การสร้างสรรค์การศึกษาโดยกลุ่มเยาวชน จากการเรียนรู้ร่วมกันในการแก้ไขปัญหา การสืบสานสิ่งที่ดีให้มีการพัฒนายิ่งขึ้น ในการศึกษาของเด็กๆ ที่มีความสุข จากการเรียนรู้ที่แยกไม่ออกเรื่องเล่น เรื่องสนุกของเด็กในวัยซน และการเรียนรู้ที่เป็นการสร้างอุดมคติ สร้างความหมายในชีวิตของเยาวชน การจัดการศึกษาของตนเองอย่างใกล้ชิดกับชุมชนของเด็กๆ มีเป้าประสงค์เพื่อจะเข้าใจกฎเกณฑ์ โครงสร้างที่เชื่อมโยงถึงกันในระดับครอบครัว ชุมชน สังคมกับกระแสการพัฒนาจากภายนอก สามารถกำหนดบทบาทที่สร้างสรรค์ของเด็กๆ และเยาวชนในกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยปัญญาอันก่อให้เกิดความสุขร่วมกัน เป็นกรอบคิดที่สำคัญในการจัดการศึกษาของกลุ่มยุวชนสร้างสรรค์
ในช่วงการทำงาน กลุ่มยุวชนฯ ได้ใช้งานวิจัยเป็นเครื่องมือในการถอดบทเรียน โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ซึ่งได้พบรูปแบบการเรียนรู้ของตนเองที่เรียบง่าย 7 รูปแบบ ได้แก่ การศึกษาจากการปฏิบัติ การสื่อสารประชาสัมพันธ์/รณรงค์ ชุมชนศึกษา การซึมซับถ่ายทอดแบบที่ดี การสนทนาที่ลึกซึ้ง การศึกษาดูงาน และการฝึกอบรม
ในการทำงานถอดบทเรียน ได้เห็นช่องทางที่จะส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มเยาวชนที่มีความพร้อม ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้กระบวนการวิจัยซึ่งเป็นแบบแผนการศึกษาแบบใหม่ ที่แตกต่างจากการศึกษาแบบถ่ายทอดความรู้ในชั้นเรียน ที่ห่างไกลจากชีวิตจริง ห่างไกลความจริง
กล่าวได้ว่า ยุวชนฯ เติบโตมาเคียงคู่กับกัลยาณมิตรร่วมเส้นทาง ซึ่งนับได้ว่าเป็นบทเรียนสำคัญในเบื้องต้น ดังจะเห็นว่ามีกัลยาณมิตรที่หนุนช่วยมา ในเรื่องราวอันต่อเนื่องเป็นลำดับ ทั้งกลุ่มเพื่อนลานสนสัมพันธ์ กลุ่มน้ำใจครู มูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม มูลนิธิธรรมสวัสดี เครือข่ายเยาวชน 4 ภาค ผู้ใหญ่ภายใน ภายนอกจังหวัด เป็นต้น
ในเส้นทางที่เรียนรู้ กลุ่มยุวชนฯ ได้นำกระบวนการต่างๆมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับตนเอง ภายใต้กรอบคิด และวัฒนธรรมของกลุ่มที่ชัดเจน ได้แก่ การศึกษาโดยกลุ่มเยาวชนที่มีรูปแบบการเรียนรู้ 7 รูปแบบ มีการสืบสานสายใยถึงครอบครัว และชุมชน มีบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุก สดชื่น แจ่มใส เมื่อเข้ามาอยู่ในระบบสายสัมพันธ์ภายในกลุ่ม ที่มีการช่วยเหลือกันด้วยความเป็นพี่น้อง
ด้านงานเคลื่อนไหว บทเรียนที่สำคัญได้แก่การมีพี่เลี้ยงที่เข้าใจเรื่องกระบวนการเรียนรู้ เข้าไปยกระดับความสามารถของกลุ่มเยาวชนให้มีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในฐานความสนใจหรือปัญหาของตัวเด็กเอง หรือชุมชนพร้อมทั้งเป็นผู้ช่วย ผู้สื่อความกับกลุ่มพ่อแม่และครูที่ยังค่อยเข้าใจเรื่องการศึกษาแบบใหม่มากนักด้วย
แม้ว่าการเรียนรู้ของยุวชนฯ จะเชื่อมโยงออกไปถึงสิ่งใกล้และไกลตัว แต่ด้วยวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่สืบทอดมากจากการเรียนรู้ที่สวนโมกข์ ทำให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ภายในตัว การเรียนรู้ในเชิงศาสนธรรมเป็นแนวสำคัญของกลุ่ม ซึ่งมีกระบวนการเรียนรู้อย่างบูรณาการกับแบบแผนการเรียนรู้ทุกๆด้าน มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่สวนโมกข์สม่ำเสมอ ตลอดปีที่ผ่านมาในวิถีการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งในระดับจิตใจเช่นนี้ เป็นไปตามคำสอนของท่านอาจารย์ รัญจวน อินทรกำแหง ที่ปรึกษาของกลุ่มที่ให้แนวทางไว้ตั้งแต่ต้นว่า “แม้เราจะเป็นกลุ่มน้อย แต่เราทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยชีวิตและวิญญาณของครูนี้ เป็นการทำงานที่เป็นบุญกุศลที่ใหญ่หลวง ทั้งต่อชีวิตเด็กที่ได้เกิดมาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา และต่อสังคมชาติ บ้านเมืองไทย” และจากคำกล่าวแม่ชี ดังฤดี จันทรประภา ผู้ก่อตั้งกลุ่มน้ำใจครูได้กล่าวกับพวกเราไว้ด้วยว่า การงานเป็นอุบาย ในการพัฒนาจิตให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผลเรื่องอื่น เป็นเรื่องรอง
สำหรับสายสัมพันธ์ที่ดีของกัลยาณมิตร ทางกลุ่มมีบทเรียนในการสร้างความเชื่องโยงกันอย่างสร้างสรรค์ การได้ก้าวล่วงไปในบางด้าน ที่ได้ยังไม่ได้เรียนรู้กัน เรียกว่าเป็นการใช่หลักของนักเคลื่อนไหวของยุคก่อน เป็นการแสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง โดยเฉพาะการปฏิสัมพันธ์กับองค์กร/สถาบันที่มีวัฒนธรรมต่างกันมากๆ เรายิ่งต้องระมัดระวังประเด็นนี้กันมากขึ้นอีก เช่นการร่วมมือกับระบบโรงเรียน ที่มีวิธีคิดแบบแยกส่วน เน้นการเรียนรายวิชา การแข่งขัน เราจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับการเรียนในห้องเรียน ( ไม่ทำหลักสูตรในท้องถิ่น ) แต่จะชวนเด็กๆ และครูมาร่วมกันเรียนรู้ จากประเด็นของเด็ก โรงเรียน ชุมชน โดยใช้กระบวนการที่เหมาะสม
บทเรียนในด้านการประชาสัมพันธ์ พบว่ามีการสื่อสานสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาแบบใหม่ กันอย่างจริงจัง ยังไม่สามารถ แต่ยังไม่สามารถ สร้างกระแส ได้มากเท่ากับกระแสอื่นๆ เช่น การปฏิรูประบบสุขภาพ กรณีป่าชุมชน/คนอยู่กับป่า ในด้านนี้ ยุวชนสร้างสรรค์ ยังขาดบทเรียนในการทำงานวงกว้าง แต่ในการทำงาน ในขอบเขตของกลุ่มและเพื่อนๆได้พบว่าการสื่อสารจากคนต่อคน จากกิจกรรม เป็นการสื่อสารที่ สร้างความเข้าใจที่ดี มีผลในเชิงสร้างสรรค์ข้องข้างมาก รวมถึงความเคลื่อนไหว รณรงค์ผ่านเวทีเรียนรู้ โดยมีรูปธรรมมานำเสนอ นำเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ
บทเรียนต่อมา คือการพัฒนาพี่เลี้ยงที่มีความสามารถในการทำงานแบบมีส่วนร่วม การร่วมมือกับเยาวชนในการสื่อสาร สร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ ครู และชุมชน เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่เหมาะสม ส่งเสริมความเป็นพี่น้องภายในกลุ่ม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่กันตามแนวที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้กล่าวไว้ว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ายิ่งกว่าคำสอน เพื่อจะสร้างรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ขึ้นมาในสถานการณ์จริงด้วยกระบวนการที่หลากหลาย เป็นการเรียนรู้หลายมิติ ใช้ชีวิตเป็นตัวตั้ง เรียนไปปฏิบัติไปด้วย เรียนรู้เพื่อพัฒนาชีวิตในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจ กับชุมชนและสังคม อย่างต่อเนื่องด้วย
เรื่องสำคัญ ที่เด็กๆได้ทบทวนร่วมกัน ในการประชุมที่ผ่านมา คือบทบาทของกลุ่มในการทำงานเชิงสงเคราะห์ ในความหมายของการเกื้อกูลกันแบบเดิมๆที่ได้ทำมาโดยตลอดได้แก่การมอบทุนการศึกษาแก่เด็กๆที่มีความจำเป็น การดูแล ส่งเสริมด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสม การเป็นที่พักที่ปรึกษาซึ่งพี่ๆและคุณครูที่ศาลาน้อยได้สืบทอดกันมา รวมถึงการร่วมงานสร้างสรรค์กับฝ่ายประชาสังคมที่ต่อเนื่องมา เช่นกัน
ท่ามกลางระบบการศึกษาที่ยังผิดทิศผิดทาง เรายังต้องช่วยกันสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงต่อไปอีกมาก ทั้งการสร้างพื้นที่รูปธรรมของระบบการเรียนรู้ของเด็กๆ โดยเชื่อมโยงกับวิถีของชุมชน ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับภาคสังคมและการเชื่อมโยงกันผลักดันเป็นนโยบายร่วมกับหลายๆภาคส่วนต่อไป
การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริง การทบทวน สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง กระทั่งการวางแผนกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อก้าวต่อตามความสนใจของเด็ก ๆ ทำให้เห็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นกับตัวเด็กเองอย่างน่าสนใจ จากสิ่งเล็ก ๆ ที่ได้ดำเนินการตามความสนใจ และมีความต่อเนื่อง กระตุ้นให้อยากค้นหาและพัฒนาสิ่งที่ทำอยู่ให้มีความน่าสนใจและชวนคิดสิ่งใหม่อยู่เสมอ ๆ นี่คือการเรียนรู้ที่มีการประสานระหว่างเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตกับสิ่งที่แวดล้อมอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ย้อนอ่านรายละเอียดของกลุ่มที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 และติดตามความเป็นมาเวทีเยาวชนจิตอาสาเพื่อพัฒนาตนเอง ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3
ไม่มีความเห็น