จากข้อสังเกตดังกล่าวนั้นเป็นที่ชัดเจนว่าผลบุญ ๒๕ หรือ ๒๗ เท่านั้น สำหรับการละหมาดญะมาอะฮฺที่มัสยิดเท่านั้น ดังคำกล่าวของอิบนุ ระยับ ที่ว่า “แน่นอนว่าสิ่งที่ชัดเจนยิ่งก็คือระดับผลบุญ ที่กล่าวถึงนั้น เฉพาะ(การละหมาด) ญะมาอะฮฺที่มัสยิด” (ดูในฟัตฮุล บารี ๒:๑๕๙) เรื่องนี้วางพื้นฐานอยู่บนหะดิษนบีที่กล่าวว่า “ละหมาดคนเดียวกับ ละหมาดญะมาอะฮฺ ได้เพิ่มพูนเท่าตัวจากการละหมาด ของเขาที่บ้าน และที่ตลาดถึง ๒๕ เท่า”เรื่องนี้เขาจะได้เมื่อ เขา อาบน้ำ ละหมาด อย่างสมบูรณ์หลังจากนั้นออกไปยังมัสยิดและเขาไม่ได้ออกไปเว้นแต่เพื่อออกไปละหมาดเท่านั้น ดังนั้นเขาจะไม่ก้าวไปหนึ่งก้าวเว้นแต่จะได้รับการยกขึ้นหนึ่งขั้นและถูกลบออกไปจากนั้นหนึ่งความผิด และเมื่อเขาละหมาดบรรดามลาอิกะฮฺจะขอดุอาให้เขาตราบที่เขายังอยู่ ณ ที่ๆเขาละหมาดด้วยการดุอาว่า “โอ้ อัลลอฮฺ ได้ทรงโปรดศอลาวาต เหนือมัน เมตตาแก่เขาตราบเท่าที่ผู้หนึ่ง ในระหว่างพวกเขาอยู่ในสภาพ ที่กำลังละหมาด นานเท่ากับการรอคอยเพื่อละหมาด” (รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม) ด้วยเหตุนี้การละหมาด ญะมาอะฮฺของสตรีที่บ้าน ของพวกเธอจึงไม่เข้าเงื่อนไขความประเสริฐดังกล่าว (ยี่สิบห้าหรือ ยี่สิบเจ็ดเท่า) แต่พวกเธอจะได้รับความประเสริฐด้วยตัวมันเอง แม้ว่าเธอจะละหมาดด้วยการละหมาดที่เป็นญะมาอะฮฺหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้มีความประเสริฐยิ่งกว่าการละหมาดของพวกเธอที่มัสยิด วัลลอฮฺฮูอะอฺลัมบิศศอวาต (อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้ดียิ่ง หวังว่านี่เป็นสิ่ง ที่ถูกต้อง)
ดกหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห