การดำเนินการในเวที บางครั้งต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ในโอกาสที่ได้รับเชิญเป็นวิทยากร "การจัดการความรู้เพื่อการส่งเสริมการเกษตร" โดยคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บันทึกตอนที่ 2 บันทึกตอนที่ 1
ช่วงเช้าของวันที่ 20 กันยายน 2550 เป็นหน้าที่ของผมและพี่เกรียง (เกรียงไกร เลขาพันธ์) ต้องดำเนินการ ซึ่งได้รับมอบห้องอบรมมาเลยจากทีมวิทยากร ของ ม.อ. ว่ามอบหมายไปเลยเต็มที่ตามกระบวนที่ผมและพี่เกรียงต้องการ
หลังจากสังเกตการณ์ ในช่วงเย็นของวันที่ 19 กันยายน 2550 แล้ว โดยดูข้อมูลการอบรมของ 3 วันแรก ก็หารือกันระหว่างผมกับพี่เกรียง เพื่อให้กิจกรรมเชื่อมโยงและเป็นประโยขน์กับผู้เข้ารับการอบรม และให้ได้รู้จริง ๆ
ในส่วนของผมที่ต้องการมากที่สุดที่ตั้งใจไว้คือ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ทุกคนก็เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนนักส่งเสริมการเกษตรด้วยกัน ที่อยากช่วยเพื่อนเนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการ KM ช่วยผมให้ผ่อนเบาในการทำงานลงได้จริง ๆ และทำงานในบรรยากาศที่สนุกกับเกษตรกร จึงอยากให้เพื่อนได้นำไปใช้ และไม่คิดไปผิดทางไม่เช่นนั้นเหมือนเป็นการเพิ่มงาน กลายเป็นมีความจำเป็นที่ต้องทำ ไม่ใช่เป็นเครื่องมือ
ช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน 2550 มีความจำเป็นที่จะต้องบรรยาย เพื่อสร้างความเข้าใจให้เพื่อน ๆ แต่ผมก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องราวประสบการณ์ โดยเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ผมไม่เข้าใจและไปผิดทาง เผื่อว่ามีใครอาจคิดแบบที่ผมคิดในตอนก่อนหน้านี้
จะว่าไปแล้วจะให้เข้าใจเลยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าหากไม่ลงมือทำ ยิ่งมีใจติดยึดและเกรงทฤษฎีด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขาดความมั่นใจในการลงมือทำ
โมเดลปลาทู ส่วนหัวส่วนเดียวมีคนพูดถ่ายทอดทางทฤษฎีไม่เหมือนกัน เป็นทั้งที่เขียนไว้ว่า "วิสัยทัศน์ " "คุณเอื้อ" "กำหนดทิศทางว่าจะไปทางไหน" แล้วอะไรกันแน่ สับสนได้ง่าย ๆ
ในบริบทของนักส่งเสริมฯ แล้วอาจมีความแตกต่างกับองค์กรใหญ่ ๆ เราคำนึงถึงองค์กรเล็กของเราที่เราสังกัด งานที่ทำเป็นเรื่องของการถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกร เพราะฉะนั้นต้องแยกความแตกต่าง หัวปลาองค์กร กับหัวปลางานกิจกรรมที่เป็นหัวปลาย่อยออกมาให้ได้อย่างเข้าใจ จึงจะให้เข้าใจได้และปฏิบัติได้อย่างเชื่อมโยงไม่ขาดจากกัน
ต้องลองลงมือทำไม่ต้องกังวลเรื่องจะถูกหรือผิดไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้ทำไม่ได้เริ่ม
ภาพที่ผมนำเสนอคือ ภาพ KM ที่ไปผิดทาง คือภาพด้านบนนี้ ซ้ายของคาน คือเทคโนโลยีกับเครื่องมือซึ่งเป็นส่วนที่เราเน้นหนักจนเกินไปและขาดความสมดุลกับทางขวามือ ซึ่งเป็นเรื่องของคน และกระบวนการ การพยายามให้คนทำงานทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าใจคนหรือจัดกระบวนการให้เหมาะสมกับเครื่องมือเทคโนโลยี ก็ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายได้อย่างยากลำบาก
เหมือนการลากเกวียนที่มีล้อเป็นสี่เหลี่ยมไม่สามารถลื่นไหลตามแรงน้ำหนักที่พยายามลากหรือดันได้ นี้คือส่วนหนึ่งสั้น ๆ ที่ผมพูดคุยกับ เพื่อน ๆ นักส่งเสริม ฯ
ผมพูดน้อย ๆ เพื่อเตรียมการปรับเวทีในช่วงภาคบ่าย โดยการฝึกปฏิบัติและต้องการองค์ความรู้ที่เป็นประสบการณ์จากเพื่อน ๆ ที่เคยฏิบัติงานมาแล้วจริง
รวมถึงส่วนหนึ่งอยากให้เพื่อน ๆ เห็นกระบวนการพื้นฐานว่า KM เป็นอย่างนี้ ไม่ได้อะไรมากมายนัก เมื่อเริ่มนับหนึ่งได้จะนับสองนับสามก็ต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จะดัดแปลงปรุงแต่งก็อยู่กับประสบการณ์หน้างานเราเอง
อาจารย์ขจิตครับ
น้องวีรยุทธ (สิงห์ป่าสัก)
ดีใจมากในกิจกรรมการให้กำลังใจ Blogger ชาวกรมส่งเสริม ฯ เป็นแรงกระตุ้นอย่างดีเลยครับ
ขอบคุณที่มาเยี่ยม
สวัสดีครับ พี่วิทย์
มาแอบดูKMของส่งเสริมคะ
สวัสดีครับ น้องจุก(เกษตรยะลา)
สวัสดีครับ คุณแก่นจัง
สวัสดีครับ อาจารย์ MOO
สวัสดีค่ะพี่ชาญวิทย์
หวัดดีค่ะพี่ชาญวิทย์ น้องจะพยายามนำความรู้ที่ได้รับการแลกเปลี่ยนไปใช้ค่ะ
ในบริบทของนักส่งเสริมฯ แล้วอาจมีความแตกต่างกับองค์กรใหญ่ ๆ เราคำนึงถึงองค์กรเล็กของเราที่เราสังกัด งานที่ทำเป็นเรื่องของการถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกร เพราะฉะนั้นต้องแยกความแตกต่าง หัวปลาองค์กร กับหัวปลางานกิจกรรมที่เป็นหัวปลาย่อยออกมาให้ได้อย่างเข้าใจ จึงจะให้เข้าใจได้และปฏิบัติได้อย่างเชื่อมโยงไม่ขาดจากกัน
ขอบคุณครับ
ทวี
น้อง Tud Too
น้อง Plam
พี่ทวี
ขอบคุณทั้ง 3 ท่านที่แวะมาเยี่ยมและร่วมแลกเปลี่ยน
ต้องขออภัยที่มาตอบช้า เพราะไม่ได้เข้ามานานเหมือนกัน