยภาพต่างหากละค่ะ........จริงๆแล้วใครๆก็   อยากได้   อยากมี   อยากเป็น กันทั้งนั้นใช่ไหมค่ะครู?   แต่การรู้จักตนเองเป็นสิ่งสำคัญค่ะ.........ถามตนเองว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร?........ความสุขอยู่ตรงไหน?......
  • หนูเห็นบางคนที่ทำผลงาน...ดูแล้วอะไรๆ เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะเลยค่ะ....ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต   บางทีหนูมองแล้วก็ปลงค่ะ........ส่วนมากก็ให้กำลังใจกันไปค่ะ.......แต่บางคน...ไม่อยากแม้จะถามไถ่......หากการทำผลงานแล้วเกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้น....ก็ได้แต่ปลงค่ะ........หนูบ่นอีกแล้วค่ะ......งั้นรอหัวหน้าห้อง ป1  ของหนูมา วาดลวดลาย ดีกว่าค่ะครู
  • สวัสดีค่ะ

สวัสดีครับ  ครูหญ้าบัว

  • ส่วนใหญ่หลายโรงเรียนก็มักจะเป็นแบบนั้น  ผู้บริหารโรงเรียนมักจะให้ครูผู้สอนชำนาญการหรือเชี่ยวชาญชั่วข้ามคืน  คงเป็นเพราะโรคอะไรน้า....ที่บอกว่า ข้อ 1. ผู้บริหารทำอะไรไม่ผิด  ข้อ.2  ถ้าคิดว่าผิด  โปรดย้อนไปดูข้อ 1.  อ๋อ....ทางนี้เขาเรียกว่าโรคพิษอำนาจเรื้อรังครับ
  • บรรยากาศสังคมครูของเราเปลี่ยนไปเยอะครับ...ผมจะปลงก็ไม่ได้.... เพราะความเลวร้ายมันส่งถึงเด็กโดยตรงไงครับ
  • ถ้าครูหญ้าบัวทำผลงานขอรับการประเมิน  วันนั้นอาจไม่ได้มีเวลาสังเกตว่า "น้องลูกเต๋าหายไป"แน่ๆ  ดีแล้วล่ะครับ  ความภาคภูมิใจในความเป็นครูที่เป็นผู้ให้ด้วยหัวใจ  อิ่มใจและยั่งยืนกว่าครับ
  • อ้าวมาเชียร์ให้เขาไม่ก้าวหน้าในวิชาชีพหรือเปล่าเนี่ย....
  • แล้วมาคุยกันอีกนะครับ  อ้อ...รอไปเที่ยวเขาค้ออยู่นะครับ
  • สวัสดีครับ

ครูวุฒิครับ

ผมอยากให้ระวังคำว่า "เชิงประจักษ์" ที่ไม่รู้ว่าใครเอาคำของครูบามาใช้อย่างผิดๆ

คำว่าการประเมิน "เชิงประจักษ์" นั้นต้องแปลว่า ได้ผลจริงๆ แบบใครก็เห็น ใครก็รู้ ใครก็ยอมรับโดยดุษฎี ไม่มีใครอาจหาญโต้แย้ง หรือมีเหตุผลที่ยังคลุมเครือ สงสัย และไม่ต้องมีเอกสารยืนยันใดๆ

นี่เรามาทำแบบประเมินเชิง "เอกสาร" มากกว่า

 ไม่ใช่ "เชิงประจักษ์"

