จากเหตุการณ์หนึ่งที่ศาสตราจารย์นายแพทย์วิญญู มิตรานันท์ ได้เล่าสู่กันฟังระหว่างการแบ่งกลุ่มเล่าเรื่องประสบการณ์ความประทับใจของกลุ่มที่ 2 ในงานสัมมนาภาควิชาพยาธิวิทยา ในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา ที่โรงแรม บี พี สมิหลา จังหวัดสงขลา
ในอดีตเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น กล่าวคือมีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อว่า ด่าว่า ข่มขู่ และขู่ฆ่า อาจารย์ผู้สอน จนมีการร้องเรียนกันเกิดขึ้น เรื่องนี้ได้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯเพื่อไล่นักศึกษาแพทย์คนนั้นออก อาจารย์วิญญูได้พยายาม defense ให้กับนักศึกษาแพทย์คนนั้นว่า อาจารย์เชื่อว่า พฤติกรรมก้าวร้าวของนักศึกษาแพทย์นั้นเกิดขึ้นจากการป่วย ซึ่งเป็นการติดเชื้อชนิดหนึ่ง ที่ทำให้สมองเสียสมดุล และมีอาการแสดงออกคล้ายคนไข้โรคจิต จากการทบทวนวรรณกรรมในขณะนั้น ยังไม่มีการกล่าวถึงโรคนี้ ไม่มีการเขียนในตำราแพทย์ ยังเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ดังนั้นอาจารย์จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวให้กรรมการท่านอื่นเห็นด้วย โชคดีที่ความเห็นของอาจารย์ได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์ ว่ามีความเป็นไปได้ คณะกรรมการฯในวันนั้นจึงไม่ได้มีมติ ไล่นักศึกษาแพทย์คนนั้นออก
โดยทั่วไปเหตุการณ์นี้ควรจะจบลง เพียงแค่ว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ว มีมติว่า ไม่ไล่นักศึกษาแพทย์คนนั้นออก ทำให้นักศึกษาแพทย์คนนั้นได้เรียนต่อจนจบ ได้เป็นแพทย์ผู้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติโดยอาจไม่ทราบเลยว่า อดีตครั้งหนึ่งมีใครบ้างที่ให้ความช่วยเหลือ ในการ defense ให้กับคณะกรรมการฯ จนตัวเองได้รับโอกาสเรียนต่อจนจบ
แต่ไม่ใช่ครับ
จากการติดตามในอีกหลายปีต่อมา นักศึกษาแพทย์คนนั้นจึงปรากฏลักษณะอาการทางคลินิกที่ชัดเจน ที่แพทย์ลงความเห็นว่าป่วยเป็น Lymphoma
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ให้อาจารย์วิญญู กลับมาค้นคว้าอย่างหนัก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษาแพทย์ท่านนั้น การทบทวนวรรณกรรม และตำราแพทย์ ไม่ได้ให้คำตอบที่ท่านกำลังหาอยู่ ท่านกำลังเผชิญกับโรคใหม่ ที่ยังไม่มีการกล่าวถึงในตำราหรือวารสารทางการแพทย์ใดๆ ผมประทับใจคำกล่าวหนึ่งที่อาจารย์เล่าสู่กันฟังในเรื่องนี้ว่า “ผมไม่รู้ ไม่ได้” ดังนั้นการพิสูจน์เรื่องนี้ จึงต้องหาคำตอบด้วยการวิจัย
ท่านจึงต้องจัดตั้งทีมงานวิจัย ทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งท่านเป็นคนแรกที่ให้คำนิยามกับโรคใหม่โรคนี้ และมีรายงานวิจัยต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้อีกมากมายที่ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาจากท่านและทีมงาน จนปัจจุบันกล่าวได้ว่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคนี้อย่างแท้จริง
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึง การพบเชื้อรา ปนเปื้อนบนจานวุ้นเลี้ยงเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราพบกันบ่อยๆในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเราก็จะคุ้นเคยกับการแยกจานนั้นออก เอาไปทิ้ง แล้วเริ่มต้นเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียนั้นใหม่ การปนเปื้อนเชื้อราในจานวุ้นเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียนี้อาจจะบอกได้ว่าเราพบกันมานานมากแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ชื่อว่า Sir Alexander Flaming ท่านได้สังเกตุเห็นในสิ่งที่ผู้คนในอดีตไม่เคยมองเห็น นั่นคือท่านเห็นว่า รอบๆเชื้อราที่ปนเปื้อน มีวงใส ที่แสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียเหล่านั้นไม่สามารถโตได้ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบยาเพนนิซิลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกของโลกสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
เหตุการณ์เหล่านี้ อาจเป็นเหตุการณ์ปกติที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ แต่เราไม่เคยสังเกตุเห็นความแตกต่าง เราจึงไม่มีจุดเริ่มของการที่จะเป็นคนแรกที่ค้นพบนวตกรรมใดๆ ....รอสักวันนะครับ
สวัสดีค่ะคุณไมโต
ครูอ้อยเข้าใจเพียงเท่านี้....ดีใจที่ได้สนทนากันกับคุณไมโตแต่เช้าค่ะ
สวัสดีตอนเช้าครับ ครูอ้อย
ในความราบเรียบ นิ่งเฉย มักจะมีอะไรบางอย่างแฝงเร้นอยู่เสมอ
ทะเลที่เงียบงันผิดปกติ มักจะมีคลื่นใหญ่ ตามมา แม้จะเป็นป่าที่ผมคุ้ยเคยก็ตาม พรานใหญ่บอกว่า หากเมื่อใดป่าเงียบ ใบไม้ไม่ติงไหว นั่นคือสัญญาณบอกเหตุที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่อึดใจ
ความใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ควรมี และจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิถีปัจจุบันที่มีความเหมือน คล้ายคลึงด้วยการปรุงแต่ง และที่สำคัญเราไม่อาจแยกออกได้ง่ายๆว่าอะไร คืออะไร
สิ่งหนึ่งที่น้อยนิด ไม่ควรเพิกเฉย ไม่แน่ว่าสิ่งนั้น อาจเป็น "คำตอบ"ที่ยิ่งใหญ่รอการค้นพบอยู่ก็เป็นได้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมไม่กี่วัน ผมก็มองว่า สิ่งเล็กสิ่งน้อยที่อยู่รอบข้างเรา สำคัญที่สุด ทั้งอารมณ์ และความคิดของผู้อื่น ที่เราควรต้องใส่ใจสิ่งเหล่านั้น มันละเอียดอ่อน ต้องอาศัยการมองแบบเข้าใจ และเป็นธรรมชาติ
ไม่นานเราก็จะลาลับจากสังขารนี้ จากโลกใบนี้ไปแล้ว
แข่งกันทำไม ทะเลาะกันทำไม ใช่มั้ยครับพี่กานต์??
ดีในที่เห็นคุณไมโต ลงตัวกับการเล่าเรื่องอีกครั้ง...จะเข้ามาใหม่ค่ะ..สวัสดีตอนเช้าค่ะ
ได้ฟังคร่าวๆ มาจากที่ประชุม แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียด มาเข้าใจอย่างลึกซึกก็ตอนมาอ่านเรื่องที่พี่กำลังเขียนอยู่นี้ เกิดความรู้สึกว่าท่านอาจารย์วิญญูนอกจากเป็นคนเก่งท่านยังมีความเมตตาเป็นอย่างยิ่งต่อการมองชีวิตผู้คนอย่างมีคุณค่า ไม่ได้ละเลยหรือมองผ่านไป
ช่วงสองวันได้...contract กับท่านอาจารย์หมอวิญญู สัมผัสได้ถึงความเปี่ยมล้นที่มีเมตตา และความเป็น "ผู้ไม่รู้...ไม่ได้ของท่าน" เพียงแค่สบตา ทำให้ได้เรียนรู้การอยู่อย่างไม่มีอัตตาของอาจารย์...กะปุ๋มโชคดีที่ได้มีโอกาสได้รู้จักท่าน ... และตอนที่ท่านเรื่องตนเองได้เดินผ่านไปและหยุดถ่ายภาพท่านกับคุณไมโตไวด้วยค่ะ... ท่านเป็นตัวอย่างแห่งการเรื่องความสำเร็จและความภูมิใจได้อย่างดียิ่งเลยค่ะ
(^_____^)
สวัสดีจ้า น้องศา
สวัสดีจ้า กะปุ๋ม
สวัสดีครับ คุณขจิต
อยู่ใกล้อาจารย์วิญญูตั้งนาน ไม่เคยได้รับรู้เรื่องนี้เลย ว่าเป็นเรื่องที่จุดประกายการทำงานวิจัยในโรค lymphoma เห็นเพียงว่า อาจารย์มุ่งมั่นในการทำวิจัยโรคนี้มาก เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ และ เป็นตัวอย่างของความเป็นนักวิจัย ที่ใส่ใจ สังเกต เรื่องที่เปลี่ยนแปลงไป