ก่อนอื่นขอสวัสดี ปีใหม่กับชาว Gotoknow ทุกท่านคะ ให้มีสุขภาวะที่ดีตลอดไปนะคะ
เมื่ออ่านบทความของอาจารย์ ดร. แสวง รวยสูงเนิน http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/70074 ทำให้นึกถึงบรรยากาส ของ KM 3 ที่ทีมพัทลุงนำทีม อสม. ติดดาว(นำโดยคุณพี่ชายขอบ) http://gotoknow.org/blog/tri-paki/57666ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน กับทีมอสม. ติดดาวทั่วประเทศ เค้ามีขบวนการการจัดการความรู้อย่างธรรมชาติได้อย่างดี โดยเป็นธรรมชาติ และเป็นการแก้ไขปัญหาของชุมชนโดยชุมชนเช่น ที่นครศรีธรรมราช โดยคุณวรรณา (อสม ดีเด่น สาขาคุ้ครองผู้บริโภค) ได้สร้างชมรมคุ้มครองผู้บริโภค ขึ้น จากการสังเกตเห็นว่าชุมชน ของเค้า วิถีชีวิตเดิมได้เปลี่ยนไป ชุมชนหนาแน่นขึ้นมีอหารแผงลอยมากขึ้น ชุมชนจัดการโดยสร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หาแน่วร่วมในการแก้ปัญหา และวิธีการจัดการโดยชุมชนของเค้าเอง พัฒนาร้านชำ และแผงลอย ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค ร่วมกันแก้ไขปัญหา ให้รางวัลแก่ผู้กระทำดี และยังมีอีกหลายประเด็นมากที่เรานึกไม่ถึง ไม่คาดคิด แต่น่าเสียดายทีเค้าโดนวิชาการมาทับโดยเฉพาะศัพท์วิชาการที่เราใช้กัน เช่นคำว่า KM (อสม. เราบางคนเรียกว่า MK เพื่อให้จำง่าย เพราะเราขยายความว่า MK เว่าเราคัดสรรเอาสิ่งดีๆ มาให้กับคนดีๆ ได้รับกันตั้งแต่ขบวนการ วัตถุดิบ ) แต่เมื่ออธิบายความหมายเค้าก็ว่า อ้อ เค้าก็ทำKMกันอยู่ตั้งนานแล้วนี่ เนียนอยู่ในเนื้องาน ไม่ได้เป็นรูปแบบแบบนักวิชาการ ทำให้เค้าเกิดความรู้สึกต่าง แต่ดิฉันมองว่าหากเขาได้เรียนรู้ทักษะบางอย่าง หรือมีโอกาสเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับ ที่สากลขึ้น เราอาจได้เรียนรู้สิ่งดีๆ จากเค้ามากขึ้น และตัวเค้าเองก็ได้พัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ขอบคุณ คุณพี่ชายขอบ ที่มา ลปรร.
ส่วนนี้เราคงไม่ได้นำมาแยกส่วนของนักวิชาการ และนักพัฒนาชุมชนระดับรากหญ้าใช่ไหมคะ แต่เราอยากทำความเข้าใจ และ อยากให้เข้าใจธรรมชาติของนักพัฒนาชุมชน สู่การพัฒนาที่ดีขึ้น โดยเก็บส่วนดีเค้าไว้ และเติมเต็มส่วนที่เค้าขาดให้เต็ม เช่นหากเราเห็นว่าเค้าขาดในเรื่องการบันทึก เราจะทำอย่างไรให้เค้าบันทึกส่วนดีที่มีไว้ ให้สืบทอดต่อไป