สนับสนุนเด็ก ๆ ให้แสดงความคิดเห็น (3)


ประสบการณ์การอ่านของลูกสาว

ความรู้สึกจากการอ่านหนังสือเรื่อง ประสบการณ์ยิ่งใหญ่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ

หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเรื่องนี้กับครอบครัวในทุกๆคืนแล้ว ทำให้ฉันมีความรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในหมู่บ้าน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสามัคคีต่างๆนานา แม้ว่าหมู่บ้านจะมีสมาชิกภายในหมู่บ้านไม่มากเหมือนคนในหมู่บ้านอื่นๆ แต่คนทั้งหมู่บ้านก็ยังแสดงความมีพลังอันแรงกล้า ทั้งพลังแห่งความรัก พลังแห่งกำลังใจ พลังแห่งความสามัคคี ความกลมเกลียวผสมปนเปกัน จนเกิดมาเป็นหมู่บ้านอันแสนสุข

ฉันรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ไม่รู้จักคำว่า ท้อถอย ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย หรือหมดหวัง แต่ชาวบ้านที่นี้จะรู้จักแต่คำว่า พยายาม อดทน ให้กำลังใจ ร่วมด้วยช่วยกัน และคำว่าความสามัคคี ซึ่งคำพวกนี้ก็ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ประสบความสำเร็จตลอดมาอย่างที่เราได้เห็นกัน แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายขนาดไหนที่เข้ามาที่บ้านอุมะจิ แต่ชาวบ้านก็ยังมีความสามัคคีในการต่อสู้กับมัน และแม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างการเล่นเบสบอลของเด็กๆหมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังทำให้การเล่นสนุกๆของเด็กๆกลายเป็นประเพณีและกลายเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคนในหมู่บ้าน โดยเบื้องหลังจากการสำเร็จนี้ก็มีการพ่ายแพ้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่คนในหมู่บ้านก็ยังมีความหวังในการเดินสู้ฝ่าฝันอุปสรรค

โดยสิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่ฉันมีความประทับใจมาก เพราะในประเทศไทยตอนนี้ส่วนใหญ่ประเพณีเก่าแก่ของไทยค่อยๆหมดไป โดยที่ประเพณีจากชาวต่างชาติเข้ามาแทนที่ จึงทำให้ฉันมีแต่ความรู้สึกดีๆต่อหมู่บ้านอุมะจิ โดยจากการที่ได้อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ฉันคิดว่ามันเป็นหมู่บ้านที่น่าหลงใหลทีเดียวมีทั้งธรรมชาติอันเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเราและยังมีทั้งความรัก สามัคคี ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นแรงผลักดัน และยังไม่ย่อท้อถอยอะไรง่ายๆแม้ว่าจะเจออุปสรรคอันยากขนาดไหน

แถมคนในหมู่บ้านยังช่วยกันทำผลผลิตกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยหรือถ้าเหนื่อยยังไงก็ยังมีกำลังใจจากคนในหมู่บ้านทำให้มีแรงทำต่อไป และผลงานที่ออกมาแต่ละชิ้นนั้นก็มีความละเอียดอ่อน มีความพิถีพิถัน มีความเรียบง่ายทำให้ทุกๆชิ้นที่เป็นผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านอุมะจิเป็นของที่ระลึกอย่างดีเลย

ทำให้คนนอกที่เข้ามาสัมผัสคนในหมู่บ้านอุมะจิและได้เห็นความสมบูรณ์แบบอย่างนี้แล้วต้องเก็บไปเป็นความประทับใจเล็กๆไว้ภายในจิตใจตลอดไปแน่ๆก็เหมือนกับสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่นี้ และฉันก็อยากให้คุณลุงโตทานิได้มาสัมผัสบรรยากาศชาวใต้ของประเทศไทยบ้างว่าจะต่างกับที่หมู่บ้าน     อุมะจิอย่างไร เผื่อคุณลุงโตทานิจะได้เก็บภาพต่างๆภายในประเทศไทยไว้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจไว้ภายในจิตใจบ้างและได้เก็บไอแห่งความเป็นไทยไปบ้างไม่มากก็น้อยก็จะถือว่ายังดี แม้ว่าตอนนี้ประเพณีของเราเหลือน้อยมากแล้วก็ตาม แต่ถ้าลุงโตทานิได้พบกับความเป็นประเพณีไทยจริงอาจจะประทับใจก็ได้  และนี้ก็คือความรูสึกประทับใจจากการอ่านหนังสือเรื่องนี้ ค่ะ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากทั้งทางกายและใจและฉันก็อยากให้เป็นไปอย่างนี้ตลอดไปขอให้คงความเป็นหมู่บ้านอุมะจิไว้ตลอดไปให้คนนอกรุ่นหลังได้ชื่นชมความเป็นคนในหมู่บ้านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ผู้เขียน : เด็กหญิงพร้อมสิริ ภาษยะวรรณ์ ตอนนี้จบระดับชั้นม.1  โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร

 

หมายเลขบันทึก: 79767เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2007 00:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2012 02:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ดีใจจังค่ะ ที่น้องพร้อมสิริ ได้แนวคิดดี ๆ จากการอ่านหนังสือ   อ่านต่อไปนะค่ะ หนังสือดี ๆ ยังมีอีกเยอะค่ะ

ฉันรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ไม่รู้จักคำว่า ท้อถอย ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย หรือหมดหวัง แต่ชาวบ้านที่นี้จะรู้จักแต่คำว่า พยายาม อดทน ให้กำลังใจ ร่วมด้วยช่วยกัน และคำว่าความสามัคคี ซึ่งคำพวกนี้ก็ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ประสบความสำเร็จ

พี่มุว่า หลักสำคัญที่น้องสรุปออกมา เราเอามาใช้กับตัวเองได้เลยนะเนี่ย ถ้าเราเป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่า ท้อถอย เหนื่อย หรือหมดหวัง รู้จักแต่คำว่า พยายาม อดทน ให้กำลังใจ ร่วมด้วยช่วยกัน และความสามัคคี ตัวเรา และกลุ่มที่เราอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน หรืออื่นๆ) ก็จะประสบความสำเร็จเหมือนกับบ้านอุมะจิได้

แอบกระซิบว่า ที่น้องอยากให้ลุงโตทานิไปสัมผัสบรรยากาศทางใต้ กำลังจะเป็นความจริงแล้วค่ะ พี่มุจะแอบพาคุณลุงและชาวอุมะจิที่มาด้วยกัน ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับสองชุมชนทางใต้ แล้วพี่มุจะมาเล่าให้ฟังนะว่าไปที่ไหนมาบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท