บันทึกนี้เขียนจากแดนไกลเขียนจากห้องเสวนาสมาชิกเครือข่าย ครั้งที่ 12 (1/2551) หัวข้อ Routine 2 Research ที่จังหวัดนครนายก เครือข่าย UKM ที่เรามีการลงนามความร่วมมือกันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2547) เมื่อวันที่เราเกิดสึนามิใหญ่ที่ฝั่งอันดามันนั่นหล่ะ เราลงนามร่วมกัน5 สถาบันมีพันธะสัญญาที่จะเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ เรื่องการจัดการความรู้ไปพร้อมๆ กัน
เมื่อวานนี้มีการประชุม "ผู้บริหารเครือข่าย" โดยมีการทบทวนข้อดีข้อเสีย ของความร่วมมือที่เรามีให้กัน แน่หล่ะ การยินดีช่วยเหลือกันมีข้อดีมากกว่าข้อเสียอยู่แล้ว การยินดีช่วยเหลือกันในแวดวงอาชีพดีอยู่แล้ว แต่ในขณะที่การยินดีช่วยเหลือกันมันมีต้นทุนค่าใช้จ่าย มีความท้าทายที่จะร่วมทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดร่วมกัน มีความอึดอัดขัดข้องที่ต้องทำงานกับคนหลายหลากสไตล์นำมาซึ่งการกวนใจ
ก็มีการคิดกันพอควรว่ามันจะคุ้ม หรือไม่คุ้ม ในสถาบันที่เข้มแข็งอาจไม่ได้อะไรจากการเป็นสมาชิกหรือได้น้อย ในขณะที่สถาบันที่เป็นน้องน้อยอาจได้อะไรมากมากจากการลงทุน การได้หรือได้อะไรแบบแผ่วๆ เรื่องนี้มีการตกผลึกเป็นระยะๆ สุดท้ายคือ "ได้" "คุ้มค่า" และตกลงจะร่วมเป็นสมาชิกกันต่อไป โดยปรับพันธะสัญญาสิ่งที่จะทำร่วมกัน ตกลงจะลงนามความร่วมมืออีกรอบ 3 ปี ในการเสวนาครั้งหน้าที่ ม.อ. จะเป็นเจ้าภาพจัดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีปลายเดือน กรกฎาคม 2551 นี้ในหัวข้อ "การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์"
วันนี้ดิฉันข้อทำ AAR ในส่วนของตัวเองที่ได้มาร่วมงานกับเครือข่ายฯ ในนามผู้ประสานในนามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากในชีวิต ที่หาที่ไหนไม่ได้อีก
ในการเป็นผู้ประสานงานเครือข่าย
1.ดิฉันได้เรียนรู้ ตัวอย่างของการเป็นผู้ประสานงานของอีก 7 สถาบัน สังเกตุดูการทำงานความละเอียด ละออ ของแต่ละทีมงาน ลีลาการจัดงาน และยังเห็นการบริหารของผู้บริหารของแต่ละสถาบัน ซึ่งดิฉันนับว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งทีเดียวที่อยู่ในบรรยากาศของการบริหารที่ไม่ได้รู้รสของ command & control การงานของตัวเองมีงตัวอิสระ คล่องตัวมากทีเดียว
2. ดิฉันพยายามเรียนรู้ ต่อยอดซึ่งกันและกันในระหว่างผู้ประสานงานด้วยกันเองจนมีความสนิทสนมเข้าใจกันปรึกษา หารือกัน ให้ข้อมูลกันในเรื่องการงานต่างๆ ที่ต้องรู้กันเรียกว่า update ข่าวสารข้อมูลกันตลอด มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับไว้วางใจเรียนแบบงานต่อยอดงานด้านการจัดการความรู้ และงานประกันคุณภาพอย่างเป็นกันเอง
3. ดิฉันได้สัมผัสกับคนเก่งๆ ของมหาวิทยาลัยในคราวต่างๆ ที่เรากำหนดหัวข้อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันซึ่งแต่ละ มหาวิทยาลัยหมุนเวียนผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดและเลือกคนเก่งๆ มาร่วมในเวทีทุกๆ 3 เดือน มันเป็นโอกาสที่ดิฉันได้เรียนรู้เบื้องหน้า เบื้องหลังความสำเร็จของคนระดับแนวหน้า รวมถึงเรียนรู้แนวคิด ทัศนะคติในการทำงาน ประเด็นการมองสิ่งต่างๆ แบบสดๆ แทนการอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
