การจัดการความรู้เป็นกระบวนการที่มีพลัง มีเสน่ห์ ตั้งแต่ได้รู้จักก้าวย่างเข้าร่วมเรียนรู้ในกระบวนการนี้ มีโอกาสพบเพื่อนที่มีน้ำใจมากมาย ทุกครั้งที่เพื่อนมีอะไรดีมักจะชักชวนให้ไปดู ได้ไปเรียนรู้ด้วยกัน
ช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 2550 ได้รับการประสานทางอีเมล์ จากคุณอนุชา หนูนุ่น (ชายขอบ) ว่า อยากให้ผม และ ครูนงเมืองคอน ไปช่วยเป็นวิทยากรกระบวนการหน่อย ซึ่งจริง ๆ เป็นคำชวนที่ให้เกียรติเสียมากกว่า แท้จริงเมื่อผมไปแล้ว กลับกลายจะเรียกว่าเป็นนักเรียนก็ได้ แต่ผมก็คิดเอาว่า น้องชายขอบต้องการให้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในฐานะนักเรียนโรงเรียนคุณอำนวยเมืองคอนแน่ ๆ
ที่ติดต่อประสานผมนั้น บอกว่า จะจัดกระบวนการเรียนรู้เครือข่ายคนพิการทุกประเภท 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ไม่ใช่ไปรับหลักการจากใครก็หาไม่ ในเรื่อง "บทเรียนเส้นทางการหลอมร่วมรวมพลังเครือข่ายคนพิการระดับจังหวัด"
ผมได้เดินทางไปร่วมมาแล้ว โดยเดินทางไปพร้อมกับครูนงเมืองคอน ซึ่งก็ได้รับเชิญในลักษณะเดียวกันกับผม กระบวนการจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2550 ณ โรงแรมไดอิชิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
วันนี้หยิบจับเอกสารที่ได้ติดมือกลับมาอ่านดูอีกครั้งและทบทวนกับสิ่งที่ได้พบได้เห็นในเหตุการณ์จริง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้เห็นและประทับใจในการกระบวนการที่ปฏิบัติจริง ๆ คือ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ครั้งนี้ได้เห็นของแท้ว่าการจัดการความรู้ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ที่ทุกคนมีจิตเข้าถึงแล้วเป็นอย่างไร
อ่านโครงการที่เขาเขียน เทียบเคียงกับความคิดความรู้สึกที่เคยมี กับเหตุการณ์ที่ได้เห็นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเราคิดหรือมองว่า คนพิการคือคนที่ลำบาก สังคมต้องให้ความช่วยเหลือ คนอื่น ๆ ก็อาจคิดเหมือนผม หรืออาจมองไปว่าน่าสงสาร เป็นเวรกรรม เป็นภาระที่สังคมต้องให้ความช่วยเหลือดูแล
แต่เมื่อไปเห็นเข้าจริง ๆ กลับมองแทบไม่เห็นความพิการของเขาเหล่านั้นเลย เป้าหมายที่เขากำลังเดินคือเดินบนเส้นทางของการช่วยกันพัฒนาสังคมไทยโดยรวมต่างหาก
ผมคุยกับน้องชายขอบ(อนุชา)ว่า ผมไม่เห็นว่างานนี้คืองานคนพิการตรงไหน เพราะที่เห็นคือการใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดาทั่วไป มีความแตกต่างเล็ก ๆ ในบางเรื่องเท่านั้น ซึ่งคนปกติธรรมดาก็มีแตกต่างกันอยู่แล้วเช่นกัน น้องชายขอบพูดกับผมว่า เขาเหล่านั้นหลุดพ้นจากจุดนั้นไปแล้ว ก้าวพ้นจากจุดที่สังคมมองเขาไปแล้ว ฟังแล้วต้องคิดนานคิดลึก ๆ
พี่ประสิทธิ์ จากพัทลุง นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวตอนพักเที่ยง ผมก็ไม่เห็นว่าพี่ประสิทธิ์จะพิการอะไร แถมยังพูดให้ผมต้องคิดแบบสุดซึ้งอีกว่า
"คนพิการที่มาจากกำเนิดมีน้อยเต็มที เพราะความเจริญทางด้านการแพทย์ ถ้ามีหลงมาบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของคนผู้นั้น ที่เขาเริ่มชีวิตที่จุดนั้น แต่คนปกติธรรมดาที่ครบถ้วนทุกอย่าง เริ่มต้นชีวิตมาด้วยความสมบูรณ์แล้ว มาพลาดพลั้งให้ต้องพิการ คาดว่าบุคคลเหล่านั้นกว่าจะหลุดพ้นได้ จะทุกข์ใจแสนสาหัสมาก เราคนพิการมีความคิดอยากให้ช่วยกันป้องกันคนปกติสมบูรณ์อย่าต้องมาเป็นคนพิการ" คำพูดเหล่านี้ครับทำให้เกิดความคิด เมื่อได้เห็นศักยภาพของคนในเครือขายคนพิการครั้งนี้ ว่าสังคมคิดไปเองจริง ๆ
คุณชาญวิทย์-นครศรีฯ
เมื่อวานผมเจอตัวจริงน้องนัทธร นักวิชาการส่งเสริมฯสนง.เกษตรอำเภอสิชล คุยกันหลายเรื่อง ได้ข่าวว่าจะย้ายเข้ากรมอีกแล้วครับ
วันที่ 16 - 18 ธ.ค.เป็นตัวแทนนักเรียนโรงเรียนคุณอำนวยอีกรอบนะ ในโอกาสที่จะไปฝึกฝนเรียนรู้งานในหน้าที่คุณอำนวยจากเวทีของกรมควบคุมโรค(ต่อจากที่ทำร่วมกันที่จังหวัดตรังเมื่อปีที่แล้ว) ตามที่นายหัวชายขอบน้องบ่าวที่นับถือของผมระบุมาแบบขู่ๆหน่อยๆว่าต้องไปให้ได้ ผมติดไปอบรม ที่ กศน.ภาคอีสาน อุบลราชธานี แต่ในส่วนของ กศน.ได้ประสานครูราญไว้เรียบร้อยแล้ว หมอวิเชียร ร.พ.มหาราช น้องชายขอบจะประสานเอง
ในช่วงงานดังกล่าวน้องชายขอบน้องบ่าวที่นับถือของผมจะคุยเรื่องการขยายดรางเรียนคุณอำนวยภาคใต้ด้วย คืบหน้าอย่างไรบอกด้วยด้วยนะครับ
ผมเห็นคำสั่งจังหวัดนครศรีฯเรื่องชุมชนอินทรีย์ มีชื่อคุณชาญวิทย์อยู่ 2 คำสั่ง ไม่ทราบได้แล้วยัง
เรียน อ.จำนง
ขออภัยด้วยตอบช้าไปหน่อย แล้วจะดำเนินการตามที่บอกนะครับ อยู่อุบลตอนนี้เป็นไงบ้าง ขอให้สนุกนะครับ
สวัสดีครับ น้องสิงห์ป่าสัก
คิดถึงเช่นกันครับ วันที่ 16-18 ธ.ค.50 นี้ ร่วมกิจกรรมกับ น้อง"ชายขอบ"อีกครั้งแล้วค่อยเล่าให้ฟังครับ
ช่วงนี้ ADSL อืดครับ
สวัสดีคะ พี่ชาญวิทย์ และนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนี่ง
ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ เข้าใจคำว่าชีวิตอย่างแท้จริง
ตามพระราชดำรัช "เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา "
แวะมาทักท้ายครับ
km เป้นเรื่องที่น่าสนใจและควรบอกต่อๆๆ