ถ้าเรามามองเรื่องกิจกรรมการออกกำลังกาย ... ผมก็ออกกำลังกาย และหลายๆ ครั้งผมเห็นคนออกกำลังกายแล้วรำคาญ ก็เลยเป็นประสบการณ์แปลกๆ ผมว่า คนไทยออกกำลังกายไม่มีเหตุผลเท่าไร ... เพราะว่าคนไทยกินก็จุ เดี๋ยวก็ไปกิน ... ตั้งแพง กินเสร็จแล้วไปเสียเงินออกกำลังกาย ? ... แล้วถ้าต้องไปหลังเลิกงาน แทนที่จะกลับบ้านก็ไปเสียน้ำมันรถไป พอหมดเวลาในการ fitness แล้ว งานบางอย่างก็ไม่ได้ทำ
เอาง่ายๆ เย็นเลิกงาน รถก็มอมแมม จะไปล้างรถ ไปไม่ได้ เพราะว่าต้องไป fitness ก่อน ที่จริงเราก็กลับบ้าน แล้วไปล้างรถ เรื่องที่จะขับรถไปอู่ล้างรถ และไปจ่าย fitness ถ้าเกิดล้างรถเองก็ประหยัด 2 ต่อ ได้ทั้งเหงื่อ และประหยัดสตางค์ แต่คนไทยไม่ทำอย่างนั้น
นำมาสู่ข้อเสนอของผม ที่ผมจะทำโครงการออกกำลังกาย ในนามของกรมอนามัย ผมจะทำอะไร ...
เรื่องความเป็นเหตุเป็นผล
เสนอการออกกำลังกายแบบง่ายๆ เช่น เผยแพร่รูปแบบการออกกำลังกายแบบมีเหตุผล การไปจ้างคนมาจัดสวน ก็ไม่ต้องไปจ้างคนมาจัดสวน ... ก็ทำสวนเอง เดินขึ้นบันได ก็เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องใช้เงิน ได้เหงื่อ และไม่น่าอาย ถ้ามีสารคดีเผยแพร่ในสิ่งเหล่านี้ เป็นกิจกรรมที่มีเหตุผล เพราะว่าเราตระหนักถึงจุดอ่อนของสังคม ที่เกิดขึ้น และคิดว่า ถ้าเราแก้อย่างนี้ได้แล้ว เราก็จะได้ประโยชน์ 2 ต่อ ฝรั่งเขาจะทำแบบนี้ แต่คนไทยไม่ค่อยทำ เพราะเขาชอบขี่จักรยานไปทำงาน ก็จะได้ออกกำลังกายไปในตัว เวลาที่เราเผยแพร่หลักเศรษฐกิจพอเพียง หลายหน่วยงานทำเป็นการถ่ายทอดประมาณ 30 วินาที อาจทำเป็น clip สั้นๆ 1 นาที เช่น ส่งเสริมการทำงานบ้านความพอประมาณ
30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ได้ไหม กรมฯ อาจเผยแพร่ข้อมูลในเชิงให้คนเขารู้จักความพอประมาณในสิ่งที่เขาทำ ให้เขารู้จักว่า เวลาเขาออกกำลังกาย หรือทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คงจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากที่ผมจะใช้เวลาครึ่งวันเพื่อการออกกำลังกาย เพราะว่าลูกก็อยากให้เราอ่านหนังสือให้เขาฟัง เขาอยากให้เราไปซื้อของ เครื่องเขียน เครื่องเรียนให้เขา แม่ยายก็ต้องการเรา เพราะว่าเขาอยู่คนเดียว เขาเหงา เพราฉะนั้น การจัดแบ่งเวลาให้ดีก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่อบอุ่น และอย่าทำให้การออกกำลังกายที่จะมาส่งเสริม กลายเป็นไปเบียดเบียนคนอื่น เพราะฉะนั้น แนะนำการออกำลังกายแบบพอประมาณ … ให้เวลาพอสมควรเรื่องภูมิคุ้มกัน
การทำในระดับที่พอดี ผมอาจจะทำระดับจังหวัด เพราะว่าบางทีไปทำในระดับประเทศ ก็เกินพอดี และอาจจะไม่มีใครรับผิดชอบ แต่ว่าระดับจังหวัด มีผู้ว่าฯ ช่วยรับผิดชอบได้ ดัชนีชีวัดก็เป็นเสมือนกระจกสะท้อนว่า การออกกำลังกายส่งผลดีต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน เท่าไร จำนวนการเจ็บป่วยโรคนี้โรคนั้นอะไรบ้าง ดัชนีที่ผมอยากให้มีขึ้นมาเสมอๆ เพื่อที่จะสะท้อนให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้น คือ เมืองไทยมีหมอน้อยลง เพราะว่า ... การมีค่าใช้จ่ายด้านพยาบาลมากขึ้นทุกปี ก็เป็นการปันส่วนรายได้ด้านพยาบาลมากขึ้น เราต้องสูญเสียคนฉลาดของประเทศ แทนที่เขาจะไปทำงานด้านอื่นๆ ที่มีประโยชน์ เขาก็ต้องมาเป็นหมอ รักษาคนป่วย เพราะว่าเราป้องกันไม่ดีพอ คนก็มีการดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เราก็ต้องสูญเสียบุคลากรที่ดี เพื่อจะมาแก้ไขการที่ไม่เข้าท่าของการดำเนินชีวิต ผมจึงให้สังคมไทยมีหมอน้อยลง ซึ่งแสดงว่า คนเราก็จะมีความสามารถในการดูแลสุขภาพตัวเองได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีของรักษานะ เพราะว่าถ้าป่วยจริงๆ ก็มีหมอรักษา แต่เรื่องปัญหาสุขภาพลดลงไปเยอะ เพราะว่าคนของเรามีความรู้ความเข้าใจที่ดี ป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย
ความรอบรู้ กรมฯ อาจให้ข้อมูลประชาชน เกี่ยวกับประโยชน์ เช่น ว่ายน้ำคุณจะได้อะไร วิ่ง คุณจะได้อะไร ข้อพึงระวังเพื่อให้ประชาชนมีความรอบรู้ในการออกกำลังกาย เช่น ถ้าคุณอายุ 60 ไปเดินแล้วกัน อย่าไปวิ่ง ถ้าเป็นโรคหัวใจ อย่าว่ายน้ำ เพราะว่ามันจะแรงเกินไป เป็นข้อพึงงระวังต่างๆคุณธรรม
กระตุ้นให้มีวิธีออกกำลังกายให้กับผู้ด้อยโอกาส คนจนเขาจะออกกำลังกายอย่างไร เช่น ไปประสานกับ กทม. ที่มีที่ว่างที่เห็นๆ เขาก็ทำกันอยู่แล้ว ที่ใต้ทางด่วน ใต้สะพานลอย ก็เป็นสถานที่เตะฟุตบอล ประสานกับทาง รร. ก็จะให้ที่ทางกับเด็ก คนยากคนจนมีการออกกำลังกาย คนที่เขาอยู่ริมทางรถไฟ เขาก็มีการออกกำลังกาย และเราก็อาจปูเสื่อให้กับกลุ่มคนที่มีโอกาส และผู้ด้อยโอกาสด้วยนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของกิจกรรมการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นกิจกรรมของกรมอนามัยที่รับดูแลโดยตรงด้วย
รวมเรื่อง น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง สู่การส่งเสริมสุขภาพคนไทย
ไม่มีความเห็น