4. การทำงานแบบเครือข่ายทำให้ดิฉันแอบเห็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมที่ต่างของสถาบัน "บางครั้งถึงขั้นขัดแย้ง" แต่ผู้รับผิดชอบหลักก็มสามารถบริหารความขัดแย้งนั้นได้อย่างเนียบเนียน และทำให้ดิฉันเห็นๆได้ว่ามันเป็นธรรมชาติหนึ่งของการทำงาน ที่สำคญกว่าคือเราสามารถ "จูน" กันและทำงานได้อย่างราบรื่น แบบ "แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง" แล้วเราก็พัฒนาจุดร่วมเรียนรู้เลียนแบบจุดต่างของกันเพื่อการพัฒนาจุดแข็ง กำจัดจุดอ่อนของกัน
ดิฉันสรุปสิ่งที่ได้จากการเป็นเครือข่ายในส่วนของตนเองว่าเครือข่ายที่รวมกันนี้เป็นหนึ่งในแรงฉุดสำคัญที่ทำให้ดิฉันพัฒนาตัวเองพัฒนาตัวเอง จากแรงขับจากการได้รับมอบหมายงานนี้ซึ่งต้องพบต้องเจอกับผู้ใหญ่ระดับบนๆ ในหลายๆสถาบัน จนสามารถยิ้มได้ในเวที UKM ว่าบุคลากรสายสนับสนุนของ ม.อ. เช่นดิฉันก็มีเอกลักษณ์มีแบบการทำงาน ทั้งหมดล้วนได้จากการฟูมฟักจาก คนรุ่นเก่าที่เคี่ยวกรำการงาน ผ่านการคลุกคลี การทำงานร่วมกันในโอกาสนี้เองได้รับการถ่ายทอดจินตนาการ รวมไปถึงปณิธานในการทำงานได้รับการถ่ายทอดไปพร้อมๆกัน
ดิฉันได้รับการพัฒนาบุคลากรจากมหาวิทยาลัยถึง "ขั้นสูงสุด" ที่พูดเช่นนั้นเพราะงานนี้ มอบโอกาสหลายโอกาสที่ต้องมีการประสานข้อมูลการพูดจา การแสดงความเห็นการสะท้อนหลักคิดสะท้อนภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ทำให้ดิฉันพยายามพัฒนาตนเองในทุกด้าน เพื่อภาพลักษณ์ของ ม.อ. และที่สำคัญดิฉันมีความสามารถสูงสุดของการพัฒนา คือดิฉันเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเองได้..โดยไม่ต้องรอใครมาสอน ทุกวันนี้หากอยากรู้เรื่องอะไร หรืออยากทำอะไรเป็นดิฉันจะเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาวิ่งเข้าไปลองทำดูซักตั้งว่าจะทำได้หรือเปล่าแทนที่จะรอให้มันมาหาเราเอง...หรือรอให้เขาจัดอบรมให้เรารู้เรื่อง อีกนิสัยที่ได้มาคือ สามารถเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้ตลอดเวลา..เรียกว่ากระหายต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่เชียวหล่ะ...และไม่มีปัญหาเรื่องไม่มีเวลาแต่อย่างใดหากสนใจใคร่รู้
ขอบคุณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ทำให้ดิฉันมีวันนี้ ที่ได้ติบโต
ดีใจครับพวกเรามารวมพลัง กู่สร้างสรรค์ ใน UKm12 ครับ
สวัสดีค่ะพี่เมตตา
สวัสดีค่ะ สังคมแห่งนี้ทำให้ทุกคนเรียนรู้หลายอย่างเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ตัวเอง และสิ่งรอบตัวค่ะ
ร่วมการประชุมแต่ละครั้ง เล่าอย่างไรก็ไม่เหมือนอยู่ในบรรยากาศจริงนะคะ
ยินดีกับโอกาสที่คุณเมตตาได้รับ สิ่งที่ได้เรียนรู้และพัฒนาตน
บันทึกนี้ เขียนได้ลึกและโดนใจมากๆ ค่ะ
พี่จิ๊บคะ
รบกวนใส่คำสำคัญ UKM12 ด้วยนะคะ เพื่อให้สะดวกต่อการตามอ่าน งานครั้งที่ 12 คะ
มีความเห็นเหมือนอ.หมอปารมีเลยค่ะ เรียกว่าถ้าไม่อ่านความเห็นก่อนคงจะออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันเลย แสดงว่าคุณจิ๊บแสดงความคิดออกมาทางตัวอักษรได้อย่างลึกซึ้งจนคนอ่านรู้สึกได้จริงๆค่ะ เป็นข้อคิดที่ดี ซึ่งการถ่ายทอดด้วยคำพูด คนฟังอาจจะรับได้ไม่เต็มร้อย เขียนไว้เป็นบันทึกแบบนี้แหละค่ะ ยอดเยี่ยมแล้ว
เอาไป 1 กอดแน่นๆนะคะ
สุดยอดครับ เด็ก มอ.
สวัสดีค่ะ
ยินดีที่เห็นหน้ากันใน UKM
เป็นโอกาสของเราที่มีโอกาสได้พบคนเก่งของทุกมหาวิทยาลัย ทำให้เราสามารถนำสิ่งที่ได้มาต่อยอดในงานได้นะ
*** แวะมาเยี่ยมค่ะ ***
*** คุณเมตตาสุดยอดเลยนะคะ ***
*** คนมีไฟ หัวใจมีฝัน สู้สู้ นะคะ
ขอบคุณทุกท่านมามาอ่านนะคะ...เพิ่งจะมาใส่ คำสำคัญ UKM12 วันนี้เอง...ค่ะน้องมะปราง....