ใครหาญกล้าบิดเบือนคำและเจตนาของคำนี้

สมควรได้รับโทษประหาร

เครื่องประหารหัวสุนัข

เจ็ดชั่วโคตรครับ

P

ท่านอาจารย์ ดร.แสวง ครับ

  • ขออภัยครับ บังเอิญเผลอใช้ไปตามที่มีผู้เพ้อฝันเขียนหลอกครูเอาไว้  ที่จริงตั้งแต่ช่วงปีแรกที่ใช้เกณฑ์นี้  ครูเข้าก็ไม่ใช้กันแล้วล่ะครับคำว่า "เชิงประจักษ์" เพราะมันมิได้เป็นไปในลักษณะของความหมายอย่างที่อาจารย์ยกมา  แต่พวกเขาเรียกว่า "เชิงกระอัก" บ้าง "เชิงประสาท" บ้าง  ตามแต่อาการที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง
  • ในแบบใหม่ที่ใช้กันอยู่เดี๋ยวนี้  ก็เริ่มมีผู้เรียกผู้บริหารโรงเรียนบางท่านว่า "ท่านผู้บริหารเสียวซ่าน" แทนคำว่า"ท่านผู้บริหารเชี่ยวชาญ"กันค่อนข้างหนาหูแล้ว  โห...ช่างเสกสรรขยันหาคำมายกยอปอปั้นกันได้น่ารักเหลือเกินครับ
  • สวัสดีคะครูวุฒิ...อิอิ..มัวแต่ยุ่งเลี้ยงลิงอยู่คะ...
  • อ้าวจบแล้วหรือคะ...ต้องลุ้นปลายเดือนหรือคะ..ว่าจะมีใครสมหวังบ้าง..เฮ้อ...
  • เห็นด้วย อย่างยิ่งคะ ความเชี่ยวชาญไม่ได้อยู่ในกระดาษเด้อคะ...มันต้องให้ชาวประชาแซ่ซร้องในคุณงามความดี..ที่สอนลูกสอนหลานให้เป็นคนดี..ของสังคม  นะคะคุณครู
  • ครูขา...หนูว่าเกณฑ์พวกนี้ ครูแก่ของหนูเสียเปรียบคะ...มันกลายเป็นว่า...กว่าครึ่งเป็นพวกทำงานมาไม่ถึง 20 ทั้งนั้นเลยครู...ที่จริงน่าจะให้เงินเพิ่มกับคนที่ทำงานมากว่า 25 ปีขึ้นไปด้วยนะคะ...เป็นขวัญกำลังใจที่สร้างคนไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นแล้ว...(ไม่เกี่ยวกับ 3500 นะคะ)

P

  • สวัสดีครับคุณนารี  ลิงหลับแล้วใช่ไหม? ตอนนี้น่ะ...เห็นแว็บมาได้...
  • จำใจจบน่ะ... พูดมากไป  เดี๋ยวพวกเหยียบ
  • อ.ก.ค.ศ. เขตฯ ต้องประกาศผลภายในวันที่ 28 ก.ย.นี้ครับ (แต่ข่าวว่า ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ทราบผลกันเป็นการภายในแล้วล่ะ) 
  • ก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้สำหรับพี่น้องที่ผ่านครับด้วยความจริงใจครับ  ขวัญกำลังใจจะได้ฟื้นกลับคืนมา
  • มีตัวอย่างลูกสาวครูที่โรงเรียนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้  เพราะกรวยไตอักเสบจากการช่วยแม่ในการเตรียมผลงานมาเป็นแรมเดือน พักผ่อน หลับนอน กินอยู่ไม่พอ (ถ้าเกิดปรากฏว่าแม่ไม่ผ่าน จะเกิดอะไรขึ้นนะเนี่ย...)
  • เกณฑ์ที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างที่คุณนารึเสนอนั่นแหละครับ  ง่ายๆ  ตรงๆ  ครูเนื้อแท้เท่านั้นที่จะผ่านเกณฑ์ เพราะสังคมมีหลายตา มีเวลาดูตลอด และดูนานมาแล้วด้วย (ครูหลอกๆเก็บเศษกระดาษปลอมๆอย่างเดียวไม่น่าจะมีสิทธิ์)
  • เห็นด้วยๆ  เรื่องค่าตอบแทนพิเศษสำหรับครูผู้แน่วแน่บากบั่น  จวบวันสุดท้ายในชีวิตข้าราชการครูประจำการ
  • ขอบใจนะจ๊ะที่กลับเข้ามาเยี่ยมป.1/1
  • หวัดดีจ้ะ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท