รถยนต์กับคนทุกชนชั้นเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วหรือ..? ในบางประเทศเขามี Zone ให้รถวิ่งในเมืองอย่างจำกัด เมื่อเข้าเขตนั้นๆ ก็ต้องจอดรถของคุณไว้ แล้วใช้จักยานขี่ต่อไปตามเป้าหมายที่จะไป เมื่อคราวก่อนผู้บันทึกเขียนไว้ว่าพี่น้องดงหลวงได้เงินพิเศษมาจากรัฐบาล เหมือนส้มหล่นสมัยเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่รัฐค้างคาสัญญาที่ทำกันไว้ เมื่อท่านนายกคนปัจจุบันขึ้นแท่นก็ใช้โอกาสนี้จัดการข้อคั่งค้างนี้ซะ ชาวบ้านยังไม่ทันได้จับเงินเลย สั่งเหมารถมอเตอร์ไซด์มาจากร้านในเมืองให้มาส่งเป็น Lot ใหญ่ นับหลายสิบคัน ก็เงินของเขา เขาอยากจะซื้ออะไรก็เรื่องของเขา มุมนี้ไม่มีใครคัดค้าน แต่มุมมองอื่นๆน่าสนใจ เช่น ทำไมเขาไม่เก็บเงินก้อนนี้ไว้สำหรับลงทุนทางการเกษตร ทำไมไม่ฝากเงินไว้ก่อนเพื่อความจำเป็นต่างๆค่อยเบิกมาใช้ ใช้อย่างมีแผนหน่อย ...ทำไม...ทำไม..
เพื่อนรุ่นน้องท่านหนึ่งเป็นรองสาธารณสุขจังหวัดแห่งหนึ่งและเป็น ผอ.วิทยาลับชุมชนด้วย กล่าวกับผู้บันทึกว่า
“พี่ พี่ เห็น Fortuner คันงามนั่นไหม”
ผู้บันทึกก็ตอบว่า เห็น ทำไมหรือ..
น้องกล่าวต่อไปว่า พี่ทราบไหมว่า รถ Series นี้ที่วิ่งบนท้องถนนแถบนี้ ผู้เป็นเจ้าของส่วนมาก ถึงหกในสิบคันเป็น ผอ.โรงเรียนครับ”....
น้องท่านนี้เป็นเพื่อนกับเจ้าของศูนย์ขายรถยนต์ยี่ห้อนี้ จึงทราบข้อมูลดี และเงินที่เอามาซื้อคือเงินที่มาจากการกู้สหกรณ์ครูครับ คนไหนคนนั้น... หากตามไปดูยอดเงินกู้สหกรณ์ก็พุ่งพรวดพลาดทะลุทะลวงมากยิ่งกว่าตลาดหุ้นเสียอีก ทำไมถึงมีค่านิยมเช่นนั้น ท่านนักการศึกษาจะไปปฏิรูปการศึกษาต้องนั่ง Fortuner ไม่งั้นปฏิรูปไม่ได้..ไปไม่เป็น.. กินไม่ได้ แต่เท่ห์ระเบิดเถิดเทิง..
ที่สนามกอล์ฟจะพบว่าท่าน ผอ.มาดเข้มด้วยเสื้อผ้ามีระดับ ก้าวลงมาจากรถยี่ห้อนี้แล้วก็วาดลวดลายในสนามด้วยเงินติดปลายนวมครั้งๆหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2-3 พันบาท สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นบางคนบางท่านเท่านั้นนะครับ แต่มีไม่น้อย ยิ่งสถิติที่น้องผู้บันทึกกล่าวมายิ่งสะดุ้งหลายตลบ..
ทั้งหน้าจืดหน้าบานมันควบคู่กันไปเพราะค่านิยมจมไม่ลง
ผู้บันทึกเคยมีโอกาสลงลึกเรื่องกองทุนหนึ่งของรัฐที่เจตนาเพื่อให้ชาวบ้านกู้ไปทำการเกษตรต่างๆ ซึ่งในหลักการต้องมีคณะกรรมการในหลายระดับตั้งขึ้นมาช่วยกันทำงานพิจารณาเงินกู้ แล้วก็อนุมัติเงินกู้
· ใครอยากกู้ก็ไปเขียนแบบฟอร์มแสดงเหตุผลการกู้เพื่อการเกษตร
· ยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณา
· หากอนุมัติก็เอาไปเลย
· แล้วเงินที่ได้มาก็เอาไปใช้ตรงบ้างไม่ตรงบ้างกับวัตถุประสงค์ที่ขอกู้เงิน
· สมมุติว่าเอาเงินไปใช้จริงๆตามวัตถุประสงค์ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ เพราะอาชีพการเกษตรนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก บริษัทประกันภัยไม่กล้ารับประกัน หรือจะทำก็เลือกดีๆ และเบี้ยประกันสูงมาก ชาวบ้านชายป่าที่ไหนจะไปทำประกัน
· หน่วยงานที่ปล่อยก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการเกษตรที่จะตามไปดู ไปให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการทำการเกษตรต่างๆเพื่อลดความเสี่ยงลงมา
· ผลที่สุดก็ล้มเหลว วงจรกู้เริ่มเกิดขึ้นใหม่เพื่อใช้หนี้เก่า แล้วก็วนเวียนซ้ำซากแบบนี้ และแน่นอนหนักมากขึ้น
ถามว่าเจ้าหน้าที่รู้ไหมเรื่องเหล่านี้ รู้ครับแต่ไม่มีเงื่อนไขที่ดีเพียงพอในการแก้ไข ได้แต่ประชุมแล้วก็ฝากเตือนชาวบ้านเรื่องนี้ มันจะไปแก้อะไรได้ล่ะ การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ประชุมแล้วบอกอย่างนั้นอย่างนี้ ง่ายจัง..
กองทุนเงินล้านเข้าไปอีก ชาวบ้านก็ปรบมือชอบใจ ยกนิ้วให้กับท่านผู้วิเศษที่จะแก้ความยากจนในหกปี กองทุนเงินล้านก็แปรสภาพเป็นมอเตอร์ไซด์ ที่บริษัท ห้างร้านก็รับลูกทันที สมัยก่อนต้องวางเงินดาวน์ เป็นหมื่น ไม่กี่ปีต่อมา แค่เงิน พันบาทก็เอารถมอเตอร์ไซด์ออกได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องดาวน์มาเอารถคันสวยออกไปได้เลย เพียงสองสามเดือนรถมอเตอร์ไซด์คันสวยนั้นก็กลับมาวางที่หน้าร้านขายในฐานะรถยืด
หกปีที่จะแก้ไขปัญหาความยากจน แบบ “อาจสามารถโมเดล” ข้าราชการสะดุ้งเมื่อเวลาใกล้เข้ามา ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย บังเอิญที่กรุงเทพฯเกิดเภทภัยทำให้เก้าอี้ตัวหนึ่งขาหักลง เลยส่งผลให้อาจสามารถโมเดล กลับเข้าไปอยู่ในมิติของอดีตไปแล้ว
บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานโขแล้ว มีแต่ “หน้าบานแบบจืดๆ” ครับทั้งในเมืองและชนบท
สวัสดีครับน้องขจิต
สวัสดีค่ะ
อยากเห็นคนชนบทคิดอะไรยาวๆกว่านี้ค่ะ
ช่วยเล่าหน่อยค่ะว่า คนสูงอายุ50 upเขาทำอะไรกัน
คนชนบทอายุไม่มากแต่ดูเหมือนอายุมากค่ะ เพราะเขาตรากตรำมากกว่า
ลองอ่านที่นี่ค่ะ
สวัสดีครับท่าน sasinanda
ชาวชนบทอายุเกิน 50 เขาทำอะไร ก็ทำงานตามปกติครับ ยังทำนาทำสวนเหมือนเดิม ยกเว้นว่ามีลูกหลานอยู่ด้วย ลูกหลานก็ช่วยทำงานมากขึ้น แต่ที่พบเห็นยังขึ้นภูเขา เลี้ยงวัว เก็บผัก รดน้ำต้นไม้ แต่ง่รที่ใช้กำลังมากๆเช่นไถนา ขุดดินก็ให้ลูกหลานทำครับ
คนชนบทตากแดดตากฝนจึงดูอายุแก่กว่าจริง ผมจะตามเข้าไปดู blog ครับ ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณบางทราย
แวะมาเยี่ยมอีกแล้วครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณขจิตทุกข้อเลย โดยเฉพาะเรื่องความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของนักการเมือง(ส่วนใหญ่)
นักการเมืองส่วนใหญ่จะคิดหาโครงการใหม่ๆให้ชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านประทับใจว่ามี"ผลงาน" เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้อ้างเอาบุญคุณกับชาวบ้านได้ แต่หลังจากมีโครงการแล้ว ไม่เคยติดตามดูผลสัมฤทธิ์เลย
แล้วอย่างนี้ประเทศไทยจะเหลืออะไร?ล่ะครับ
อาจารย์ศิริศักดิ์ครับ